1 ธ.ค.2563 ที่รัฐสภา นายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.บัญชีรายชื่อ พร้อม นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ร่วมแถลงกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ใช้บ้านพักรับรองของกองทัพบก ทั้งที่เกษียณอายุราชการแล้ว ในวันที่ 2 ธันวาคม 2563 นี้
นายธีรัจชัยกล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 184 บัญญัติไว้ว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาต้องไม่รับเงิน หรือประโยชน์จากหน่วยงานราชการ หน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจเป็นพิเศษ นอกเหนือไปจากที่หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจปฏิบัติต่อบุคคลอื่นๆ ในธุรกิจการงานปกติ โดยมาตรา 186 บัญญัติว่าให้มาตรา 184 มาใช้บังคับแก่รัฐมนตรีด้วยโดยอนุโลม... กรณีนี้ตั้งแต่นายกฯเกษียณอายุราชการมาก็อยู่บ้านพักมาตลอด โดยมีข้อโต้แย้งจากกระทรวงกลาโหม แก้ไขระเบียบเพื่อเปิดโอกาสให้บุคคลที่ทำคุณประโยชน์แก่ประเทศสามารถอยู่ได้แม้ไม่ได้เป็นข้าราชการ ซึ่งมาแก้ภายหลังในปี’63
“ในมาตรา 184 บอกว่าต้องไม่รับเงินหรือประโยชน์อันใด ความหมายคือห้ามรับ แม้จะมีสิทธิ์รับก็ตาม การที่กองทัพบกมาแก้ระเบียบในปี’63 ให้บุคคลที่ทำคุณประโยชน์แก่ประเทศ แต่ก็ต้องไม่ดำรงตำแหน่งสส. สว. รัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี กรณีนี้ไม่ได้มีส่วนช่วยให้พ้นจากบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญได้เลย ทั้งนี้ เราเคย มีการตัดสินในคดีนายสมัคร สุทรเวช อดีตนายกฯ เรื่องการทำกับข้าวออกทีวีก็ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ ซึ่งในภายหลัง มีหลายคนบอกว่าอาจจะคลาดเคลื่อน สิ่งเหล่านั้นอย่าเกิดขึ้นอีกเลยทั้งประเด็นระเบียบกระทรวงกลาโหมกับรัฐธรรมนูญมีฐานะทางกฎหมายที่ต่ำกว่า ไม่อาจเทียบกันได้ การแก้เพื่อช่วยเหลือพล.อ.ประยุทธ์ จึงไม่สามารถนำกฎหมายที่ต่ำกว่ารัฐธรรมนูญมาให้พ้นผิดได้ และไม่น่าชอบด้วยการตีความกฎหมายตามหลักสากล”
นายธีรัจชัยกล่าวต่อว่า ประชาชนสนใจในวิกฤติความเชื่อมั่นองค์กรตุลาการในการตีความกฎหมาย ตนอยากให้องค์กรที่เกี่ยวเนื่องอย่างตุลาการเป็นหลักของบ้านเมืองได้ ตัดสินอย่างตรงไปตรงมา ไม่ว่าจะเป็นใครหรือฝ่ายการเมืองใดก็ตาม ต้องอยู่ในมาตรฐานเดียวกัน เราเคารพการตัดสินในฐานะที่เป็นองค์กรชี้ขาด แต่ขอให้คำนึงถึงการเป็นจุดยืนหลักของประเทศ อย่าให้เป็นที่สงสัยหรือวิจารณ์ได้ ขอเรียนว่านักฎหมาย นักนิติศาสตร์กำลังจดจ้องถึงเหตุผลว่าจะเขียนออกมาอย่างไร เพราะสิ่งนี้จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเหตุผลชอบธรรมตามกฎหมายหรือไม่ ตรงไปตรงมาหรือไม่
เพื่อจะเข้าใจเรื่องนี้ ข่าวนี้ ขอไล่เลียงไทม์ไลน์ของเรื่องนี้โดยลำดับว่า...
25-27 ก.พ.2563 ในระหว่างเปิดศึกซักฟอกรัฐบาล นายประเสริฐ จันทรรวงทอง สส. นครราชสีมา พรรคเพื่อไทยได้เปิดประเด็นกล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจงใจไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 184 ว่าด้วยการขัดกันของผลประโยชน์ เนื่องจากยัง “พักในบ้านพักทหารโดยไม่จ่ายค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ ทั้งที่เกษียณอายุราชการจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ไปตั้งแต่ 1 ต.ค. 2557” ถือเป็นการรับประโยชน์จากหน่วยงานของรัฐ และไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์ในลักษณะที่ร้ายแรง อีกทั้งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็ห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดเกิน 3,000 บาท โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ ร่วมอภิปรายสนับสนุนว่านายกฯไม่สามารถอยู่บ้านหลวงต่อโดยอ้างเหตุความปลอดภัยได้
9 มี.ค.2563 นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภา พร้อม สส.ฝ่ายค้านรวม 56 คน ได้เข้าชื่อกันยื่นคำร้องผ่านประธานสภา เพื่อขอให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (5) และมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 186วรรคหนึ่ง และมาตรา 184 วรรคหนึ่ง (3) หรือไม่ จากกรณีพักอาศัยในบ้านหลวง
10 มี.ค.2563 นายชวน หลีกภัย ประธานสภา เปิดเผยว่าได้ส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยแล้ว
11 มิ.ย.2563 ศาลรัฐธรรมนูญทำหนังสือแจ้งคู่ความว่ามีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย และให้ผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาล
4 พ.ย.2563 ศาลรัฐธรรมนูญเผยแพร่เอกสารข่าวระบุว่า ศาลได้ประชุมปรึกษากันแล้วเห็นว่า “คดีมีข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงยุติการไต่สวน” และกำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติ และอ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟังในวันที่ 2 ธ.ค. เวลา 15.00 น.
สรุปข้อกล่าวหา :
1.จงใจฝ่าฝืนบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 184 และมาตรา 186 ของรัฐธรรมนูญ ห้าม สส. สว. หรือ รมต. รับเงิน หรือ “ประโยชน์ใดๆ” จากหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเป็นพิเศษ นอกจากที่หน่วยงานเหล่านั้นปฏิบัติต่อบุคคลอื่นๆ ในธุรกิจการงานปกติ
2.กฎหมาย ป.ป.ช. ปี 2561 มาตรา 128 ของ พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่รัฐและผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรับทรัพย์สิน หรือ “ประโยชน์อื่นใด” ที่มีมูลค่าเกิน 3,000 บาท
3.ขัดมาตรฐานจริยธรรมผู้ดำรงตำแหน่งการเมืองปี 2561 ข้อ 9 ของมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ (ซึ่งใช้กับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วย) ระบุว่า ผู้ดำรงตำแหน่งเหล่านี้ต้องไม่ขอ ไม่เรียก ไม่รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือ “ประโยชน์อื่นใด” ในประการที่อาจทำให้กระทบกระเทือนต่อการปฏิบัติหน้าที่
สรุปข้อต่อสู้ :
พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ส่งถึงศาลรัฐธรรมนูญเมื่อ 28 ก.ย. 2563 สาระสำคัญตอนหนึ่งระบุว่า ทบ. ตระหนักถึงความสำคัญในการดูแลอดีตผู้บังคับบัญชาที่ดำรงตำแหน่งสำคัญ เช่น องคมนตรี ครม. สส. สว.จึงจัดให้มีบ้านพักรับรองในพื้นที่ของ ทบ. เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่ทั้งในยามปกติ และในสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ ที่ต้องการความรวดเร็วในการแก้ไขปัญหา และเพื่อให้สามารถดำรงสถานะทางสังคมได้อย่างสมเกียรติและมีศักดิ์ศรี สำหรับผู้มีสิทธิเข้าพักอาศัย ต้องเป็นผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของ ทบ. หรืออดีตผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของ ทบ. ซึ่งยังคงทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติและ ทบ. และเคยดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. มาแล้ว
“พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นบุคคลสำคัญระดับประเทศ และเป็นอดีตผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของ ทบ. ซึ่งทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติและ ทบ. หากพักอยู่นอกเขตทหาร จะทำให้เกิดความยากลำบากในการรักษาความปลอดภัย จึงอนุมัติให้เข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองของ ทบ. รวมถึงให้การรักษาความปลอดภัย และการสนับสนุนอื่นๆ ในฐานะบุคคลสำคัญของประเทศ”
สรุปสาระสำคัญ :
1.ในแง่ของ “ผู้ให้” คือ กองทัพบก มีระเบียบรองรับการให้นั้น ไม่ผิดแน่ และกรณีนี้ ไม่ใช่การเอาผิด “ผู้ใหญ่” แต่เป็นการให้วินิจฉัยว่า “ผู้รับ” รับแล้ว จะเข้าข่าย“รับประโยชน์ใดๆ” หรือ “ประโยชน์อื่นใด” แบบตรงตามตัวอักษรเป๊ะๆ หรือไม่
2.ถ้าตรงตามตัวอักษร ก็จะทิ้งคำว่า “ประโยชน์ใดๆ” จากหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเป็นพิเศษ นอกจากที่หน่วยงานเหล่านั้นปฏิบัติต่อบุคคลอื่นๆ ในธุรกิจการงานปกติ
3. ขีดเส้นใต้บรรทัดที่คำว่า “นอกจากที่หน่วยงานเหล่านั้น ปฏิบัติต่อบุคคลอื่นๆ ในธุรกิจการงานปกติ”ในกรณีนี้ กองทัพบอกว่า เป็นการให้ตามปกติ ในฐานะอดีต ผบ.ทบ. ไม่มีกรณีพิเศษใดๆ ซึ่งหลายฝ่ายก็บอกว่า ตรงนี้แหละ ที่จะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ หลุดจากการกล่าวหา!!
4.ผู้สันทัดกรณีได้บอกกับผมว่า สิ่งที่ฝ่าย พล.อ. ประยุทธ์ ต้องพิสูจน์ต่อศาล คือ มีการเปลี่ยนแปลงใช้ประโยชน์บ้านหลังดังกล่าว จาก “บ้านพักสวัสดิการ”(ตามระเบียบปี 2553) เป็น “บ้านพักรับรอง” (ตามระเบียบปี 2548) เมื่อไรและอย่างไร เพื่อให้สอดรับกับเอกสารชี้แจงที่ พล.อ.อภิรัชต์ส่งถึงศาลรัฐธรรมนูญ เพราะถ้าบ้านหลังดังกล่าวยังอยู่ในฐานะ “บ้านพักสวัสดิการ” สิทธิพักอาศัยของ พล.อ.ประยุทธ์ และบริวารก็จะหมดลงตั้งแต่เกษียณอายุราชการ แต่ถ้าเป็นบ้านพักรับรอง ในฐานะอดีต ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์และครอบครัวก็มีสิทธิอยู่ในบ้านพักนี้ได้
5. พล.อ.ประยุทธ์ เคยพูดถึงเรื่องนี้ว่า “ปัญหาของผมคือ ผมเป็นนายกฯ มันมีปัญหาเรื่องการรักษาความปลอดภัย จึงจำเป็นต้องมีสถานที่ที่เหมาะสมในเรื่องการรักษาความปลอดภัยนี้ ในฐานะเป็นผู้นำประเทศ และอื่นๆอีกหลายอย่าง ซึ่งผมก็เตรียมการไปอยู่บ้านผมอยู่แล้ว”
สรุปในท้ายที่สุด :
1.งานหนักตกอยู่ที่ศาล ที่จะต้องเขียนคำวินิจฉัยให้คนเข้าใจง่ายๆ กระจ่าง ไม่ติดค้างคาใจ
2.ในโลกแห่งความเป็นจริง มีคนอยู่จำพวกหนึ่งที่ “คิดไปแล้ว” ว่า พล.อ.ประยุทธ์ทำอะไรก็ไม่ผิด คอยดูสิตรงนี้คือจุดอ่อนไหวที่กระทบต่อการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ถูกมองว่าเป็นศาลการเมือง ผมจึงบอกว่า งานหนักตกอยู่ที่ศาล ที่จะต้องทำให้การตัดสินบ่ายวันนี้นั้น “ไม่เหลือความเคลือบแคลง” ใดๆ หรือหากเหลือก็ให้เป็นเรื่อง “อคติ” ของคนบางกลุ่มไป
3.พล.อ.ประยุทธ์ ควรคิดถึงคำว่า “โลกติเตียน” เอาไว้ด้วย เงินทองท่านมีพอที่จะเช่าบ้าน ซื้อบ้าน ปลูกบ้าน ได้หมดเลย เรื่องความปลอดภัยก็มีวิธีจัดการอีกมากมาย อย่าปล่อยให้ “โลกติเตียน” อีกต่อไปเลย มาหาบ้านอยู่ซะ
4.ฝ่ายค้านกับม็อบคงจะบดขยี้เรื่องนี้ไปอีกพักใหญ่ๆ หากคำวินิจฉัยของศาลไม่เคลียร์ บวกกับนายกฯไม่แคร์
เรื่องนี้ก็จะเป็น “ไฝฝ้าราคี” บนผิวเนียนๆ ของ พล.อ.ประยุทธ์ไปอีกนาน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี