คอลัมน์ “ข่าวปนคน คนปนข่าว” ของค่าย “ผู้จัดการออนไลน์” ทิ่มเข้าตรงจุด กับประเด็นการระบาดของโควิด-19 ที่สมุทรสาคร และท่าทีของ “ผู้นำ” ด้านการบริหารของประเทศ โดยกล่าวว่า
“...ทะลุ 1 พันรายไปเรียบร้อย ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19“ระลอกใหม่” ที่มีศูนย์กลางจาก “มหาชัย” จ.สมุทรสาคร จนถูกขนานนามเป็น “อู่ฮั่น 2”
ส่วนใหญ่ก็เป็น “แรงงานต่างด้าว” ที่ทำงานอยู่ในตลาดส่งสินค้าและอาหารทะเลตามที่ทราบกันแล้ว ที่สำคัญ ยังเป็นแรงงานที่เข้าเมืองมาอย่าง “ผิดกฎหมาย” เสียด้วย
งานนี้ดูเหมือนมีความพยายาม “ตัดตอน” ความผิดไว้ที่ “ปลายน้ำ” ลูกเดียว ไม่ยักจะไล่เบี้ย จับมือใครดมจริงจังว่า “แรงงานผิดกฎหมาย” ที่ลักลอบเข้ามาโดยไม่มีการตรวจคัดกรองโรคนั้น “ต้นน้ำ” อยู่ที่ไหน
ท่ามกลางกระแสข่าวหนาหูว่า “แรงงานเถื่อน” มี “ค่าใช้จ่าย” ตกแล้ว “หัวละหมื่น”...คำนวณตามข้อมูลดิบที่ว่ามีแรงงานผิดกฎหมายเข้ามาแล้วมากกว่า4 แสนรายเลยทีเดียว
จับคำนวณแล้วเบาะๆ แบบไม่บอกผ่าน 4 แสนรายรายละ 10,000 ก็เท่ากับ 4 พันล้านบาท !!
งานนี้น่าเห็นใจ “พ่อเมืองมหาชัย” วีระศักดิ์วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าฯสมุทรสาคร ที่กลายเป็น “ตำบลกระสุนตก”ทั้งๆ ที่เรื่องการลักลอบเข้าเมืองควรเป็นเรื่องของ“ฝ่ายความมั่นคง” มากกว่า
จิ้งจกในที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. ส่งเสียงออกมาว่าที่ประชุม ครม.ที่มี “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่งหัวโต๊ะ มีการถกเถียงประเด็นการระบาดโควิด-19 “ระลอกใหม่” โดยมี “ผู้ว่าฯวีระศักดิ์” วีดีโอคอนเฟอเรนซ์เข้ามารายงานสถานการณ์ใน จ.สมุทรสาคร ให้ที่ประชุมรับทราบ
งานนี้ “ลุงตู่” ตำหนิกันไปแรงๆ ว่า “ปล่อยให้มีการแพร่ระบาดเช่นนี้ได้ยังไง การระบาดครั้งนี้ เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน แต่ผู้ว่าฯเองก็ผิดที่ปล่อยให้มีการระบาดเช่นนี้”
ตามมาด้วย “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่ “ออกตัวแรง” ถึงกรณีแรงงานต่างด้าว 2.5 ล้านราย และมีประมาณ 4 แสนราย ที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน และจะทำอย่างไรกับคนกลุ่มนี้ ให้ไล่ก็ไม่ได้ ให้อยู่กับที่และให้มาขึ้นทะเบียนให้ถูกต้อง ให้ไปพูดคุยกับแรงงานว่า ต้องการหรือไม่
สะท้อนว่า “บิ๊กป๊อก” เจ้าของตำแหน่ง มท.1 เจ้านายของ “พ่อเมืองมหาชัย” รู้เต็มอกว่า ปัญหามันเกิดจาก “แรงงานเถื่อน” ที่ลักลอบเข้ามา แต่ไม่ยักจะปกป้อง“ลูกน้อง” แต่ประการใด กลับคิดแค่หาทาง “ฟอกขาว” ให้กับ “ขบวนการขนแรงงานเถื่อน” ว่าจะให้ลงทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมายอย่างไร
ที่สำคัญ ยังไม่คำนึงถึงข้อกล่าวหา “ค้ามนุษย์”ที่สู้อุตส่าห์ต่อสู้เพื่อให้หลุดโทษแบนจากชาติตะวันตกมาตลอดช่วงรัฐบาล คสช. และทั้งๆ ที่ควรไล่เบี้ยถามว่า “ต้นน้ำ”ที่ปล่อยให้ “แรงงานเถื่อน” หลุดเข้ามาอยู่ที่ไหน
แล้วเสียงลือเสียงเล่าอ้าง ถึงผลประโยชน์กว่า4 พันล้านบาท ไปตกหล่นอยู่ที่ไหน อย่างไร
ฝ่ายความมั่นคงทั้ง “ทหาร-ตำรวจ” ของแบบนี้ถ้าไม่มีเจ้าหน้ารัฐรับส่วย เงินใต้โต๊ะ ต้องลากคอกันออกมามากกว่าจะไปกล่าวโทษหา “แพะ” อย่าง “ผู้ว่าฯ วีระศักดิ์”
ไม่ใช่แค่กรณีที่มหาชัยเท่านั้น “ขบวนการอุ้ม”ข้ามแดนที่เป็นเรื่องมาตั้งแต่กรณี “ผับ 1G1” ท่าขี้เหล็ก ที่ทำเอาหลอนทั้งประเทศ ก็ยังจับมือใครดมไม่ได้
แล้วไหนจะกระทรวงแรงงานของ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น ที่ออกตัว เอาตัวรอดไปก่อนนี้ ทำนองกระทรวงแรงงาน ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้ามา...อย่างนี้เขาเรียกว่าแถไถ แบบขอไปที
เรื่องแรงงานเถื่อน ถ้า “เสี่ยเฮ้ง” ไม่รู้ ก็ควรต้องรู้ว่าโรงงานใหญ่น้อย ภาคอุตสาหกรรมที่ต้องใช้แรงงานต่างด้าว เวลาต้องการแรงงาน ขั้นตอนการขออนุญาตขึ้นทะเบียนก็ต้องผ่านกระทรวง ก็แล้วทำไมถึงมีแรงงานลงทะเบียนบ้างไม่ลงทะเบียนบ้าง?? ปล่อยให้มีแรงงานเถื่อนเป็นหลายแสนรายในระบบโรงงานได้อย่างไร
แสดงว่าต้องมีขบวนการค้าคน ยัดเงินใต้โต๊ะให้เจ้าหน้าที่ เรื่องนี้ “เสี่ยเฮ้ง” จะขว้างงู ก็เห็นจะไม่พ้นคอแน่ๆ
ปัญหามันเกิดอยู่ในระบบของราชการนั่นแหละอย่าโบ้ย อย่าใบ้ ควรต้องหาทางแก้ จัดการให้เด็ดขาด
กลับมาที่เคสมหาชัยนั้น ในความเป็นจริงแล้ว“ผู้ว่าฯ วีระศักดิ์” ก็มีแอ๊กชั่นมาตรการโควิด-19 เด็ดขาดเบอร์ต้นๆ ของประเทศมาตั้งแต่มารับตำแหน่งเมื่อ ต.ค. 2562 ครั้งหนึ่งคนมหาชัย-ลูกค้า บ่นระงมเกี่ยวกับมาตรการประกาศปรับ 2 หมื่นบาท สำหรับคนที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยออกมาจากบ้าน ก็มาจากนโยบายผู้ว่าฯ คนนี้ ตลอดจนมาตรการคัดกรองตามที่ชุมชน-ตลาด โดยเฉพาะที่ “ตลาดกลางกุ้ง” เคยถูกบ่นเช่นกันว่า เข้มงวดเกินเหตุ ถึงขนาดในวงการสาธารณสุขก็ยก จ.สมุทรสาคร ให้เป็นโมเดลการป้องกันโควิด-19 ระดับประเทศเลยทีเดียว
แต่เกิดหละหลวม “การ์ดตก” จนเป็นเรื่องขึ้นมา
คำถามมีว่าบรรดา “เสนาบดี” ที่รุมถล่ม “ผู้ว่าฯ วีระศักดิ์” กลางที่ประชุม ครม.นั้น ถูกต้องแล้วหรือ
คำถามที่แท้ควรถามถึง “ไอ้โม่ง” ที่คุมฝ่ายความมั่นคงว่า ปล่อยให้มี “ขบวนการอุ้มแรงงานข้ามแดน” ได้อย่างไร
แล้วผลประโยชน์ 4 พันล้านบาทจาก “แรงงานเถื่อนเมียนมา” มีจริงหรือไม่ แล้วตกไปอยู่ในกระเป๋าใคร?...”
เรื่องนี้ เล่นเอานายกรัฐมนตรีเก้าอี้ร้อนฉ่า เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มักเล่นบท “คนสุจริต” เกลียดการทุจริต และประกาศขจัดการทุจริตทุกรูปแบบอยู่เนืองๆ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว ในการแถลงข่าวร่วมกับ ศบค. เมื่อ 24 ธันวาคมที่ผ่านมา ใน 2 ประเด็น คือ1.การจัดการกับปัญหาการแพร่ระบาดเฉพาะหน้า กับ2.การจัดการกับปัญหาแรงงานเถื่อนในระยะยาว ว่า
วันนี้สิ่งที่ทำได้ดีที่สุด จะไม่มีการแพร่เชื้อใหม่ได้ คือ การทำมาตรการป้องกันด้านสาธารณสุข ไม่รับเชื้อและแพร่เชื้อให้คนอื่น และถ้ารู้ตัวว่าไปพื้นที่เสี่ยงขอให้กักตัวเองทำไมต้องให้บังคับ และถ้ามีอะไรสงสัยก็ให้ไปหาหมอ เพราะตรวจให้ฟรีอยู่แล้ว สิ่งสำคัญวันนี้ คือ การบริหารแรงงานต่างด้าว ท่านก็รู้แรงงานต่างด้าวมีเท่าไหร่ กี่ล้านคนแล้วทำไมต้องมีแรงงานต่างด้าว เพราะคนไทยไม่ทำงานเหล่านี้ จึงต้องมีแรงงานต่างด้าวที่ถูกกฎหมาย ทุกรัฐบาลที่ทำมาย้อนกลับไปดูมีใครทำไหม
รัฐบาลนี้ขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อ 2 ปีที่แล้ว วันนี้ก็ต้องดูที่เล็ดลอดเข้ามา เพราะความต้องการมากขึ้น คนเห็นแก่ตัวมากขึ้น จ้างแรงงานราคาถูก พอเดือดร้อนขึ้นมาก็ขอให้รัฐบาลเยียวยา ตนว่ามันช่วยกันไม่ได้เหรอ ก็ให้รับแรงงานที่มันถูกต้อง ยอมเสียค่าแรงให้เขาหน่อย มันเป็นเรื่องของความเป็นธรรม การดูแลเขา เพราะเป็นเพื่อนบ้านกัน พอเราไม่ปฏิบัติตามกฎกติกา กฎหมาย มันก็คือปัญหา เพราะมีคนที่แสวงหาประโยชน์ตรงนี้ เราต้องช่วยสร้างความเข้าใจ นี่คือรวมใจไทยสร้างชาติ
นายกฯกล่าวว่า ทุกกิจกรรมถ้าบอกว่ารัฐบาลได้ผลหรือไม่ได้ผล ทำดีไม่ได้ดี ต้องไปดูซิว่า คนไทยทั้งหมดร่วมกันได้ไหม
“ผมไม่ได้ไปโทษคนไทยเลย ไม่ได้โทษใครทั้งสิ้นจะแรงงานต่างด้าวหรือคนไทยก็ไปหาดูว่า ใครที่เกี่ยวข้องตรงนี้จะต้องทำตัวอย่างไร ปรับตัวอย่างไรรัฐบาลมีหน้าที่ในการดูแล เมื่อมีคนได้รับผลกระทบก็ต้องดูแล มีผู้เจ็บป่วยก็ต้องช่วยดูแลแก้ปัญหาไปทุกอย่างมันคือปัญหาคน 70 ล้านคน ใช่ไหม จะทำให้ถูกใจทุกคนเป็นไปได้ไหม มันยากเหมือนกัน เพราะทุกคนมีความคิดเป็นของตัวเอง วันนี้โลกโซเชียลมันก็ไกล ทุกคนเป็นห่วงกันหมด ท้ายที่สุดใครจะด่าจะว่าผม รับได้ทั้งหมด แต่ผมก็ไม่โกรธเขาหรอก มันบาป ไม่โกรธหรอก”
นายกฯกล่าวด้วยว่า ขอให้ทุกคนช่วยกันทำให้บ้านเมืองปลอดภัยในระยะนี้ ต่อไปนี้ทุกวันแถลงตรงนี้ ถ้ามีอะไรที่ไม่ตรงกับที่แถลงก็ถามหมอทวีศิลป์แล้วจะไปหาคำตอบให้ ถ้าไปฟังตรงโน้นมาแล้วมีตีตรงนี้ โดยที่ไม่บอกว่าคืออะไรมันแก้ไม่ได้
วันนี้แรงงานต่างด้าวข้างในก็ควรจะอยู่ในพื้นที่ และมีการแยกกันให้ชัดเจน วันนี้มาติดคนไทย จากการติดแรงงานต่างด้าว จะแยกกันอย่างไร ใครตรวจแล้ว จะทำอย่างไร ใครยังไม่ตรวจ จะทำอย่างไร และจะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัปดาห์หน้า ในเรื่องของการมาตรการในการให้ทำงานได้เป็นการชั่วคราว พวกที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน เพราะความต้องการของบริษัท ผู้ประกอบการต้องการแรงงานเยอะ วันนี้มีกิจกรรมมากมายเกิดขึ้น ต้องไปดูว่าที่ขึ้นทะเบียนครั้งที่แล้วมันพอหรือยัง ก็ต้องให้สถานประกอบการทั้งหมดได้ระบุว่าต้องการแรงงานเท่าไหร่ เพื่อจะตรวจสอบขึ้นบัญชีให้เรียบร้อย
วันนี้คนที่ถูกต้องเท่าไหร่ คนที่ไม่ถูกต้องเท่าไหร่ทำอย่างไรที่จะให้คนกลุ่มนี้เข้ามาสู่ระบบให้ได้ นี่แหละคือความต้องการของตลาดแรงงานอย่างแท้จริง ต้องบริหารแบบนี้ ถ้าจิ๊บจ๊อยทุกเรื่องมันเป็นไปไม่ได้หรอก
“ที่ผมมาพูดวันนี้ ยืนยันว่ารัฐบาลจะดูแลอย่างเต็มที่ และให้คำยืนยันจากกระทรวงสาธารณสุขว่า สามารถดูแลได้ หากทุกคนให้ความร่วมมือ ขณะนี้มีทั้งจังหวัดที่มีมากบ้างน้อยบ้าง ตรงไหนที่แรงมากหน่อยก็อยู่ในพื้นที่ควบคุมในระดับที่สูงสุด ส่วนที่เหลือก็อาจจะเฝ้าระวังมากบ้างน้อยบ้าง ก็แล้วแต่สถานการณ์ ไม่เช่นนั้นก็ตื่นตระหนกกันไปทั้งหมด ถ้าบอกเป็นสีเดี๋ยวก็ตกใจกันอีก แต่นี่เขากำหนดบางพื้นที่ บางอำเภอ บางตำบล บางชุมชน วันนี้ในที่ประชุมถือว่าได้ข้อสรุปเยอะเพื่อที่ทุกฝ่ายจะได้ปฏิบัติได้
“ผมได้เน้นย้ำไปกับผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งเป็นผู้บัญชาการในระดับพื้นที่อยู่แล้ว และมีอำนาจสั่งการ ผมได้มอบไปแล้ว ไม่ใช่ว่าผมจะไปโยนให้ผู้ว่าฯ แต่เป็นการมอบอำนาจจากผมลงไป เพราะฉะนั้นผู้ว่าฯก็ต้องทำให้เต็มที่ทำให้ดีที่สุด รวมถึงข้าราชการ พลเรือน ตำรวจ ทหารทุกเรื่องช่วยกันปราบปรามการทุจริตให้ผมด้วย ถ้าพูดกันลอยๆ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ที่ผ่านมาเขาก็จับแต่ไม่มีการแถลงข่าว
“วันนี้ก็จะต้องให้รับรู้ข้อมูลกันให้มากยิ่งขึ้น เพราะมีคนสงสัยเยอะ ก็ต้องไปดูที่บอกว่ามีผู้มีอำนาจสั่งให้รถตู้เข้ามาก็ต้องไปดูว่าใครคือผู้มีอำนาจที่ว่า ใครจะกล้าสั่งบอกมาเลย ผมจะปลดมันเดี๋ยวนี้ เอามาเลย จะส่งแบบลับๆ มาก็ได้ ชื่อใครบอกมา ผมจะสอบให้หมด และผมก็ดูในโซเชียลก็เห็นมีส่งชื่อมา ผมก็กำลังสอบอยู่หลายคนเหมือนกัน ท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทั้งหมดผมจะสอบหมด”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ต้องเข้าใจว่า
1) เรื่องการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 แทบจะเป็น “จุดแข็ง” และผลงานเดียวของรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ยากแก่การถูกโจมตีทางการเมืองตลอดมา และเป็นปัญหาที่จะลามไปซ้ำเติม “เศรษฐกิจ” และการต้อง “กู้” เงินมาใช้บริหารประเทศ ที่ถูกโจมตีมาตลอด นี่ย่อมเป็นเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ “ร้อน” ที่สุด
2) กระนั้นก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนที่ “ท่าดีทีเหลว”ในการจัดการกับปัญหา ที่เมื่อไรก็ตาม ไปพัวกันเกี่ยวข้องกับ “คนใกล้ตัว” หรือ “คนในฝ่ายการเมือง” ของตัวเสมอมา ครั้งนี้เรื่องการ “ขนแรงงานต่างด้าวเข้าเมือง”มันต้องฝ่ามาตั้งแต่แนวชายแดน (ใครดูแล) กว่าจะถึงสมุทรสาคร ฝ่ามาอีกกี่ด่าน จ่ายไปอีกกี่ส่วย ในเวลาที่ประเทศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินควบคุมสถานการณ์โควิดหากคุ้ยมาคุ้ยไปแล้วไปเจอ “ตอ” พล.อ.ประยุทธ์จะกล้า “ล่อ” จริงจังแค่ไหน
3) ปัญหาแรงงานต่างด้าวที่สมุทรสาคร ต้องลงไปให้ถึง “ตีนภูเขาน้ำแข็ง” ให้ได้ เพราะที่โผล่มาขณะนี้ เป็นแค่ยอดภูเขา มีเรื่องส่วย เรื่องผลประโยชน์ เรื่องการปล่อยให้แรงงานเป็นเจ้าของกิจการ และอื่นๆ ที่กฎหมายไม่อนุญาต เกิดขึ้นในพื้นที่อีกมากมาย ไหนจะเรื่องคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ ความแออัด การมีอิทธิพลกระทบต่อการดำรงชีวิตของคนในท้องถิ่น และอื่นๆ อีกจิปาถะ นั่นรวมไปถึง “การค้ามนุษย์” ที่เป็นประเด็นอ่อนไหวสุ่มเสี่ยงกับประเทศอีกไม่น้อยด้วย
แต่ขั้นต้น ต้องไม่มีคนต่างด้าวคนใดถูกตีตราว่าเป็น “เชื้อโรค” ที่น่ารังเกียจ ไม่ว่าเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือเชื้อโรคทางสังคมอื่นๆ
คนทุกคน มีคนดี คนเลว ปะปนกันอยู่
ไม่มีใครอยากป่วย ไม่มีใครอยากเป็น “คนชั้นสอง” ของทุกๆ สังคม
เฉพาะหน้ารักษาโควิดกันก่อน ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร
ระยะยาว รักษาโรคขี้โกงขี้ฉ้อ เฉียบขาดต่อการมีแต่แรงงานถูกกฎหมาย แรงงานในระบบ กำกับความเป็นอยู่ที่แออัด ไม่มีโควิด-19 ก็สุ่มเสี่ยงต่อการมีโรคอื่นๆ เกิดขึ้นได้ง่ายอยู่แล้วที่นั่น
ความสุจริตของการจ้างแรงงาน การนำเข้าแรงงาน การควบคุมจัดการกับคนงานในการมีถิ่นฐานที่ชัดเจน มีนายจ้างที่ชัดเจน มีการคุมกำเนิด ดูแลสวัสดิการและสวัสดิภาพของการอยู่ร่วมกัน ณ จังหวัดสมุทรสาคร จะเป็น “ต้นแบบ” ของการจัดการแรงงานเถื่อนและการค้ามนุษย์ได้ทั่วประเทศ และเป็นตัววัดพลัง “ความจริงจัง-จริงใจ” ไม่ลูบหน้าปะจมูกของชายชื่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี