ไม่ต้องมีความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์ ไม่ต้องค้นคว้าหาตัวเลขดัชนีใดๆมายืนยัน ทุกคนย่อมรู้ว่า เศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกขณะนี้ไม่ดี ยอดการจับจ่ายใช้สอยลดลงหมด เพราะผลกระทบจากโควิด-19
แต่ในบ้านเรา มักจะมีนักการเมือง หรือผู้อวดรู้ทางเศรษฐกิจออกมาแสดงความเห็น เขย่าขวัญ เพื่อให้ได้รับความสนใจจากสังคม โดยพูดถึงเศรษฐกิจในปีใหม่นี้ทำนองว่า “ปีก่อนเผาหลอก ปีนี้เผาจริง” วาดภาพไปในทำนองว่าเศรษฐกิจไทยจะย่อยยับอับปางแน่แล้ว จงเก็บเงินไว้ อย่าใช้จ่าย อย่าลงทุน ทำเอาคนที่หลงเชื่อขี้หดตดหาย อกสั่นขวัญแขวน
ทั้งๆ ที่ หากย้อนกลับไปก่อนหน้านั้นหลายๆ ปี ก็จะพบการออกมาทำนายเศรษฐกิจในลักษณะดังกล่าวอยู่ทุกๆ ปี คือ ออกมาบอกว่าเศรษฐกิจปีนี้จะแย่กว่าปีที่แล้ว จะหายนะแน่ๆ แถมบางคนมันพูดแบบนี้ทุกปีด้วยซ้ำ นั่นหมายความว่า มันคงจะพูดถูกสักครั้ง หากมันอายุยืนยาวพอ
วันนี้ ขอสรุปข้อมูลสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน และทิศทางที่น่าจะเป็นในปี 2564 โดยประเมินจากตัวเลขดัชนีสำคัญต่างๆ มีที่มาที่ไปมีเหตุมีผล ไม่นั่งเทียน ไม่พูดเอามันส์ สรุปใจความสำคัญจากบทวิเคราะห์ของ“วิจัยกรุงศรี” ว่าด้วย “เศรษฐกิจไทยปี 2563 และแนวโน้มปี 2564” ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจ ดังนี้
1. คาดว่าบทสรุปเศรษฐกิจไทยปี 2563 จะหดตัวที่ร้อยละ -6.4
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ตั้งแต่ต้นปี 2563 ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกเผชิญภาวะวิกฤติครั้งรุนแรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ภาพรวมของไทยแม้จะสามารถรับมือกับการระบาดรอบแรกได้เป็นอย่างดี แต่ในช่วงท้ายปีกลับต้องมาเผชิญกับการระบาดระลอกใหม่ที่มีความเสี่ยงอาจรุนแรง เศรษฐกิจไทยจึงค่อนข้างได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากมีการพึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงประมาณร้อยละ 13 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ซึ่งถือเป็นอัตราที่สูงกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียด้วยกัน มิหนำซ้ำ ยังเผชิญปัญหาภาวะชะงักงันของภาคการผลิต (Supply disruption) ทั้งภายในและภายนอกประเทศ รวมทั้งผลกระทบเชิงลบจากรายได้ที่ลดลง (Income effect or multiplier effect) นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเชิงลบเพิ่มเติมจากความตึงเครียดทางการเมืองภายในประเทศในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี จึงคาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 2563 จะหดตัวรุนแรงสุดนับตั้งแต่วิกฤติการเงินเอเชียปี 2541 ที่ร้อยละ -6.4 เทียบกับที่ขยายตัวร้อยละ 2.4 ในปี 2562
2. วิกฤติทั่วโลก แต่ไทยยังแกร่ง
ในปี 2562 ภาคท่องเที่ยวที่เคยเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากมาตรการปิดเมืองและมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศเพื่อสกัดกั้นการระบาดของโรค ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นศูนย์ติดต่อกันนานถึง 6 เดือน (ช่วงเดือนเมษายน-กันยายน) ขณะที่ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีทางการเริ่มผ่อนคลายและอนุญาตให้นักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ (STV) เดินทางเข้าไทยได้ แต่มีจำนวนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ตลอดทั้งปี 2563 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ จึงคาดว่าจะมีเพียง 6.7 ล้านคน เทียบกับ 39.8 ล้านคน ในปี 2562 หรือลดลงร้อยละ -83.2
การใช้จ่ายภาครัฐ เป็นแรงขับเคลื่อนหลักช่วยพยุงมิให้เศรษฐกิจปี 2563 ทรุดแรง
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ที่ไทยสามารถควบคุมการระบาดรอบแรกได้เป็นอย่างดี เสถียรภาพด้านต่างประเทศของไทยอยู่ในระดับแข็งแกร่งทั้งการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดอย่างต่อเนื่อง และมีเงินทุนสำรองต่างประเทศที่อยู่ในระดับสูง รวมทั้งการเข้ามาเก็งกำไรของนักลงทุนต่างชาติ ส่งผลให้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนในทิศทางแข็งค่าเร็วขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2563 (ธปท.จึงเข้ามาดูแลและออกมาตรการเพื่อช่วยพยุงมิให้เงินบาทแข็งค่าเร็วเกินไปจนอาจเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ)
3. เศรษฐกิจไทยปี 2564 จะฟื้นตัวกลับมาบวกร้อยละ 3.3
เศรษฐกิจไทยปี 2564 คาดว่าจะฟื้นตัวกลับมาบวกได้ที่ร้อยละ 3.3(จากปี 2563 ที่หดตัวร้อยละ -6.4) ส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานที่ต่ำในปีก่อนหน้า รวมทั้งยังมีความต่อเนื่องในการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การเร่งใช้จ่ายภาครัฐ และการฟื้นตัวตามวัฏจักรของเศรษฐกิจและอุปสงค์จากต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายความท้าทายรออยู่ข้างหน้า ท่ามกลางปัจจัยลบภายในประเทศจากสถานการณ์การระบาดระลอกใหม่ของโรค COVID-19 ปัญหาการเมืองที่มีความไม่แน่นอนอยู่มาก และการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวที่คาดว่าจะล่าช้ากว่าปัจจัยขับเคลื่อนอื่นๆ รวมทั้งผลพวงจากวิกฤติ COVID-19 ทั้งปัญหาการว่างงานและปัญหาหนี้
ภาคท่องเที่ยว : สถานการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติคงต้องรอจนถึงราวไตรมาส 4 ของปี 2564 ซึ่งน่าจะเป็นช่วงที่ประชากรทั่วโลกจะได้รับวัคซีนอย่างแพร่หลายมากขึ้น และประเมินว่าอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 ปี กว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทยจะกลับคืนสู่ระดับเดิมก่อนเกิดการระบาด ปีนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพียง 4 ล้านคน (จาก 6.7 ล้านคนในปี 2563) การจ้างงานและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคท่องเที่ยวจึงมีแนวโน้มอยู่ในภาวะซบเซาต่อเนื่อง
ภาคส่งออก : คาดว่าจะกลับมาขยายตัวได้ร้อยละ 4.5 ตามวัฏจักรการฟื้นตัวของอุปสงค์ต่างประเทศ นำโดยกลุ่มประเทศแกนหลักของโลกที่มีการระดมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ (กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) คาดเศรษฐกิจโลกปี 2564 จะขยายตัวร้อยละ 5.2 จากหดตัวร้อยละ-4.4 ในปี 2563 สอดคล้องกับองค์การการค้าโลกที่คาดว่าปริมาณการค้าโลกปี 2564 จะขยายตัวร้อยละ 7.2 จากหดตัวร้อยละ -9.2 ในปี 2563)
4. ปัจจัยเสี่ยง ในปี 2564 เช่น
การพัฒนาและการผลิตวัคซีนที่อาจไม่เป็นไปตามความคาดหมายว่าจะสามารถใช้วัคซีนกับประชากรโลกอย่างแพร่หลายราวไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 ซึ่งอาจทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกล่าช้าออกไป
ความผันผวนของตลาดการเงินโลก จะส่งผลต่อเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศและค่าเงินบาท
นโยบายการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนภายใต้ผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯ ซึ่งอาจกระทบต่อภาคส่งออกของไทย
นอกจากนี้ ปัจจัยภายในประเทศที่เป็นประเด็นความเสี่ยง อาทิ ความรุนแรงในการระบาดระลอกใหม่, สถานการณ์การเมืองที่ยังมีการชุมนุมยืดเยื้อ, ปัญหาการว่างงานและหนี้ภาคครัวเรือนที่พุ่งสูงขึ้น เป็นต้น
5. สรุปปี’64 ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังไม่ดีเลิศหรู แต่ก็ไม่ได้เผาจริง น่าจะดีขึ้นกว่าปี 63
ภาคธุรกิจที่ยังหนักหนาสาหัสในปี 64 คือ ธุรกิจที่พึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก
วิจัยกรุงศรี มองว่า ภาพรวมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ยังมีความเปราะบางยังต้องใช้เวลานานกว่าจะกลับสู่ระดับก่อนเกิดการระบาด อีกทั้งการฟื้นตัวยังกระจุกอยู่ในบางภาคเศรษฐกิจ ทางการมีแนวโน้มดำเนินมาตรการช่วยเหลือทางการเงินแบบเจาะจงกลุ่มเป้าหมาย ผนวกกับโครงการความช่วยเหลืออื่นๆ เพิ่มเติม นับตั้งแต่มาตรการเพื่อช่วยเหลือให้ธุรกิจดำเนินกิจการได้อย่างต่อเนื่องไปจนถึงมาตรการป้องกันปัญหาวิกฤติสภาพคล่อง
เศรษฐกิจจะกลับมาเป็นบวก ประเทศไทยรอดแน่ ถ้าทุกคนร่วมมือกัน และไม่ปล่อยให้มีคนบางกลุ่มบ่อนทำลายซ้ำเติมประเทศชาติ
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี