“แม้ไม่มีสมาร์ทโฟนก็สามารถใช้ “เราชนะ” ได้” - นี่คือคำยืนยันจากปากรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์
กล่าวโดยสรุป ดังนี้
1. ให้เงิน 2.1 แสนล้านบาท หมุนเวียนช่วยกิจการคนตัวเล็กตัวน้อย
ประเด็นว่า ทำไมไม่จ่ายเป็นเงินสด? รองนายกฯ สุพัฒนพงษ์ อธิบายชัดเจนว่า
“...ผมขออธิบายวิธีคิดของรัฐบาลในเรื่องนี้สั้นๆ ครับ
โจทย์ของเราคือ ทำอย่างไรให้เงิน 2 แสนล้านบาทนี้ นอกจากจะช่วยบรรเทาภาระของผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยตรงแล้ว ยังขยายผลต่อเนื่องให้ระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเศรษฐกิจระดับฐานราก หรือระดับชาวบ้านให้ขับเคลื่อนไปได้ นอกจากพ่อค้าแม่ค้าในตลาด หาบเร่ แผงลอย ร้านอาหาร ร้านขายของชำ คนขับแท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ จะได้รับเงินจากโครงการเราชนะเองโดยตรงแล้ว ยังมีรายได้เพิ่มจากการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนผ่านโครงการด้วย
เราจึงเลือกวิธีให้ “สิทธิ” แทน “เงินสด” โดยรัฐบาลจะโอนเงินผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” ให้ผู้ได้รับสิทธิเดือนละ 3,500 บาท นำเงินใน เป๋าตัง ไปซื้อของกินของใช้ที่จำเป็น พาครอบครัวไปกินอาหาร หรือจะใช้จ่ายค่าแท็กซี่ ค่าวินมอเตอร์ไซค์ก็ได้ ยกเว้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ และร้านสะดวกซื้อ
ด้วยวิธีนี้ เงิน 2.1 แสนล้านบาทที่รัฐบาลอัดฉีดเข้าระบบเศรษฐกิจ จึงไม่หายไปไหน แต่จะถูกหมุนไปอีกหลายรอบ ทำให้เกิดการบริโภคภายในประเทศต่อเนื่องไปเป็นลูกโซ่ ตลอดระยะเวลา 2 เดือน คนตัวเล็กๆ ที่เป็นเจ้าของกิจการ จะมีรายได้มากขึ้น จากเงินที่ถูกส่งผ่านโครงการ “เราชนะ” คนที่ไม่ได้ลงทะเบียนรับสิทธิ แต่มีกิจการเล็กๆ หรือขับแท็กซี่ ก็จะได้ประโยชน์ด้วย
รัฐบาลมั่นใจว่าระยะเวลา 2 เดือนจะเพียงพอ เพราะสถานการณ์การระบาดรอบใหม่ตอนนี้ดีขึ้นมาก เราควบคุมได้แล้ว ดูจากตัว R (Reproduction Number) คืออัตราการแพร่เชื้อของผู้ติดเชื้อแล้ว จากที่เคยสูงถึง 7 ต่อ 1 คือคนติดเชื้อ 1 คน แพร่เชื้อไปให้คนได้ 7 คน ตอนนี้ลดลงมาต่ำกว่า 1 ซึ่งเป็นระดับที่ปลอดภัย คือ 0.37 เท่านั้น
ผมมั่นใจว่าเราชนะแน่ ชนะการระบาดรอบใหม่ และชนะปัญหาเศรษฐกิจเฉพาะหน้าช่วง 2 เดือนต่อจากนี้”
2. ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
รองนายกฯ สุพัฒนพงษ์ อธิบายชัดเจนว่า
“...มีคนเป็นห่วงว่าประชาชนที่ไม่มีสมาร์ทโฟน จะไม่สามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิในโครงการเราชนะ
ตอนที่เราทำแผนกัน ทีมงานคิดละเอียดทุกเรื่อง เพื่อไม่ให้คนที่ควรจะได้รับการช่วยเหลือตกหล่นไป เราได้วางรูปแบบไว้แล้วว่าแม้จะไม่มีสมาร์ทโฟนก็สามารถใช้ “เราชนะ” ได้
ทั้งนี้ เราดูจากผลสำรวจเรื่องการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในครัวเรือน พ.ศ. 2562 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ชี้ว่าประเทศไทยมีผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ 56.7 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 89.6 ของประชากรที่มีอายุ 6 ปีขึ้นไป และผู้ใช้โทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟน เข้าถึงอินเตอร์เนตค่อนข้างสูงคือร้อยละ 96.4
สำหรับประเด็นนี้กลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟน ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.8 ล้านคน ซึ่งไม่ต้องลงทะเบียนเราชนะ แต่จะได้รับเงินโอนเข้าบัตรโดยตรง
คนที่อาจไม่มีบัตรสวัสดิการและไม่มีสมาร์ทโฟน เราก็ได้ประสานงานกับธนาคารของรัฐที่มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ ให้ช่วยอำนวยความสะดวกให้คนกลุ่มนี้ลงทะเบียนได้ ซึ่งได้รับการยืนยันมาแล้วว่าทำได้ ทั้งนี้ก็เพราะเราได้วางรูปแบบให้มีเวลาลงทะเบียน 15 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม-12 กุมภาพันธ์
ดังนั้น คนที่มีสิทธิตามเงื่อนไขโครงการ เช่น ไม่เป็นข้าราชการ ไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ของพ.ร.บ.ประกันสังคม มีรายได้พึงประเมินไม่เกิน3 แสนบาท ฯลฯ จะมีเวลาพอที่จะไปรับความช่วยเหลือในการลงทะเบียน”
3. สรุปง่ายๆ คือ
คนมีสมาร์ทโฟน ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ กว่า 50 ล้านคน (ใช้มือถือเข้าถึงอินเตอร์เนตได้) โดยรับเงินเข้า app เป๋าตัง
คนไม่มีสมาร์ทโฟน แต่มีบัตรสวัสดิการรัฐ 13.8 ล้านคน โดยรับเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
คนไม่มีสมาร์ทโฟน และไม่มีบัตรสวัสดิการรัฐ ไปลงทะเบียน และติดต่อกับธนาคารของรัฐ
ตอนรับเงินจากธนาคารของรัฐ จะรับผ่านช่องทางไหน ? รอทางการยืนยัน ซึ่งทางการคงไม่อยากให้คนแห่มาช่องทางนี้กันเยอะๆ เพราะถ้ามาแออัดกันทางนี้ก็จะไม่สะดวก เสี่ยงโควิด และผิดวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้เงินหมุนเวียนในร้านค้ารายย่อยในเครือข่ายกิจการชาวบ้านนั่นเอง
4. เกษตรกรก็มีสิทธิได้เราชนะ
สำนักงานเศรษฐกิจการคลังชี้แจงว่า โครงการเราชนะมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนด้วยการสนับสนุนวงเงินช่วยเหลือไม่เกิน 3,500 บาทต่อคนต่อเดือน โดยจ่ายเป็นรายสัปดาห์ เป็นระยะเวลา 2 เดือน (จ่ายเดือนกุมภาพันธ์-เดือนมีนาคม 2564) ทั้งนี้ การคัดเลือกผู้ได้รับสิทธิ์จะคำนึงจากความสามารถในการจ่ายค่าครองชีพและการมีระบบคุ้มครองทางสังคมเป็นหลัก และการช่วยเหลือจะครอบคลุมประชาชนหลากหลายกลุ่มอาชีพ เช่น ผู้ประกอบอาชีพอิสระหาบเร่ แผงลอย รับจ้าง เกษตรกร เป็นต้น
คุณสมบัติผู้ได้รับสิทธิ์ ดังนี้
- เป็นผู้มีสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
- ไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 แห่งกฎหมายว่าด้วยประกันสังคม (ยกเว้นเป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอยู่ก่อนแล้ว)
- ไม่เป็นข้าราชการ พนักงานราชการ พนักงาน ลูกจ้าง เจ้าหน้าที่ หรือผู้ปฏิบัติงานอื่นใดในหน่วยงานของรัฐที่ได้รับค่าตอบแทนจากหน่วยงานของรัฐโดยตรง
- ไม่เป็นข้าราชการการเมืองตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
- ไม่เป็นผู้รับบำนาญปกติหรือเบี้ยหวัดจากส่วนราชการ
- ไม่เป็นผู้มีเงินได้พึงประเมินเกิน 300,000 บาท ตามฐานข้อมูลที่มีล่าสุด
- ไม่มีเงินฝากรวมกันทุกบัญชีเกิน 500,000 บาท ตามฐานข้อมูลที่มีล่าสุด
ดังนั้น หากเกษตรกรเป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้รับวงเงินช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทันที
ส่วนเกษตรกรที่ไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะมีการตรวจสอบ
(1) เกษตรกรในกลุ่มผู้ที่มีแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” ที่ได้ให้ความยินยอมให้นำข้อมูลไปประมวลผลหรือเปิดเผยเพื่อดำเนินมาตรการอื่นๆ ของรัฐได้ (กลุ่มผู้ที่มีแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง”) ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ หากผ่านการตรวจสอบและคัดกรองตามคุณสมบัติข้างต้นจากฐานข้อมูลหน่วยงานภาครัฐจะได้รับวงเงินช่วยเหลือผ่านระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์โดยภาครัฐ (g-Wallet) แอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” ทันที
(2) หากเกษตรกรเป็นผู้ที่ไม่มีข้อมูลอยู่ในระบบฐานข้อมูลกลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และกลุ่มผู้ที่มีแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” ต้องลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านเว็บไซต์เราชนะ หากผ่านการตรวจสอบและคัดกรองตามคุณสมบัติข้างต้นจากฐานข้อมูลหน่วยงานภาครัฐ จะได้รับวงเงินช่วยเหลือผ่านระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์โดยภาครัฐ (g-Wallet) แอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” ต่อไป
5. ตารางเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
สำหรับ “ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” เดิม ได้เงินช่วยเหลือค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว200-300 บาทต่อเดือน
และก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้ต่ออายุเงินพิเศษอีก 500 บาท สำหรับใช้จ่ายซื้อสินค้าบริโภค อุปโภค 3 เดือน ตั้งแต่ม.ค.-มี.ค. 2564
สำหรับเงินจากโครงการเราชนะ จะเข้ามาเติมของเดิมจนครบ 3,500 บาทต่อเดือน
พูดง่ายๆ ว่า จะได้จากชัยชนะอีกไม่ถึง 3,500 บาท แต่เมื่อรวมกับที่ได้จากรัฐอยู่เดิมแล้ว จะรวมเป็นไม่น้อยกว่า 3,500 บาทต่อเดือน (2 เดือนรวมเป็น 7,000 บาท) โดยทยอยเข้ามาเป็นรายสัปดาห์ เพราะฉะนั้น แต่ละสัปดาห์ก็จะมีเงินชนิดต่างๆ ไหลเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐต่อเนื่อง เกือบจะทุก 3 วัน 7 วันเลยก็ว่าได้ ดังตารางที่เห็นด้านล่าง
จะเห็นได้ว่า โครงการเราชนะ ถูกออกแบบมาเพื่อให้เงิน 2.1 แสนล้านบาทเกิดประโยชน์แก่ระบบเศรษฐกิจส่วนรวมของคนตัวเล็กตัวน้อยมากที่สุด ไม่อยากให้เงินไหลเข้ากระเป๋าเจ้าสัว เจ้าหนี้นอกระบบ เจ้าของกิจการอบายมุข (ถ้าจะใช้จ่ายส่วนนี้ ก็เอาเงินส่วนที่ประหยัดได้ไปจ่ายเอง) จึงไม่ให้เงินสด และให้ใช้จ่ายผ่านระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์โดยภาครัฐ (g-Wallet)
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า หากการระบาดรอบใหม่ ไม่ยุติลงในช่วง 2 เดือนต่อจากนี้ ก็อาจจะมีวิธีการช่วยเหลือเพิ่มเติมที่ต่างไปจากเดิมก็อาจเป็นไปได้
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี