ประเทศไทยอยู่ภายใต้การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามกฎหมายว่าด้วยสถานการณ์ฉุกเฉินมาปีเศษแล้วและยังไม่มีทีท่าว่าจะยกเลิกเมื่อใด จนทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศเดียวในโลกที่ใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตั้งแต่วาระแรกที่โคขวิดระบาดมาจนกระทั่งบัดนี้
ความจริงประเทศไทยมีกฎหมายเฉพาะที่เพียงพอต่อการบังคับใช้ในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโคขวิดเป็นอย่างดี และกฎหมายเหล่านี้ก็ใช้บังคับมานานแล้ว
และตลอดระยะเวลาหนึ่งปีมานี้ก็มีความชัดเจนว่า บทบัญญัติแห่งกฎหมายทั้งหลายที่เกี่ยวกับการป้องกันและรับมือกับการระบาดของโรคนั้นก็ได้ถูกนำมาใช้เป็นส่วนใหญ่ มีส่วนน้อยที่เป็นอำนาจเด็ดขาด แต่มิได้นำมาใช้กับการป้องกันโรคระบาด แต่มุ่งเน้นไปยังการใช้บังคับกับการชุมนุมหรืออื่นๆ โดยเฉพาะการเพิ่มอำนาจพิเศษในการใช้เงินงบประมาณ
และด้วยเหตุนี้จึงทำให้ประเทศไทยต้องใช้จ่ายเงินงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของโคขวิดมากมายมหาศาล รวมทั้งได้ก่อหนี้สินจำนวนมหาศาล ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงการใช้อำนาจหน้าที่แสวงหาประโยชน์โดยทุจริตที่เกิดขึ้นเป็นดอกเห็ดทั่วประเทศ
ไม่เว้นแม้กระทั่งการขนแรงงานเถื่อน การเปิดบ่อนการพนันอันเป็นต้นเหตุของการระบาดรอบที่สองในประเทศไทย ซึ่งสร้างความพินาศวายวอดให้แก่ประเทศชาติและทุกภาคส่วนอย่างใหญ่หลวง โดยผู้กระทำผิดคิดมิชอบยังคงลอยนวลเหมือนกับทุกกรณี
การประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉินนั้นคนจำนวนมากเข้าใจผิดคิดว่าไม่สามารถขอรับการเยียวยาและเรียกค่าเสียหายจากรัฐหรือดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในอำนาจหน้าที่ได้ ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับการประกาศใช้กฎอัยการศึก
กฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉินห้ามเฉพาะการนำคดีขึ้นสู่ศาลปกครอง ซึ่งเห็นได้ชัดว่ากรณีที่อยู่ในขอบอำนาจของศาลปกครอง แม้เกิดกรณีเป็นคดีขึ้นก็ไม่สามารถนำคดีขึ้นสู่ศาลปกครองได้ แต่มิได้หมายความว่าจะไม่มีสถาบันตุลาการใดที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาชำระคดีให้แก่ราษฎรได้
โดยบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและโดยคำพิพากษาศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่ได้วางหลักในเรื่องนี้ไว้ชัดเจนว่า ถ้าไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดตัดอำนาจศาลยุติธรรมแล้วไซร้ ศาลยุติธรรมก็มีอำนาจพิพากษาพิจารณาคดีได้
ดังนั้นกรณีหากมีข้อพิพาทเกิดขึ้นไม่ว่าทางแพ่งหรือทางอาญาที่เกี่ยวเนื่องหรือเกิดจากการบังคับใช้กฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉิน บรรดาผู้ได้รับความเสียหายสามารถฟ้องคดีต่อศาลยุติธรรมได้โดยตรง
นั่นคือถ้าเป็นกรณีฟ้องเรียกค่าเยียวยาหรือค่ารักษาอย่างเดียวก็ต้องฟ้องต่อศาลส่วนแพ่ง คือศาลแพ่ง และศาลจังหวัดหรือศาลแขวงเป็นคดีแพ่ง เรียกเอาค่าเยียวยาและค่าเสียหาย
ในกรณีที่เป็นคดีอาญานั้นอยู่ในบังคับของศาลอาญาคดีทุจริต เพราะนับตั้งแต่มีการตรากฎหมายจัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตแล้ว ในกรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิด กฎหมายบัญญัติให้ต้องนำคดีขึ้นสู่ศาลอาญาคดีทุจริตทั้งในกรุงเทพฯ และในต่างจังหวัดแล้วแต่กรณี
ในกรณีที่มีการฟ้องคดีอาญาต่อศาลอาญาคดีทุจริต ถ้ามีค่าเยียวยาหรือค่าเสียหายเกี่ยวข้องด้วยก็สามารถฟ้องรวมกันไปด้วยได้ ซึ่งการพิจารณาในศาลอาญาคดีทุจริตนั้นจะใช้ระบบการไต่สวนที่ดำเนินไปอย่างรวดเร็วและยุติธรรม
ดังนั้นขอจงมีความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกันว่าผู้ได้รับความเสียหายจากการประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉินไม่ว่าในทางแพ่งหรือทางอาญาสามารถฟ้องคดีต่อศาลยุติธรรมเป็นคดีแพ่งได้ แต่ถ้าเป็นคดีอาญาต้องฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริต ซึ่งอาจเรียกค่าเยียวยาและค่าเสียหายไปพร้อมด้วยก็ได้
กฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉินบัญญัติให้รัฐต้องจ่ายค่าเยียวยาให้แก่ผู้เสียหาย ซึ่งรัฐบาลก็ได้ตั้งโครงการหรือจัดงบประมาณเยียวยามาโดยลำดับ แต่จะทั่วถึงหรือไม่และสามารถเยียวยาให้พ้นจากความเสียหายได้หรือไม่ ผู้เสียหายที่ไม่ได้รับการเยียวยาและค่าเสียหายที่ถูกต้องครบถ้วนย่อมสามารถนำคดีขึ้นสู่ศาลได้
นอกจากนั้น ในกรณีที่บังคับใช้กฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉินโดยเกินความจำเป็น โดยทุจริตโดยไม่เป็นธรรม หรือโดยเลือกปฏิบัติ ผู้ได้รับความเสียหายสามารถฟ้องร้องผู้กระทำนั้นให้ต้องรับผิดโดยตรงด้วยก็ได้ และจะต้องรับผิดในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐนั่นคือส่วนราชการที่เป็นต้นสังกัดอาจถูกฟ้องเป็นคดีและต้องชดใช้ค่าเยียวยาหรือค่าเสียหาย
ในกรณีมีการทุจริตหรือเกินความจำเป็นหรือโดยไม่เป็นธรรมหรือโดยเลือกปฏิบัตินั้นอาจเป็นความผิดทางอาญาฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติโดยไม่ชอบหรือโดยทุจริต ซึ่งผู้เสียหายสามารถฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตได้โดยตรง พร้อมกับเรียกค่าเยียวยาหรือค่าเสียหายรวมกันไปด้วยก็ได้
ดังนั้นอย่าเข้าใจผิดคิดเอาเองว่าการประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉินแล้วจะคุ้มครองป้องกันไม่ให้ต้องรับผิดใดๆ หรือจะใช้กฎหมายนี้กันได้ตามอำเภอใจและอีกไม่นานคงจะได้เห็นกันว่าบรรดาผู้ที่ก่อให้เกิดความเสียหายตามที่กฎหมายบัญญัติไว้นั้นจะต้องรับผิดชอบกันอย่างไร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี