มีข่าวต่างประเทศน่าสนใจ คือว่า ฟิลิปปินส์เตรียมตั้งกำแพงภาษีสำหรับสินค้าที่นำเข้าจากประเทศไทยจำนวน 37 กลุ่ม เพื่อตอบโต้ที่ไทยเพิกเฉยและปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามคำตัดสินขององค์การการค้าโลก (WTO) ในการแก้ไขปัญหาการจัดเก็บภาษีบุหรี่ที่นำเข้าจากประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นประเด็นระหว่าง 2 ประเทศมากว่าทศวรรษ
เนื้อข่าวมีว่า คณะกรรมการพิกัดอัตราภาษีศุลกากรของฟิลิปปินส์ (Tariff Commission : TC) ได้ส่ง หนังสือเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมทำประชาพิจารณ์ผ่านการประชุมทางวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ในวันที่ 27 มกราคม 2564เวลา 10.00 น. เพื่อเสนอรายชื่อผลิตภัณฑ์ที่จะถูกระงับสิทธิประโยชน์ทางศุลกากรและจะทำให้สินเค้าเหล่านั้นต้องเสียภาษีนำเข้าสูงขึ้นรายชื่อผลิตภัณฑ์ 37 กลุ่มภาษีที่จะถูกระงับสิทธิประโยชน์ทางศุลกากรในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการระงับข้อพิพาทขององค์การการค้าโลก กรณี “การแก้ปัญหามาตรการศุลกากรและภาษีของประเทศไทยที่มีต่อบุหรี่จากฟิลิปปินส์” (DS371 Thailand - Customs and Fiscal Measures on Cigarettes from the Philippines) ได้แก่ผลิตภัณฑ์ประเภท รถแทรกเตอร์การเกษตร รถยนต์และยานยนต์อื่นๆ ที่ออกแบบมาเพื่อการขนส่งบุคคลโดยเฉพาะ ยานยนต์สำหรับขนส่งสินค้า ถังเชื้อเพลิงและชิ้นส่วนและอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ของยานยนต์ชิ้นส่วนและอุปกรณ์เสริมของรถจักรยานยนต์ ข้าว ข้าวโพด รถยนต์ชิ้นส่วนยานยนต์ เคมีภัณฑ์และปูนซีเมนต์ที่นำเข้าจากประเทศไทย
นอกจากนี้ ยังมีสินค้าเกษตรบางชนิด เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (ข้าวโพด)ข้าวขัดสีกึ่งสำเร็จหรือข้าวขัดสีสำเร็จ น้ำมันถั่วเหลืองและชิ้นส่วน เครื่องปรุงและเครื่องปรุงรส และครีมเทียมที่ไม่ใช่นม และผลิตภัณฑ์อื่นๆ อาทิ แผ่นบอร์ด แผ่นชีท กระเบื้องและสิ่งของที่คล้ายกันของผลิตภัณฑ์ฉาบ ปูนซีเมนต์ขาว น้ำมันหล่อลื่น ผงชูรส ที่ถูกระบุด้วยว่าอาจเป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องสูญเสียสิทธิประโยชน์ทางศุลกากร
ตั้งแต่ปี 2557-2561 ฟิลิปปินส์นำเข้ารถจากไทย 428,000 คัน ถือเป็นอันดับหนึ่งของการนำเข้ารถยนต์ในฟิลิปปินส์นำเข้ารถยนต์จากประเทศไทยเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งได้รับสิทธิพิเศษให้นำเข้ารถยนต์ที่ผลิตในภูมิภาคอาเซียนได้โดยไม่ต้องเสียภาษี ขณะที่ การนำเข้าข้าวจากไทยของฟิลิปปินส์มีมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับที่สามของการนำเข้าสินค้าทั้งหมดจากประเทศไทย
ในเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ฟิลิปปินส์ได้ขอส่งคำร้องไปยังองค์การการค้าโลก (WTO) เพื่อขออำนาจในการตอบโต้ต่อประเทศไทยเพื่อกดดันให้รัฐบาลไทยแก้ไขการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมด้านภาษีบุหรี่ที่นำเข้าจากประเทศฟิลิปปินส์ให้เป็นไปตามคำตัดสินครั้งแรกขององค์การการค้าโลกในปี 2554 ที่ให้ฟิลิปปินส์เป็นฝ่ายชนะ โดยให้เหตุผลว่ารัฐบาลไทยไม่มีสิทธิปฏิเสธราคานำเข้าจากฟิลิปปินส์ แม้ต่อมาไทยจะอุทธรณ์คำตัดสินดังกล่าว แต่ WTO ก็ยังตัดสินให้ฟิลิปปินส์ชนะในการอุทธรณ์ของไทยอีกด้วย โดยฟิลิปปินส์ขออนุญาตองค์การการค้าโลกเพื่อระงับสิทธิประโยชน์ทางศุลกากรแก่ประเทศไทยซึ่งครอบคลุมการค้ามูลค่า 594 ล้าน
ดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเทคนิคบางประการเกี่ยวกับองค์ประกอบขององค์กรอุทธรณ์ขององค์การการค้าโลก ซึ่งส่งผลให้มีการระงับการประชุมของคณะกรรมการระงับข้อพิพาท
ก่อนหน้านี้ คณะผู้แทนของฟิลิปปินส์ประจำ WTO กล่าวว่าในขณะที่ฟิลิปปินส์เปิดกว้างสำหรับการแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์ แต่ก็พร้อมเต็มที่ที่จะรักษาผลประโยชน์ของชาวฟิลิปปินส์และบริษัทที่ตั้งอยู่ในฟิลิปปินส์ โดยการใช้สิทธิภายใต้มาตรา 22.2 ของความเข้าใจในการระงับข้อพิพาท (The Dispute Settlement Understanding) และเพื่อแสดงให้เห็นว่ากระบวนการของ WTO ยังมีประสิทธิภาพ
ซึ่งฟิลิปปินส์ยืนยันว่าการใช้มาตรการทางการค้าตามกฎหมายถือเป็นสิทธิฝ่ายเดียวของประเทศสมาชิกองค์การการค้าโลก
ข้อพิพาทเรื่องภาษีบุหรี่เริ่มต้นในปี 2551 และคดีนี้ก็ยืดเยื้อมาเป็นเวลา 12 ปี จนส่งผลกระทบต่อการส่งออกบุหรี่ของฟิลิปปินส์ อุตสาหกรรมยาสูบและชาวไร่ยาสูบในท้องถิ่น
ผมเชื่อว่ากระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงต่างประเทศคงได้ข้อมูลแล้ว อะไรที่ทำให้ผ่อนคลายได้ก็ต้องทำนะครับ
ประเดี๋ยวฝ่ายค้านจะนำไปอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลเหมือนครั้งก่อนอีก
ที่สำคัญขณะนี้การค้าๆ ขายๆ ของในกับคู่ค้าในต่างประเทศ กำลังไปได้สวย อย่าได้ต้องมาสะดุดกับเรื่องนี้อีกเลย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี