ในขณะที่กำลังรณรงค์ทำประชามติรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560เมื่อเดือน ส.ค. 2559 ผมได้มีโอกาสพูดกับ “นายชวน หลีกภัย”เรื่อง รัฐธรรมนูญไทยฉบับ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ กับ รธน. พม่าร่างขึ้นเมื่อปี 2551 ซึ่งกำกับโดยนายพลตาน ฉ่วย
ผมเป็นคนเปิดประเด็นว่าถึงอย่างไร รัฐธรรมนญไทยก็ดีกว่าของพม่า เพราะว่าของพม่าบัญญัติให้กองทัพแต่งตั้งสมาชิกรัฐสภาได้ 25 เปอร์เซ็นต์ โดยไม่ต้องลงสมัครเลือกตั้ง
นายชวนพูดว่า รัฐธรรมนูญไทยร้ายแรงกว่าเพราะว่ารัฐบาลทหาร (คสช.) แต่งตั้งวุฒิสภา (สว.) ได้ 250 คนและกำหนดให้ผู้นำเหล่าทัพเป็น สว. โดยอัตโนมัติซึ่งสภาไทยไม่เคยมีมาก่อน
นอกจากนั้นยังมีบทเฉพาะกาล 5 ปี ที่คาบเกี่ยวกับการเลือกตั้งสองสมัยนั้นหมายความว่าสมาชิกรัฐสภาเลือกใครก็ได้ที่ไม่ใช่มาจากบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองเสนอไปให้เป็นนายกรัฐมนตรีได้สองสมัยคือแปดปี
ผมยังเถียงข้างๆ คูๆ ไปว่าอย่างไรเสีย รัฐธรรมนูญไทยก็มีบทเฉพาะกาลกำหนดไว้ 5 ปี แต่รัฐธรรมนูญพม่าไม่มีบทเฉพาะกาล ดังนั้น รัฐธรรมนูญพม่าไม่มีวันแก้ได้ถ้านักการเมืองไม่สามารถรวบรวมเสียงได้เกิน 75 เปอร์เซ็นต์เพราะ 25 เปอร์เซ็นต์ เป็นสมาชิกรัฐสภามาจากการแต่งตั้งของกองทัพ
ท่านชวน มีเมตตาและใจเย็นมากที่ทนฟังผมแสดงเหตุผลแบบคนไม่รู้จักการเมืองอย่างแท้จริง ท่านอธิบายต่อไปว่าธรรมดา #คนมีอำนาจมักเสพติดอำนาจ เมื่อได้อำนาจมาแล้วมักใช้เล่ห์กลให้ตนได้อยู่ในอำนาจนานเท่านาน”
ผมต้องยอมจำนนในเหตุผลของท่านเพราะเชื่อว่า รัฐธรรมนูญไทยมีอาถรรพ์ในการใช้เล่ห์กลตั้งแต่ฉบับแรกเป็นต้นมา เพราะว่าคนที่ได้อำนาจแล้วใช้เล่ห์กลผูกเงื่อนปมในรัฐธรรมนูญไว้ให้ตนได้อยู่ในอำนาจนานๆ แต่คนเหล่านั้นมักมีอันเป็นไป ไม่ได้ตายในประเทศไทยหรือไม่มีที่ในแผ่นดินไทยให้อยู่
รธน.ไทยฉบับปี 2475 คณะราษฎรมอบหมายให้นายปรีดี พนมยงค์ ร่างตามแบบอย่างอังกฤษ แต่นายปรีดีกลับยกร่าง รธน. แบบอย่าง#บอลเชวิค ที่ปฏิวัติพระเจ้าซาร์นิโคลัส ที่ 2 ของรัสเซียแล้วใส่เค้าโครงเศรษฐกิจแบบคอมมิวนิสต์เข้าไปทำให้ในหลวงรัชกาล 7 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงรับไม่ได้ มิยอมลงพระปรมาภิไธย ทรงมีรับสั่งให้เขียนมาใหม่
นี่คือปฐมเหตุของความขัดแย้งแตกแยกแย่งชิงอำนาจของคณะราษฎรตั้งแต่นาทีนั้นเป็นต้นมาเพราะหลังจากเข้าเฝ้าฯทูลเกล้าถวาย รธน. ที่ถูกปฏิเสธจากในหลวง พระยาทรงสุรเดช หนึ่งในสี่ทหารเสือที่ร่วมก่อการปล้นพระราชอำนาจปล้นพระราชทรัพย์ พูดกับนายปรีดีอย่างมีอารมณ์ว่า
“คุณหลวงทำฉิบหายวายป่วง รับปากว่าจะเขียนรัฐธรรมนูญแบบอย่างอังกฤษนี้กระไรไปเขียนแบบบอลเชวิคมา..” นับแต่นาทีนั้นมาพระยาทรงฯกับนายปรีดีต่างก็มีผู้สนับสนุนและกองเชียร์กันคนละฝ่าย
รธน.ฉบับ คณะราษฎร เลยไปกล้อมแกล้มแก้มาใหม่และประกาศใช้เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2475 แต่ รธน. อัปยศฉบันนั้นมีคนใช้เล่ห์กลเอาเค้าโครงเศรษฐกิจแบบคอมมิวนิสต์ซุกเอาไว้สุดท้ายฝ่ายนิยมเจ้าทนไม่ได้จึงได้ร่วมกันก่อตั้งคณะกอบกู้ชาติขึ้นมาโดยมีพระองค์เจ้าบวรเดช เป็นแกนนำ คณะกอบกู้ชาติทำการปฏิวัติเพื่อล้มล้างรัฐบาลทรราชเมื่อวันที่ 11 ถึง วันที่ 24 ต.ค. 2476
แต่กำลังของคณะกอบกู้ชาติมีน้อยกว่าทหารของรัฐบาลทรราชเลยถูกปราบปรามได้และกลายเป็นกบฏบวรเดชที่บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์
หลังจากปราบคณะกอบกู้ชาติได้ รัฐบาลก็ได้ใจเหลิงอำนาจแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมศาลอาญาพิเศษเข้าไป ทำให้รัฐบาลทรราชมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดสั่งฆ่าคนได้ ศาลอาญาพิเศษตั้งแต่ประกาศใช้ได้ประหารชีวิตนักโทษการเมืองไปถึง 18 คน
รัฐบาลทรราชเหวี่ยงแหจับคนที่สงสัยว่าร่วมขบวนการกับคณะกอบกู้ชาติ ไม่เว้นแม้แต่ลูกหลานของรัชกาลที่ 5พระปิยมหาราช พระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ ราชบุตรองค์ที่ 52 ของรัชกาลที่ 5 ต้องสงสัยว่าร่วมกับคณะกอบกู้ชาติถูกจับขังคุกบางขวางลดพระเกียรติเป็น น.ช.รังสิต
ศาลอาญาพิเศษตัดสินประหารชีวิตนักโทษชายรังสิตแต่ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต นักโทษชายรังสิตได้รับการปล่อยตัวในสมัย#นายควง อภัยวงศ์ เป็นนายกรัฐมนตรีที่พิจารณาปล่อยนักโทษการเมืองหลายคนในปี 2482#
เรื่องรัฐบาลทรราชจับเหวี่ยงแหแล้วศาลใช้กฎหมายอาญาพิเศษตัดสินประหารชีวิต ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้เขียนเป็นนิยายล้อประวัติศาสตร์ไว้ในหนังสือเรื่อง “สี่แผ่นดิน” โดยใช้แม่พลอย ผู้จงรักภักดีเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์จนลมหายใจสุดท้ายเป็นตัวเดินเรื่อง
แม่พลอยเป็นลูกเจ้าพระยาที่ถูกส่งเข้ามาอยู่ในวังตั้งแต่อายุยังน้อย จากการบ่มเพาะอบรมสั่งสอนของพระราชสำนักแม่พลอยได้เป็นกุลสตรีผู้จงรักภักดีเพรียบพร้อม แม่พลอยมีวาสนาได้แต่งงานกับพ่อเปรมเศรษฐีเชื้อสายจีนและเป็นข้าราชการในพระราชสำนัก
แม่พลอยมีลูกชายสามคนลูกหญิงหนึ่งคนชื่อประไพ ลูกชายคนแรกเป็นลูกติดพ่อมาจากคุณเปรมชื่ออ้น ซึ่งแม่พลอยเลี้ยงดูรักเหมือนลูกในไส้ ลูกชายคนที่สองเป็นสายเลือดแท้ๆของแม่พลอยเองชื่ออั้น ส่วนลูกคนที่สามชื่ออ๊อด
สรุปว่าลูกชายทั้งสามของแม่พลอยมีรสนิยมและพฤติกรรมทางการเมืองแตกต่างกัน ตาอ้นเรียนทหารในเมืองไทยและถูกส่งไปรับราชการทหารอยู่ต่างจังหวัด
ตาอั้นกับตาอ๊อดถูกส่งไปเรียนต่างประเทศ ตาอ๊อดเรียนทางด้านศิลปภาษาในอังกฤษ ส่วนตาอั้นข้ามไปเรียนรัฐศาสตร์และกฎหมายในประเทศฝรั่งเศส
ตาอ๊อดสังเกตเห็นพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของตาอั้น ตั้งแต่ปีแรกที่ไปเรียนในประเทศฝรั่งเศส ตาอั้นเริ่มอึดอัดไม่พอใจกับระบอบการปกครองในประเทศไทยที่รู้สึกว่าล้าหลัง ที่สำคัญตาอั้นดันไปมีเมียเป็นชาวฝรั่งเศสชั้นต่ำระหว่างเรียน
พฤติกรรมของตาอั้นเปลี่ยนไปจากอิทธิพลตำราปฏิวัติฝรั่งเศสและถูกเมียชาวฝรั่งเศสครอบงำล้างสมอง เหมือนกับอดีตคนสอนกฎหมายใน ม.ธรรมศาสตร์ ที่ผันตัวมาเป็นนักการเมืองผู้คลั่งตำราปฏิวัติของฝรั่งเศสและถูกเมียฝรั่งเศสชั้นต่ำครอบงำให้เป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
นักเรียนเก่าฝรั่งเศสคนนั้นเมื่อกลับมาสอนหนังสือในเมืองไทยก็ล้างสมองให้นศ. บ้าปฏิวัติแบบฝรั่งเศสและคิดวางแผนขจัดสถาบัน สักแต่ว่าตาอั้นเกิดมาในครอบครัวที่จงรักภักดี จึงเป็นได้แค่ปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครองในประเทศไทย มิได้เป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
เมื่อตาอั้นพาเมียฝรั่งเศสกลับมาอยู่เมืองไทยก็ได้แต่เพียงคบหาสมาคมกับผู้ก่อการปล้นพระราชอำนาจจากสถาบันฯ แค่รับรู้เรื่องราวจากพวกปลายแถว แต่ก็นับว่าเป็นหนึ่งในคนจำนวนมากที่มีส่วนรู้เห็นกับการยึดอำนาจเมื่อปี 2475
ส่วนตาอ้นลูกติดคุณเปรมมาถูกจับขังคุกบางขวางเพราะเข้าร่วมกับคณะกอบกู้ชาติของพระองค์เจ้าบวรเดช ถูกส่งไปขังคุกตะรุเตาและได้รับนิรโทษกรรมเมื่อสิ้นสงครามโลกครั้งที่สอง และรัฐบาลทรราชของพระยาพหลฯ ถูกจอมพลผิน ชุณหะวัณปฏิวัติรัฐประหารเมื่อปี 2490
ตอนที่นำทหารปฏิวัติจอมพลผินเป็นทหารนอกราชการแล้ว แต่วางแผนยึดอำนาจเพื่อให้่จอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้กลับมามีอำนาจอีกครั้งหลังถูกปลดออกจากตำแหน่ง
จอมพลผิน บันทึกไว้ว่าก่อนปฏิวัติได้ไปปรึกษาจอมพล ป. สามครั้ง แต่ถูกปฏิเสธทั้งสามครั้งโดยกล่าวว่าอยากให้ติดตะรางอีกครั้งหรือเคยติดตะรางมาแล้วไม่อยากติดอีก ตอนกลับเสียมารยาทบ้างผมลุกขึ้นเดินออกมาโดยไม่ได้ร่ำลาใคร
#“มีคุณหญิงละเอียด พิบูลสงคราม จับแขนไว้ แล้วพูดว่า “ทำไปเถอะท่านไม่ทอดทิ้งหรอกแต่ทำเป็นเล่นตัวไปเท่านั้นเอง”...#
นั้นคือผู้เสพติดอำนาจแต่ใช้เล่ห์กลทำเป็นไม่อยากได้อำนาจเผลอๆ บางทีอาจจะล็อบบี้ทหารที่ร่วมทำการปฏิวัติด้วยซ้ำเพราะรู้อยู่เต็มอกว่าจอมพลผินกับพลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ ได้เตรียมการไว้พร้อมแล้ว รัฐธรรมนูญก็เขียนไว้แล้วแต่ซ่อนไว้ใต้ตุ่มน้ำ รธน. ฉบับที่สามของไทยจึงมาพร้อมกับการปฏิวัติรัฐประหารครั้งที่สาม เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2490
ตั้งแต่นั้นมารัฐบาลทรราชของคณะราษฎรก็หมดสิ้นไปแต่คงไว้ซึ่งทรราชคนใหม่ที่กดขี่สถาบันฯและสังคมไทยมานานสิบปีจนถึงวันที่ 16 ก.ย. 2500 เมื่อจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ปฏิวัติรัฐประหารจอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นผลให้จอม ป. และ นายตำรวจคู่ใจ เผ่า ศรียานนท์ หนีไปตายต่างประเทศ
จอมพลสฤษดิ์ ปฏิวัติแล้วก็เล่นตัวไม่ยอมเป็นนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งให้จอมพลถนอม กิตติขจร เป็นแทนส่วนตัวเองไปรักษาอาการป่วยไข้อยู่ในสหรัฐฯ จอมพลถนอม บริหารประเทศไปสักระยะหนึ่งก็ทนความวุ่นวายทนการรีดไถของนักการเมืองไม่ได้สุดท้ายจอมพลสฤษดิ์ต้องกลับมาเป็นนายกฯคุมบังเหียนประเทศด้วยอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค 2502 และเสียชีวิตคาตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 ธ.ค 2506
จอมพลถนอมเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง มาคราวนี้ใช้เวลาสิบกว่าปีในการร่างรัฐธรรมนูญปกครองประเทศฉบับใหม่ จนกระทั่ง นศ. และประชาชนทนไม่ได้ลุกขึ้นมาปฏิวัติประชาชน เมื่อวันที่ 14 ต.ต 2516
ผมเขียนมายืดยาวเพื่อสรุปว่าผมยอมศิโรราบต่อวลีเด็ดของนายชวน หลีกภัย ซึ่งบัดนี้ท่านเป็นประธานรัฐสภาที่เคยพูดว่า “รัฐธรรมนูญไทยที่แก้ไม่ได้เพราะผู้เสพติดอำนาจใช้เล่ห์กลแง่มุมกฎหมายทำให้ รธน. แก้ไม่ได้”
คณะสาม ป. ในรัฐบาลปัจจุบันคือผู้เสพติดอำนาจชุดล่าสุดที่ใช้เล่ห์กลมารยาถ่วงเวลาเหนี่ยวรั้งไม่ให้พัฒนาการประชาธิปไตยเดินหน้าไปได้ เพราะตอนเข้ามามีอำนาจใหม่ๆในฐานะ คสช. ก็ประกาศว่า “เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน”
คสช. แต่งตั้งนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ให้เป็นประธานร่างรัฐธรรมนูญใช้เวลาเป็นปี พอร่างเสร็จใช้นักการเมืองโหนอำนาจในสภาก็เป็นหน้าม้าคว่ำร่าง รธน. ของนายบวรศักดิ์
แล้วใช้เล่ห์กลมารยาตั้งนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธานร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ นายมีชัย ร่างรธน.เสร็จมีเนติบริกรเขียนมาตราต่างๆ ยัดไส้และเพิ่มเติมบทเฉพาะกาลเข้าไป ก่อนให้ประชาชนลงประชามติ
ประชาชนเห็นว่าประเทศกำลังวุ่นวายก็มีมติรับๆรธน.ไปก่อนเพราะเข้าใจว่า “ความสงบจบที่ลุงตู่” แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่บ้านเมืองกลับวุ่นวายหนักเข้าไปอีกโดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ถูกโจมตีถูกทำลายร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย”
และเมื่อถึงเวลาที่รัฐบาลสาม ป. ต้องทำตามสัญญาว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์ขึ้น คณะสาม ป.ใช้เล่ห์กลมารยา ส่ง สส.ปัดเศษเปรตสภาออกมาเป็นหน้าม้าหาเรื่องคว่ำร่างแก้รัฐธรรมนูญคาสภาในวาระสาม
รัฐธรรมนูญไทย จึงแก้ไขไม่ได้เพราะหลายฝ่ายใช้เล่ห์กลสุนัขจิ้งจอกหลอกประชาชนตายใจ
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี