ต้องยอมรับว่าสังคมไทยในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีต่างๆ ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันเพิ่มมากขึ้น ผู้คนในสังคมยึดติดวัตถุนิยมอำนาจอย่างมากจนลืมให้ความสำคัญในด้านจิตใจ ด้วยสาเหตุนี้เองจึงทำให้ไม่แปลกที่นักการเมืองฝ่ายค้านจะหยิบยกประเด็นการแพร่ระบาดของ “โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19)” ระลอกใหม่ที่เป็นสายพันธุ์อังกฤษมาเป็นประเด็นการเมือง โดยมีประชาชนเป็นเบี้ยบนกระดาน หรือกรณีการหยิบประเด็นปัญหายาเสพติด ประเด็นปัญหาความสะอาดในที่สาธารณะ ทั้งที่ต้นตอของประเด็นนี้มาจากเรื่อง “สามัญสำนึก-จิตสาธารณะ”ล้วนๆ
เสียงกระโชกโฮกฮากใส่กันระหว่างนายอนุทิน ชาญวีรกูลรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกับนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ท่านผู้ทรงเกียรติ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล วิศวกรผู้ตกกระไดพลอยโจนมาเป็นนักการเมือง ไม้เบื่อไม้เมากับรัฐบาลทหารแก่มาโดยตลอด จึงไม่ใช่ประเด็นน่าตกใจ แต่เป็นผลมาจากขาดจิตสำนึกไร้สามัญสำนึกและไม่มีจิตสาธารณะนั่นเอง
ความจริงนิยามของ จิตสาธารณะนั้น มีบัญญัติ ความหมายไว้หลากหลายมากมาย แต่สรุปใจความสำคัญได้ว่า จิตสาธารณะ หมายถึง จิตสำนึกที่ดีในการรู้จักหน้าที่ ความรับผิดชอบ เสียสละเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ยึดมั่นทั้งในด้านคุณธรรม จริยธรรม ตลอดจนร่วมมือในการแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยไม่ขัดต่อกฎหมาย ลักษณะของผู้ที่มีจิตสาธารณะ จะต้องเป็นผู้ที่ให้และคอยช่วยเหลือผู้อื่นที่เดือดร้อนด้วยความเต็มใจ ไม่หวังผลตอบแทน ไม่เห็นแก่ตัวเข้าใจผู้อื่น ไม่เป็นคนใจแคบ รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น แนวทางการสร้างจิตสาธารณะ เป็นการสร้างความรับผิดชอบในตัวเองหากขาดหรือบกพร่อง ก็จะส่งผลกระทบเกิดปัญหาต่างๆตามมามากมาย การสร้างจิตสาธารณะสามารถทำได้ง่ายๆ โดยเริ่มจากตัวเราก่อน อาทิ สร้างวินัยในตัวเอง รู้จักหน้าที่ความรับผิดชอบทั้งต่อตนเองและผู้อื่น มีความกระตือรือร้นที่จะมีส่วนร่วมในสังคมด้วยความเต็มใจและมองผู้อื่นในแง่ดีคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสังคม ทั้งในด้านที่ดีและไม่ดีให้ความร่วมมือในด้านต่างๆ ช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยความเต็มใจ เมื่อสร้างจิตสำนึกสาธารณะได้แล้วก็ต้องมีการพัฒนาด้วย
ไม่ใช่แค่จิตสาธารณะเท่านั้น แต่ต้องมีสามัญสำนึกควบคู่ไปด้วย สามัญสำนึกคือความสำนึกหรือความเฉลียวใจ
ที่ควรต้องรู้ โดยไม่จำเป็นต้องได้รับคำแนะนำสั่งสอน สามัญสำนึกพัฒนาจากความรู้ที่ได้จากการผ่านประสบการณ์ การลองผิดลองถูก หรือบรรดาความรู้ที่ได้รับจากจารีตประเพณี แต่มีพื้นฐานอยู่บนความรู้ที่คนธรรมดาทั่วไปเข้าใจ สามัญสำนึกไม่เหมือนกับความรู้หรือประสบการณ์
อริสโตเติลนักปรัชญาและผู้มีความรู้รอบด้านชาวกรีกเป็นบุคคลแรกอธิบายว่า “สามัญสำนึก” เป็นความสามารถของสัตว์ที่ประมวลประสาทสัมผัส-วิญญาณ, ความทรงจำและจินตนาการเพื่อบรรลุการตัดสินใจพื้นฐาน แต่มีมนุษย์เพียงเท่านั้นที่มีการคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล, ทำให้มนุษย์อยู่เหนือสามัญสำนึก
สัจธรรมมักพูดเสมอว่าการทำผิด สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่การสำนึกผิดเกิดขึ้นได้กับมนุษย์เพียงบางคนเท่านั้น “สามัญสำนึกที่ดี”จึงอยู่ที่ “สันดานคน” ดังนั้นคนฉลาดน้อยมักพูดมาก คนฉลาดมากมักพูดน้อย คนไม่ฉลาดมักพูดไม่หยุด แต่คนที่ฉลาดสุดๆ มักจะหยุดนิ่งแล้วฟัง เรื่องบางเรื่องคนเราก็สอนกันไม่่ได้ มันอยู่ที่ “สันดาน และ จิตสำนึก” ถ้าไม่เจอกับตัวเองก็คงไม่รู้สึก บางคนเจอแล้วยังสำนึกไม่ได้
จึงไม่น่าแปลกใจกับการโพสต์ข้อความกระโชกโฮกฮากของสองนักการเมืองที่ยืนต่างมุมมองต่างกันด้วยสามัญสำนึก สันดาน และจิตสาธารณะที่แตกต่างกัน หรืออาจจะมี ... ไม่มีต่างกัน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี