ท่านเวิน เจียเป่า เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 6 ของจีนภายใต้การนำพาของพรรคคอมมิวนิสต์ (ที่ครองเมืองมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2490) โดย ท่านเวิน เจียเป่า ได้ดำรงตำแหน่งระหว่างปีพ.ศ. 2546 ถึงปี พ.ศ. 2556
เมื่อเดือนเมษายน 2564 ท่านเวิน ได้เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงสาธารณชนชาวจีนเกี่ยวกับมารดาผู้ประเสริฐยิ่งของเขา อย่างไรก็ดี จดหมายนี้ปรากฏอยู่ในสื่อร่วมสมัยโซเชียลมีเดียได้เพียงไม่กี่วัน ก่อนจะถูกถอดถอนออกไป
ก็มีคำถามจากสังคมตามมาว่า เหตุใดท่านเวิน จึงเขียนจดหมายฉบับนี้ขึ้น รวมทั้งทำไมทางการจีนถึงทำการถอดออกไปทั้งๆ ที่เนื้อความนั้นเป็นเรื่องราวระหว่างลูกชายกับแม่ และความรักความบูชา ความกตัญญูรู้คุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ของลูกชายคนหนึ่งต่อแม่ผู้สุดประเสริฐของเขาเท่านั้น
เป็นเรื่องธรรมดาที่ท่านเวินคงจะอยากให้ชาวโลก โดยเฉพาะเพื่อนร่วมชาติรับรู้ว่า ความเป็นแม่ผู้สุดประเสริฐนั้นเป็นอย่างไร เพื่อให้ได้เป็นแบบอย่าง และข้อคิด ข้อปฏิบัติ อย่างไรของผู้ที่จะเป็นมารดาและบุตรในรุ่นต่อไปอีกด้วย
ท่านเวิน ไม่ได้แค่บอกกล่าวเล่าสู่กันฟังถึงความเป็นแม่ และบุญคุณที่แม่มีต่อลูกเท่านั้น แต่ได้ถือโอกาสที่จะบอกเล่าด้วยว่า ในการจะเป็นมนุษย์คนหนึ่งตามที่แม่ได้พร่ำสอน พร่ำปฏิบัติ เป็นเยี่ยมอย่างนั้น ควรเป็นอย่างไร
ซึ่งประเด็นที่ว่า มนุษย์นั้นควรปฏิบัติต่อกันและกันอย่างไร ก็ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะกลายเป็นนัยทางการเมืองเพราะทุกคนต่างอยู่ในสังคมที่ทุกคนต้องข้องแวะกัน และนี่คงเป็นสาเหตุว่าทำไมทางการจีนถึงต้องเซ็นเซอร์จดหมายเปิดผนึกฉบับนี้
ผมได้อ่านคำแปลจากภาษาจีนเป็นภาษาอังกฤษ อ่านแล้วก็ต้องยอมรับว่า แม่ของท่านเวิน เป็นแม่ที่สุดประเสริฐจริงๆ บางช่วงตอนหยิบอ่านแล้วก็หักห้ามใจไม่อยู่ ถึงกับน้ำตาไหลซึมออกมาด้วยความซาบซึ้งในความรัก ความห่วงใย ความปรารถนาดีที่แม่พึงมีต่อลูก
แม่ของท่านเวิน นั้นกำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่เกิด โดยถูกเลี้ยงดูเยี่ยงบุตรในไส้ของตายาย ซึ่งมีธุรกิจเล็กๆ เป็นร้านขายยาในหมู่บ้านเล็กๆ ของเมืองเล็กๆ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน เมื่อตาเสียชีวิต (ตาทวดของท่านเวิน) แม่ก็รับดูแลธุรกิจร้านยา โดยจ้างลูกจ้างอีก 2 คน ก่อนจะมาแต่งงานกับพ่อของท่านเวิน ซึ่งมีอาชีพเป็นครู ทั้งสองสามีภรรยาผ่านชีวิตกันมาอย่างโชกโชนท่ามกลางการรุกรานของกองทัพญี่ปุ่น สงครามกลางเมืองระหว่างฝ่ายก๊กมินตั๋ง กับฝ่ายคอมมิวนิสต์ นโยบายก้าวกระโดด และการปฏิวัติวัฒนธรรม ซึ่งทั้งหมดนี้คู่สามีภรรยาต้องผ่านกับการเสี่ยงตาย การเป็นผู้ถูกสงสัยว่าเป็นศัตรู และเป็นอันตรายต่อรัฐและพรรค บิดาของท่านเวินถูกปลดจากงาน ถูกย้ายที่อยู่จากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองหนึ่ง ถูกตั้งข้อหา ถูกคุมขังและถูกทรมานอย่างแสนสาหัส ถึงขั้นที่เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่พนักงานฆ่าตัวบิดาของท่านเวินให้สิ้นชีพไป
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาของสภาพชีวิตที่ไม่พึงประสงค์ แม่ผู้ประเสริฐของท่านเวิน ก็ไม่เคยปริปาก ไม่เคยบ่น ไม่เคยแสดงความอาฆาตแค้น ไม่เคยแสดงความน้อยเนื้อต่ำใจต่อชะตาชีวิต ไม่เคยต่อว่า ไม่เคยปรักปรำผู้สามีแต่อย่างใดแถมยังให้กำลังใจต่อสามีอีกด้วย แต่แม่มุ่งหน้าในการหาเลี้ยงชีพ เลี้ยงดูลูก รวมทั้งการนำอาหารไปให้สามี ณ ที่คุมขัง และในขณะเดียวกัน แม่ของท่านเวิน ก็จะทำงานไปด้วยพร้อมกับเล่าประวัติคนดี คนเก่งของจีน ให้บุตรชายฟัง และในยามว่างก็จะอ่านวรรณคดีให้บุตรชายฟังด้วย เป็นการปลูกฝังการใฝ่เรียน และการมีคนดีเป็นแบบอย่างส่วนผู้สามีบิดาของท่านเวิน เมื่อได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสระแล้ว ก็ดำรงชีวิตอยู่กับครอบครัวด้วยความสงบ เจียมเนื้อเจียมตัวอำนวยให้ชีวิตครอบครัวมีความสงบ ราบรื่น
แม่ท่านเวินเน้นย้ำคำสั่งสอนในเรื่องการคิดคำนึงถึงเพื่อนมนุษย์ ความมีจิตใจต่อเพื่อนมนุษย์เป็นสำคัญ
เมื่อท่านเวินเริ่มเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยแรกผู้เป็นมารดาได้เขียนจดหมายถึง เน้นว่าการทำงานทำการนั้น จะทำตนเป็นต้นไม้โดดเดี่ยว โดยไม่มีไม้อื่นล้อมรอบมิได้
และเมื่อเป็นนายกรัฐมนตรีรอบที่สอง ผู้เป็นมารดาก็เขียนถึงในทำนองว่า ให้เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง และงานซึ่งยากลำบาก สลับซับซ้อนอย่างมากมาย ก็ต้องเพียรพยายามให้ดีที่สุด
ด้วยจริยวัตรที่ดีตามคำสั่งสอนของมารดา ท่านเวินจึงได้รับฉายาว่า เป็นนายกรัฐมนตรีของประชาชน
และในจดหมายเปิดผนึกนั้น ท่านเวินยังได้เขียนอีกว่า ประชาชนต้องปราศจากการอยู่ภายใต้ความกลัว และการกดขี่ข่มเหง การใช้อำนาจโดยมิชอบไม่เป็นสิ่งที่พึงปรารถนา
เนื้อหาจดหมายเปิดผนึก ได้ชี้ให้เห็นปัญหาความเป็นไปในสังคมจีนตั้งแต่ในอดีต จนถึง ณ วันนี้ว่า ประเทศจีนภายใต้การปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์นั้นเต็มไปด้วยความเป็นอำนาจนิยม ไร้เมตตาธรรม ซึ่งเท่ากับเป็นการประณาม และท้าทาย พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของผู้บริหารจีนในวันนี้ ที่ไร้การคำนึงถึงความเป็นมนุษย์ด้วยกัน
จดหมายเปิดผนึกฉบับดังกล่าว คงมิใช่การดำเนินการที่โดดเดี่ยว ซึ่งเป็นที่คาดกันว่า น่าจะเป็นการสะท้อนพลังต่อต้านการจะผูกขาดอำนาจไว้ในมือแต่ผู้เดียวของประธานาธิบดี สี จิ้นผิงและการครองอำนาจไปตลอดกาล
จากการเผยแพร่จดหมายฉบับนี้ออกมาสู่สังคมจีน สะท้อนให้เห็นว่า อำนาจเบ็ดเสร็จของประธานาธิบดี สี ในวันนี้ดูจะไม่ค่อยราบรื่นเสียแล้ว เพราะคนจีนนั้นก็เหมือนมนุษย์ทั่วไปที่ต้องการสิทธิเสรีภาพเช่นกัน มิใช่แค่ท้องอิ่ม ในขณะที่จิตวิญญาณมืดมน
เนื้อความในจดหมายเปิดผนึกนี้ มิได้เป็นของขวัญให้กับคนจีนเท่านั้น หากแต่เป็นของขวัญให้กับผู้คนทั่วโลก และยังสามารถใช้เป็นเครื่องเตือนสติให้กับผู้หลงอำนาจทั้งหลายด้วย
สำหรับแต่ละคน ก็อยากจะขอให้ทุกคนคิดถึงคุณแม่ ที่ต้องการให้ลูกเป็นคนดี รักความดี และเห็นแก่ผู้อื่นเป็นสำคัญ เมื่อเราลืมแม่ ก็เหมือนกับเราลืมตัวเอง
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี