ในสามก๊กนั้นแม้ว่ามีเรื่องราวหลายแง่หลายมุมหลายบริบทแม้กระทั่งในเรื่องของการเมือง การทูต การทหาร เรื่องของยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี กลยุทธ์ ยุทธการ การยุทธ์ การรบและค่ายกลพยุหะต่างๆ ก็มีอยู่อย่างพรั่งพร้อม ซึ่งแต่ละเรื่องล้วนน่าสนใจแก่ผู้ใฝ่ศึกษาทั้งสิ้น
หลังขงเบ้งลงจากเขาโงลังกั๋งได้ 7 ปี ก็ได้สถาปนาอำนาจปกครองให้แก่เล่าปี่ได้ครองแผ่นดินจีน 1 ใน 3 ในนามของจ๊กก๊ก ในขณะที่โจโฉครองอำนาจเป็นใหญ่ในศูนย์กลางอำนาจรัฐในนามของวุยก๊ก และซุนกวนครองอำนาจเป็นใหญ่ทางฝั่งใต้ของแม่น้ำแยงซี สืบทอดอำนาจตระกูลซุนสามชั่วอายุคนในนามของง่อก๊ก
ทั้งสามก๊กนี้ได้ขับเคี่ยวต่อสู้กันเป็นเวลาถึงครึ่งศตวรรษและในที่สุดก็ล่มสลายลงในชั่วอายุคนชั้นลูกและชั้นหลาน อำนาจไปตกอยู่แก่สุมาเจียวผู้บุตรของสุมาอี้กุนซือคนสำคัญของวุยก๊ก ที่ได้โค่นราชวงศ์ฮั่นลงและตั้งตนขึ้นเป็นเจ้าปกครองแผ่นดินจีนเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จิ้น
แต่ไม่กี่ทอดวงศ์กษัตริย์ก็ล่มสลายลงตามกฎพระไตรลักษณ์
ดังนั้นแม้ว่ามีเรื่องหลากหลายสาขาวิทยาการอันควรแก่การสนใจ แต่หนึ่งในเรื่องราวที่น่าสนใจมากเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญสืบต่อมานับพันๆ ปี นั่นคือเรื่องคำสาบานแห่งสวนท้อ
แม้วันเวลาของสามก๊กล่วงเลยมาแล้วร่วม 2,000 ปี แต่เรื่องราวคำสาบานแห่งสวนท้อก็ยังคงเป็นเรื่องราวที่ลือลั่นและกล่าวขวัญถึงทุกครั้งทุกแห่งและทุกเวลาเมื่อมีการกล่าวถึงความรักของเพื่อนที่รักกันยิ่งกว่าพี่น้องร่วมอุทรเดียวกัน นั่นคือความรักผูกพันของเล่าปี่ กวนอู และเตียวหุย ซึ่งได้ร่วมสาบานเป็นพี่น้องกันในสวนท้อบริเวณบ้านของเตียวหุย ว่าทั้งสามมีอุดมการณ์อย่างเดียวกันในการกอบกู้ฟื้นฟูราชวงศ์ฮั่น จึงกรีดเลือดสาบานเป็นพี่น้องกัน แม้เกิดต่างวันกัน ต่างพ่อแม่กันแต่จะขอตายในวันเดียวกัน จะร่วมกันทำการกอบกู้ฟื้นฟูราชวงศ์ฮั่นให้สำเร็จ
เล่าปี่นั้นความจริงเป็นลูกครอบครัวยากจน มีอาชีพทอเสื่อขาย แต่มีเชื้อสายของพระเจ้าฮั่นเก็งเต้ ซึ่งเป็นกษัตริย์พระองค์หนึ่งในราชวงศ์ฮั่น และครั้งหนึ่งพระเจ้าเหี้ยนเต้ก็ให้อาลักษณ์ตรวจสอบทะเบียนพระบรมราชวงศ์ จึงได้ทราบว่าเล่าปี่แท้จริงมีศักดิ์เป็นถึงอาของพระเจ้าเหี้ยนเต้ และนับตั้งแต่บัดนั้นเล่าปี่ก็ได้ศักดิ์เป็นที่พระเจ้าอาของพระเจ้าเหี้ยนเต้เวลาเรียกขานนามตามบรรดาศักดิ์ก็จะลงท้ายด้วยความว่าพระเจ้าอาของพระจักรพรรดิเหี้ยนเต้
เพราะฐานะลำบากยากจน แม้มีความคิดจิตใจที่จะกอบกู้ราชสำนักจากการเบียดเบียนข่มเหงของขุนนางกังฉิน แต่เล่าปี่ก็มิได้มีกำลัง คือขาดกำลังทั้งสาม นั่นคือกำลังสติปัญญา กำลังเงิน และกำลังคน
ดังนั้นเมื่อโจรโพกผ้าเหลืองอาละวาดในแผ่นดินจีน ราชสำนักจีนภายใต้การควบคุมครอบงำของกังฉินซึ่งอ่อนแอปวกเปียกไร้น้ำยาจึงต้องเปิดรับอาสาสมัครไปสู้รบปรบมือกับโจรโพกผ้าเหลือง
ที่เรียกว่าโจรโพกผ้าเหลืองนั้นแม้จริงไม่ใช่โจร แต่เป็นขบวนการปฏิวัติประชาชาติอย่างหนึ่งในยุคโบราณ ที่เกิดขึ้นก่อนยุคปฏิวัติชาวนา จึงอาจกล่าวได้ว่าโจรโพกผ้าเหลืองคือปฐมบทของการปฏิวัติประชาชาติของมวลมนุษยชาติ
เหตุที่โจรโพกผ้าเหลืองไม่มีฐานะเป็นโจรที่แท้จริงเพราะเหตุสามประการ คือ
ประการแรก เป็นการเคลื่อนไหวต่อสู้กับอำนาจรัฐซึ่งเน่าเฟะ เต็มไปด้วยการโกงชาติฉ้อราษฎร์บังหลวง เพื่อความเป็นธรรมและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนทุกข์เข็ญของประชาชน โจรโพกผ้าเหลืองไม่ได้ปล้นชิงวิ่งราวหรือข่มขืนชาวบ้านเลย มีแต่ระดมความรักสามัคคีในหมู่ประชาชน เพื่อทำการโค่นล้มอำนาจรัฐ
ประการที่สอง เป็นการเคลื่อนไหวร่วมกันของประชาชนจำนวนมาก มีจำนวนถึงห้าสิบหมื่นหรือเท่ากับ 500,000 คนมากกว่ากำลังพลของกองทัพไทยในปัจจุบันประมาณหนึ่งเท่าครึ่งมีการจัดกระบวนทัพกระบวนรบตามหลักการจัดกระบวนทัพทางทหาร มีระบบบัญชาการที่เป็นระบบตามยุคสมัยนั้น
ประการที่สาม เป็นขบวนการเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ประชาชน เพื่อความเสมอภาคของประชาชน และเพื่อสิทธิประโยชน์ของประชาชน
เพราะเหตุนี้โจรโพกผ้าเหลืองจึงขยายตัวไปอย่างรวดเร็ว สามารถยึดเมืองต่างๆ ได้นับสิบเมือง จนกำลังของรัฐบาลแห่งราชวงศ์ฮั่นไม่สามารถรับมือได้ ดังนั้นจึงมีการประกาศรับอาสาสมัครเป็นการทั่วไป บรรดาคนทั้งหลายที่เห็นเป็นโอกาส หรือแม้กระทั่งคนตกงาน ว่างงาน ไม่มีข้าวจะกินก็แห่กันไปสมัครเป็นทหาร
ในโอกาสนั้นเล่าปี่จึงได้พบกับบุรุษอีกสองคน คนหนึ่งชื่อกวนอู มีประวัติเป็นโจรจำเป็นที่หนีคดีฆ่าคนตาย นั่นคือคดีฆ่าเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลที่ข่มเหงราษฎร บุรุษนี้ทนเห็นความอธรรมไม่ได้จึงสังหารเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้นเสีย เป็นเหตุให้ถูกจับกุม และต่อมาก็แหกจากการจองจำหลบหนีไปและมาสมัครเป็นทหาร จึงได้พบหน้ารู้จักกับเล่าปี่
เล่าปี่เห็นกวนอูมีบุคลิกและท่วงทำนององอาจสง่าเข้มแข็งแกร่งกล้าราวกับทหารเทพยดา จึงได้ทักทายได้รู้จักกันในขณะที่กวนอูก็มีอุดมการณ์ที่จะกอบกู้ฟื้นฟูชาติบ้านเมือง ครั้นได้ทราบว่าเล่าปี่เป็นเชื้อพระวงศ์ก็เห็นเป็นโอกาสที่จะได้ร่วมมือกัน
ในระหว่างที่ทักทายกันอยู่นั้นก็ได้รู้จักกับเตียวหุย ซึ่งมีบุคลิกภาพตัวดำกำยำล่ำสัน กระโชกโฮกฮากดุดันยิ่งกว่าคนทั้งปวงแต่เป็นคนมีฝีไม้ลายมือกล้าหาญ แม้กระนั้นยามแผ่นดินกลียุค เตียวหุยก็มาประกอบอาชีพเป็นพ่อค้าขายเนื้อหมู
เล่าปี่ได้มองข้ามบุคลิกภาพที่ตัวดำ ดุดัน เห็นความเป็นยอดขุนพลในตัวเตียวหุยเช่นเดียวกับที่กวนอูเห็น และเมื่อเตียวหุยทราบว่าเล่าปี่เป็นเชื้อพระวงศ์ก็เห็นเป็นโอกาสที่จะได้ทำการใหญ่ในการกอบกู้ฟื้นฟูชาติบ้านเมือง ดังนั้นจึงพากันไปที่บ้านของเตียวหุย จัดการเลี้ยงสุราอาหารกันเป็นที่ครื้นเครง
ยิ่งคุยยิ่งคบหาลึกขึ้นเท่าใดก็ยิ่งต้องอัชฌาสัยกันและกันมากเท่านั้น และเห็นว่าอุดมการณ์ของแต่ละคนมีหนทางจะสำเร็จแล้วโดยความร่วมมือร่วมใจของทั้งสามคน เพราะเล่าปี่มีเชื้อสายเป็นเจ้า ส่วนกวนอูมีฝีไม้ลายมือเป็นยอดขุนพลใหญ่ ส่วนเตียวหุยนอกจากมีฝีมือแล้วยังมีฐานะทางการเงินมากด้วย ดังนั้นทั้งสามจึงตกลงกรีดเลือดดื่มสุราเลือดสาบานเป็นพี่น้องร่วมน้ำสาบานกัน และนับตั้งแต่นั้นทั้งสามคนนี้ก็ผูกพันกันฉันท์พี่น้อง เคารพเชื่อฟังกันในฐานะเล่าปี่เป็นพี่ใหญ่ กวนอูเป็นพี่รอง และเตียวหุยเป็นน้องเล็ก
นั่นคือที่มาแห่งคำสาบานแห่งสวนท้ออันลือลั่นในประวัติศาสตร์ของจีน และเป็นที่เล่าขานตกทอดมาถึงชาวโลกในทุกวันนี้
เมื่อเล่าปี่ได้ครองอำนาจเป็นใหญ่ในเมืองเสฉวนตามแบบอย่างของพระเจ้าฮั่นโกโจหรือเล่าปัง ผู้เป็นปฐมบรมกษัตริย์แห่งราชวงศ์แล้วก็ได้อวยยศศักดิ์ให้แก่น้องทั้งสองคน โดยให้กวนอูเป็นเจ้าเมืองเกงจิ๋ว เตียวหุยเป็นเจ้าเมืองอยู่ใกล้กับเมืองเสฉวน
แต่ด้วยวิสัยทะนงตนจนเกินการของกวนอูได้ละคาถาคุ้มเมืองเกงจิ๋วที่ขงเบ้งเคยมอบไว้ ว่าจะรักษาเมืองเกงจิ๋วให้รอดปลอดภัยต้องใช้คาถานี้ คือ “ใต้คบซุน เหนือรบโจ” ซึ่งหมายความว่าทางใต้ให้ผูกมิตรกับซุนกวน คอยป้องกันรับมือโจโฉทางด้านเหนือ
แต่เพราะความอวดดื้อถือดีของกวนอูว่ามีฝีมือเป็นหนึ่งเดียวในแผ่นดิน ทอดทิ้งสติปัญญากุนซือเสีย ทางเหนือทะเลาะกับโจโฉ ทางใต้ทะเลาะกับซุนกวน ในที่สุดก็ต้องเสียเมืองเสียหัวให้กับง่อก๊ก ทำให้เล่าปี่ต้องแก้แค้นให้แก่น้องร่วมสาบาน ขงเบ้งได้ทัดทานไว้หลายปีแต่ในที่สุดเล่าปี่ก็ฝืนคำทัดทานของขงเบ้ง ทอดทิ้งยุทธศาสตร์สามก๊กที่เคยตกลงกันที่เขาโงลังกั๋งสั่งระดมทัพใหญ่แปดสิบสามหมื่นเพื่อบุกเมืองกังตั๋ง
ในครั้งนั้นเตียวหุยสั่งระดมสัมภาระต่างๆ สำหรับใช้ในราชการสงครามและคาดคั้นให้ผู้มีหน้าที่ทำการให้เสร็จในสามวันมิฉะนั้นก็จะลงโทษถึงตาย พวกทหารเลวเกรงอาญาจึงลอบฆ่าเตียวหุยเสียในขณะนอนหลับ
และเล่าปี่เองได้นำพลเกือบทั้งหมดที่ขงเบ้งสั่งสมไว้เพื่อบรรลุยุทธศาสตร์สามก๊กยกไปรบเมืองกังตั๋ง ในที่สุดก็พ่ายแพ้แก่ขุนพลหนุ่มหน้าอ่อนของง่อก๊กคือ ลกซุน แตกทัพอย่างน่าอัปยศ กองกำลังแปดสิบสามหมื่นสิ้นสลาย และทำให้ขงเบ้งได้ยากลำบากจนกระทั่งรากเลือดในภายหลังเพราะไม่มีกำลังเพียงพอต่อการสืบภารกิจ
เล่าปี่ได้อายจากการปราชัยและรู้ตัวว่าเกิดแต่การฝ่าฝืนคำแนะนำของกุนซือเพียงเรื่องเดียวก็ย่อยยับถึงปานนี้ รู้สึกอัปยศในใจจึงตรอมใจตายที่เมืองเป๊กเต้
วันนี้พี่น้องสาม ป. หรือคำเรียกพี่น้องสาม ป. กำลังดังกึกก้องในบ้านเมือง จึงทำให้หลายคนนึกถึงคำสาบานแห่งสวนท้อ และเป็นเรื่องน่าคิดว่าถ้าจะเปรียบเทียบสาม ป. นี้ใครจะเทียบได้กับใคร และใครจะมีจุดจบแบบใคร ก็เป็นเรื่องที่น่าคิด!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี