วันพฤหัสบดี ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โจมตีโครงการผันน้ำยวม ระบุว่า ไม่คุ้มค่า ไม่สมเหตุสมผล ไม่มีส่วนร่วม และคัดค้านการผ่าน EIA โครงการของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม
โดยเจาะจงด้วยว่า เป็นคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมที่มีพลเอกประวิตร เป็นประธาน
1. นายพิธาระบุว่า “เมื่อวันที่ 15 กันยายน ที่ผ่านมา คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร เป็นประธาน ได้เห็นชอบรายงานผลการศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EIA) ของ “โครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล แนวส่งน้ำยวม-อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล” ซึ่งเป็นโครงการมูลค่า 70,675 ล้านบาท ท่ามกลางเสียงคัดค้านและข้อท้วงติงจากประชาชนในพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบจากโครงการ นักวิชาการ เครือข่ายภาคประชาสังคมด้านสิ่งแวดล้อมและสิทธิชุมชน...
โครงการนี้จะกระทบพื้นที่ป่าเพื่อการอนุรักษ์ 2,735 ไร่ กระทบวิถีชีวิตชาวบ้านและชุมชนโดยรอบอย่างมหาศาล กระทบวิถีชีวิตของชาวปกาเกอะญอที่มีที่ดินตามแนวขุดอุโมงค์ผันน้ำ ซึ่งไม่ได้มีการพูดถึงเลยในรายงาน โครงการขนาดใหญ่เช่นนี้ ควรจะมีกระบวนการพิจารณาที่ละเอียด รัดกุม ตรงไปตรงมาไม่มีเล่ห์กลของตัวเลข และมีส่วนร่วมของประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียให้มากที่สุด
ดังนั้น ผมจึงมีความเห็นว่าโครงการผันน้ำยวม 7 หมื่นล้านบาทนี้ ควรมีการทบทวนความคุ้มค่าของโครงการ ที่อาจจะไม่มีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง และควรมีการทบทวนรายงาน EIA ที่ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง และขอคัดค้านโครงการที่จะเข้าสู่การอนุมัติของคณะรัฐมนตรีถ้าหากโครงการนี้ไม่สามารถแสดงให้เห็นได้ว่าจะมีความคุ้มค่าอย่างแท้จริง และประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจอย่างแท้จริง...”
2. ล่าสุด ปรากฏว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม หรือแฟนเพจ Anti-Fake News Center Thailand ได้ระบุถึง “ข่าวบิดเบือน” โดยชี้ว่า “ข่าวบิดเบือน - โครงการ
เพิ่มน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพลแนวส่งน้ำยวม–อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล ใช้เวลาสร้าง 4 ปี งบอาจจะบานปลาย และได้ประโยชน์ไม่คุ้มเสีย” นี่คือการบิดเบือนข้อมูล
“บทสรุปของเรื่องนี้คือ : โครงการเพิ่มน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพลแนวส่งน้ำยวม-อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล ใช้เวลาสร้าง 7 ปี และได้มีการคำนวณความอ่อนไหวของโครงการ ซึ่งรวมถึงราคาของอุปกรณ์ในอนาคตไว้แล้ว อีกทั้งโครงการดังกล่าวมีความคุ้มค่าและก่อให้เกิดผลประโยชน์อย่างมากต่อเกษตรกรในพื้นที่เพาะปลูกช่วงฤดูแล้งที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการเพิ่ม การผลิตพลังงานไฟฟ้า”
นอกจากนี้ ยังให้ข้อมูลเบื้องต้นว่า
“...กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ชี้แจงประเด็นดังกล่าวว่า คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วส.) มีมติให้ กรมชลประทานดําเนินโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนในเขื่อนภูมิพล แนวส่งน้ำยวม-อ่างเก็บเขื่อนภูมิพลจริง เนื่องจากเห็นว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์เป็นอย่างมาก
โดยจากสภาพแวดล้อม และสภาพสังคมในปัจจุบัน มีความต้องการใช้น้ำเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งภาคประชาชน อุตสาหกรรม เกษตรกรรม และภาคบริการที่มีการใช้น้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค ซึ่งโครงการฯ นี้จะช่วยเพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลได้มากขึ้น ช่วยบรรเทาและแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้งและในภาวะฝนทิ้งช่วง ซึ่งกรมชลประทานได้วางแนวทางในการแก้ไขปัญหาและลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมระบบนิเวศต่างๆ ไว้แล้วตามข้อเสนอแนะของคณะ คชก. ที่ครอบคลุมในทุกด้าน เพื่อให้การดําเนินการ ต่างๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน
ในส่วนของการให้ข้อมูลว่า โครงการดังกล่าวใช้ระยะเวลา 4 ปีนั้น กรมชลประทาน ขอชี้แจงว่า กรมชลประทาน ไม่ได้กําหนดระยะเวลาในการดําเนินการก่อสร้างไว้ 4 ปี เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่ จึงได้กําหนดระยะเวลาในการก่อสร้างไว้ 7 ปี
.jpg)
.jpg)
สําหรับค่าลงทุนของโครงการกว่า 7 หมื่นล้านบาทนั้น เป็นผลการคํานวณเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ปัจจุบันค่าวัสดุก่อสร้างปรับราคาขึ้นเป็นเท่าตัว กรมชลประทานขอเรียนว่า ในการคํานวณค่าลงทุน ได้มีการวิเคราะห์ความอ่อนไหวของโครงการ ที่อัตราคิดลดร้อยละ 9 ในกรณีหากโครงการก่อสร้างล่าช้า 3 ปี พบว่า โครงการมีอัตราผลตอบแทน (EIRR) เท่ากับร้อยละ 11.43 ดังนั้น จากผลการวิเคราะห์โครงการโดยใช้ข้อมูล ณ ปีที่ศึกษา ซึ่งผ่านมา 3 ปีแล้ว ได้คิดครอบคลุมเผื่อราคาของวัสดุต่างๆ ในอนาคตไว้แล้ว และยังคงมีค่าEIRR มากกว่าเกณฑ์ความเหมาะสมที่สํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กําหนดไว้สําหรับการลงทุนในโครงการภาครัฐ
ส่วนกรณีที่ระบุว่างบบานปลาย ได้ไม่คุ้มเสียนั้น จากสถานการณ์ด้านทรัพยากรน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ทั้งสถานการณ์ภัยแล้งและอุทกภัยมีแนวโน้มที่รุนแรงมากขึ้น จากสภาพทางกายภาพของพื้นที่ลุ่มน้ำ การเปลี่ยนแปลงสภาพการใช้ที่ดิน แหล่งน้ำต้นทุนที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำเพื่อกิจกรรมต่างๆ ที่เพิ่มมากขึ้น ทําให้กรมชลประทานต้องวางแผนสํารองน้ำในช่วงหน้าฝน เพื่อให้การบริหารจัดการใช้น้ำในกิจกรรมต่างๆ ในช่วงฤดูแล้งเกิดประโยชน์อย่างสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการออกมาตรการงดทํานาปรัง การแก้ไขปัญหาน้ำเค็มรุกล้ำ การใช้น้ำเข้าช่วยผลักดันน้ำเค็ม เป็นต้น ดังนั้น การดําเนินโครงการฯ จึงมีความคุ้มค่าและก่อให้เกิดผลประโยชน์อย่างมากต่อเกษตรกรในพื้นที่เพาะปลูกช่วงฤดูแล้งที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการเพิ่มการผลิตพลังงานไฟฟ้า
ดังนั้น ข้อมูลที่มีการโพสต์ และแชร์ต่อในขณะนี้ จึงเป็นข้อมูลบิดเบือน ขอความร่วมมือประชาชน ไม่แชร์ ไม่ส่งต่อข่าวดังกล่าว เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www1.rid.go.th หรือโทรสายด่วน 1460”
3. นายสุรชาติ มาลาศรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารโครงการ ชี้แจงกรณีนี้ว่า โครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนในเขื่อนภูมิพล แนวส่งน้ำยวม-อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล จะช่วยเพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลได้มากขึ้น สามารถบรรเทาและแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้งและในภาวะฝนทิ้งช่วงได้ ซึ่งกรมชลประทานได้วางแนวทางในการแก้ไขปัญหาและลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศต่างๆ ไว้แล้วตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (คชก.) ที่ครอบคลุมในทุกด้าน เพื่อให้การดำเนินการต่างๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน
ยืนยันว่า กรมชลประทานไม่ได้กำหนดระยะเวลาในการดำเนินการก่อสร้างไว้ 4 ปี เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่ จึงได้กำหนดระยะเวลาในการก่อสร้างไว้ 7 ปี
ส่วนกรณีกล่าวหาว่าโครงการดังกล่าวไม่มีความคุ้มค่านั้น กรมชลประทานชี้แจงว่า ปัจจุบันสถานการณ์ภัยแล้งและอุทกภัยมีแนวโน้มที่รุนแรงมากขึ้น และความต้องการใช้น้ำเพื่อกิจกรรมต่างๆ เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งภาคประชาชน อุตสาหกรรม เกษตรกรรม และภาคบริการที่มีการใช้น้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค ทำให้กรมชลประทานต้องวางแผนสำรองน้ำในช่วงฤดูฝน เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำในกิจกรรมต่างๆ ในช่วงฤดูแล้งเกิดประโยชน์อย่างสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรและอุปโภค-บริโภค การแก้ไขปัญหาน้ำเค็มรุกล้ำ การใช้น้ำเข้าช่วยผลักดันน้ำเค็ม เป็นต้น ดังนั้น การดำเนินโครงการฯ นี้จึงมีความคุ้มค่าและก่อให้เกิดผลประโยชน์อย่างมากต่อเกษตรกรในพื้นที่เพาะปลูกช่วงฤดูแล้งที่เพิ่มขึ้น และรองรับการใช้น้ำเพื่อกิจกรรมต่างๆ อย่างยั่งยืนในอนาคต รวมถึงการเพิ่มการผลิตพลังงานไฟฟ้าด้วย
.jpg)
.jpg)
4. โครงการที่เป็นประเด็นข้างต้นนั้น เป็นโครงการขนาดใหญ่ มูลค่าสูงกว่า 7 หมื่นล้านบาท
สมควรที่ภาครัฐจะต้องมีการชี้แจงที่ชัดเจน และตอบข้อสงสัยทุกๆ ประเด็น อย่างตรงไปตรงมา
หากโครงการนี้เป็นประโยชน์จริง ประชาชนย่อมจะสนับสนุน
และนักการเมืองที่คัดค้าน ก็จะถูกประชาชนตีตราประทับว่าไม่เห็นแก่ความทุกข์ร้อนของประชาชน
สารส้ม

ชื่นชม!ตำรวจจราจรกระบี่ ช่วยเทศบาลเก็บขยะ‘กระทง’ ลอยเต็มทะเลหน้าเขื่อน
(คลิป) โผล่แล้ว! อดีตนายกฯเอี่ยวสแกมเมอร์ อยู่ต่างประเทศ มีอยู่คนเดียว!
‘ตำรวจสระแก้ว-ตราด-กสทช.’ลุย‘ล้มเสา’สัญญาณ สกัดแก๊งคอลฯ พบใช้งานกว่า 37,000 ครั้ง
'ยิว ฉัตรมงคล'ไม่ทน! ตามหาเพจอวตารโพสต์ปั่นข่าว ตั้งรางวัล200,000บาท
‘บวรศักดิ์’มองคำพูดนายกฯติงฝ่ายค้าน เร็วไปไหมซักฟอกใน 1 เดือน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี