คืนวันที่ 11 ตุลาคม 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ “เปิดประเทศ” สรุปประเด็นสำคัญในการแถลงได้ดังนี้ คือ
1. หนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา ที่มีการระบาดของโควิด-19 เป็นความหนักใจที่สุดในชีวิตที่ต้องตัดสินใจเลือกระหว่างปกป้องชีวิตคน กับปกป้องการทำมาหากิน เป็น 2 ทางเลือกที่ไม่สามารถแยกขาดออกจากกันได้
2. ได้ตัดสินใจชัดเจนแน่วแน่ ปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข ใช้มาตรการที่เข้มงวดต่างๆ พร้อมขอความร่วมมือจากประชาชน
3. ถึงเวลากล้าเผชิญหน้ากับโควิด-19 โดยมีความพร้อม เรื่องยารักษาและวัคซีนป้องกัน อีกไม่นานต้องเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตเหมือนกับโรคภัยอื่นๆ ที่กลายเป็นโรคประจำถิ่น
4. ประกาศหนึ่งก้าวเล็กๆ แต่เป็นก้าวที่สำคัญ วันนี้ได้สั่งการให้ ศบค.และกระทรวงสาธารณสุข ร่วมพิจารณาตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. เป็นต้นไป ไทยจะเริ่มเปิดรับการเดินทางเข้าประเทศโดยไม่ต้องกักตัว สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วและมาจากประเทศที่กำหนดว่า เป็นประเทศความเสี่ยงต่ำ
5. เมื่อเดินทางเข้าประเทศไทย ต้องแสดงตัวว่าปลอดเชื้อโควิด-19 มีหลักฐานผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ซึ่งทำการตรวจก่อนเดินทางออกจากประเทศต้นทาง และจะตรวจหาเชื้อโควิด-19 อีกครั้งเมื่อเดินทางถึงประเทศไทย
6. เบื้องต้นกำหนดรายชื่อประเทศความเสี่ยงต่ำ เข้าประเทศไทยได้ไม่ต้องกักตัวอย่างน้อย 10 ประเทศ อาทิ อังกฤษ สิงคโปร์ เยอรมนี จีน และสหรัฐ และตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนประเทศความเสี่ยงต่ำ ภายในวันที่ 1 ธ.ค.
7. ภายในวันที่ 1 ธ.ค. จะพิจารณาอนุญาตให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารได้ และพิจารณาอนุญาตให้สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และสถานบันเทิงเปิดให้บริการได้ ภายใต้มาตรการสาธารณสุข เพื่อกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลฉลองปีใหม่
8. การตัดสินใจแบบนี้มีความเสี่ยง เมื่อเริ่มต้นการผ่อนคลาย จะทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่จะติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด และประเมินว่าจะรับมือกับสถานการณ์อย่างไร ถ้าต้องเสียโอกาสในช่วงเวลาทองทำมาหากิน เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน คิดว่าประชาชนคงรับมือไม่ไหวอีกต่อไป
9. การรับส่งมอบวัคซีนเพิ่มขึ้นก้าวกระโดด 3 เท่า เดือน พ.ค. ได้รับวัคซีน 4 ล้านโดส เป็นได้รับส่งมอบวัคซีน 12 ล้านโดสในเดือน ก.ค. และได้รับส่งมอบวัคซีนอีกเกือบ 14 ล้านโดสในเดือน ส.ค. วันนี้ได้รับส่งมอบวัคซีนมากกว่า 20 ล้านโดสต่อเดือนจนถึงสิ้นปี รวมเป็นวัคซีนมากกว่า 170 ล้านโดส เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้
10. ทำแบบนี้ได้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จ คนไทยร่วมมือกัน ทำงานด้วยความมุ่งมั่น ทั้งบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข หน่วยงาน องค์กรต่างๆ ภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงความร่วมมือกันของประชาชนคนไทยทุกคน (ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ)
แน่นอนครับ, ประกาศที่ออกมา ย่อมมีทั้งคนที่พอใจว่า เฮ้อ...ให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจมันได้หายใจบ้างสักที กับกลุ่มที่สอง คือ กลุ่มที่ยังรู้สึกหวั่นใจ ไม่แน่ใจ ว่ามันจะร้ายหรือดี เราพร้อมแล้วจริงๆ หรือ กับกลุ่มสุดท้าย ที่ยังไงก็ไม่ดี โจมตีมันทุกอย่าง
อาทิ...
1) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม สส.เชียงใหม่ รองเลขาธิการพรรค นายเผ่าภูมิโรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค และนางสาวขัตติยาสวัสดิผล สมาชิกพรรค ในฐานะคณะทำงานด้านต่างประเทศพรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศ 1 พ.ย. 2564 เปิดประเทศและการทำงาน 120 วันที่ผ่านมา ประเทศไทยประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลกในการปกป้องรักษาชีวิตของประชาชนนั้น
นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่ปฏิเสธการเปิดประเทศ และไม่ปฏิเสธการตั้งเป้าหมายสู่การเปิดประเทศ แต่ปฏิเสธการตั้งเป้าหมายแบบเลื่อนลอย ไร้การดำเนินการรองรับ ฉะนั้น สาระสำคัญคือการเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดประเทศ คำถามจึงไม่ใช่ “เปิดหรือไม่” แต่กลับเป็น “เปิดอย่างไร” และ “เตรียมพร้อมอย่างไร” มองดูที่ความพร้อม สิ่งที่เจอกลับคือความไม่พร้อม เช่น ภูมิคุ้มกันหมู่ที่ห่างไกลความจริง จังหวัดที่ตั้งเป้าเปิดรับนักท่องเที่ยว ยังเป็นจุดศูนย์กลางของการติดเชื้อ ระบบสาธารณสุขยังคาบเส้นศักยภาพของระบบพอดี
“ต่างชาติไม่มีความเชื่อมั่น สหรัฐอเมริกาจัดไทยเป็นประเทศสีแดง อยู่ระดับความเสี่ยงสูงสุด แนะนำ “ให้หลีกเลี่ยงการเดินทาง” อียูปลดไทยออกจากประเทศปลอดภัย เมื่อตลาดจีน ญี่ปุ่น ยังปิด ตลาดยุโรป สหรัฐอเมริกา ให้เลี่ยงเดินทางมา มองไม่เห็นเลยว่านักท่องเที่ยวจะมาจากไหน ทั้งหมดเพราะรัฐบาลบริหารล้มเหลว ทำให้วันนี้ประเทศต้องเปิดท่ามกลางความเสี่ยงสูง เปิดก็เสี่ยงตายไม่เปิดก็อดตาย” นายเผ่าภูมิ กล่าว
นายจักรพล กล่าวว่า หลายประเทศประสบความสำเร็จในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโควิดอย่าง เดนมาร์ก สิงคโปร์ ชิลี แต่ข้อแตกต่างของมาตรการรองรับประเทศเหล่านี้กับไทยคือ เปิดประเทศหลังจากที่มีประชาชนได้รับวัคซีนได้ถึง 70% แล้วทั้งสิ้น ไทยนำร่องเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เมื่อ 1 ก.ค. 2564 ขณะที่ประชาชนได้รับวัคซีนครบโดสเพียง 56 % และหลายจังหวัดที่จะเปิด 1 พ.ย. 2564 นี้ ยังไม่มีจังหวัดใดมีที่ประชาชนได้รับวัคซีนครบโดสถึง 70% เลย แสดงถึงการบริหารจัดการฉีดวัคซีนที่ไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาล
“จากการพูดคุยกับผู้ประกอบการท่องเที่ยว ต่างกังวลการเปิดประเทศที่จะเกิดขึ้น เพราะรัฐบาลไม่มีมาตรการคู่ขนานที่ชัดเจน อาจนำไปสู่การเกิดการระบาดระลอกใหม่ และครั้งนี้อาจเป็นลมหายใจเฮือกสุดท้ายของธุรกิจการท่องเที่ยวของไทย ส่วนด้านการให้ความช่วยเหลือภาคธุรกิจผ่านมาตรการ “ซอฟท์โลนทิพย์” มีการตั้งเงื่อนไขและสร้างกำแพงไว้สูงมาก คือมีอยู่ แต่ได้มาไม่ง่าย ทำให้ผู้ประกอบการ
บางส่วนถอดใจและหมดหวัง” นายจักรพล กล่าว
นางสาวขัตติยา กล่าวปิดท้ายว่า ขอตั้งคำถามรัฐบาลว่า มีความพร้อมแค่ไหนที่จะรับมือกับเชื้อโควิดหากมีการระบาดเกิดขึ้นอีกครั้ง ทั้งนี้การแจกชุด ATK คุณภาพฟรีแก่ประชาชนทุกคน ควรทำอย่างจริงจังและต่อเนื่อง “ถ้าวัคซีนไม่เข้าแขน ก็ขอ ATK แยงจมูกก็ยังดี” ส่วนจุดตรวจเชื้อแบบ RT-PCR ก็ต้องทั่วถึง ความพร้อมของโรงพยาบาล แพทย์ พยาบาล ยาฟาวิพิราเวียร์ ยาโมลนูพิราเวียร์ จำนวนเตียง ถังออกซิเจน เครื่อง x-ray ปอด การติดต่อ hospitel ไว้ล่วงหน้าในจำนวนที่เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดที่จะเปิดนำร่องเพียงพอแล้วหรือยัง
ยกตัวอย่าง ประเทศสิงคโปร์ ใช้ยุทธศาสตร์ยกระดับการตรวจหาเชื้อด้วยการแจกชุดตรวจทางไปรษณีย์ถึงบ้านให้ประชาชนฟรี สหราชอาณาจักรประกาศให้ประชาชนรับชุดตรวจได้ฟรีสัปดาห์ละ 2 ครั้งอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้“โมเดลอู่ฮั่น” เป็นกรณีศึกษาที่ดี คือมีการตรวจแบบจริงจังเชิงรุก ไม่ใช่ตรวจเชิงรับ ตรวจทั่วถึงทุกคน และใช้เทคโนโลยีมาช่วยควบคุมมาตรการล็อกดาวน์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดด้วย
2) นายสมบัติ บุญงามอนงค์ บก.ลายจุด และนักเคลื่อนไหวกิจกรรม ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊คส่วนตัว ระบุข้อความสั้นๆ ว่า เปิดประเทศ ในขณะที่ยังประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มันไม่ย้อนแย้งกันหน่อยเหรอ
3) ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยาผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คระบุว่า....ถ้านักท่องเที่ยวมาวันละ 1 แสน เราจะตรวจ RT-PCR เค้ายังไงเพราะเราไม่เคยทำได้ถึง
4) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้า กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีจะเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในประเทศกลุ่มเสี่ยงต่ำวันที่ 1 พ.ย.นี้ โดยมองว่า การเปิดประเทศเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะจะนำมาซึ่งการท่องเที่ยวแต่การเปิดประเทศ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องคลายล็อกภายในประเทศก่อน เพื่อให้ประชาชนใช้ชีวิตได้ตามปกติก่อนแบบที่ต่างประเทศใช้กัน ก่อนเปิดให้คนนอกเข้ามา
นอกจากนี้อยากเห็นการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะถ้าไม่ยกเลิก ก็ชัดเจนว่า รัฐบาลมี พ.ร.ก.ฉุกเฉินเอาไว้เพื่อปราบปรามคนเห็นต่างมากกว่าการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด อีกทั้งยังอยากเห็นการเปิดการเรียนการสอนตามปกติ เพราะการเรียนออนไลน์เป็นภาระของครู และนักเรียน รวมถึงอยากเห็นการเปิดให้ทำมาค้าขาย ใช้ชีวิตได้ตามปกติ
ทั้งนี้หากภายในยังไม่เปิด แต่เปิดให้ต่างชาติเข้ามานั้น ส่วนตัวก็ยังมองไม่ออกว่านักท่องเที่ยวจะใช้ชีวิตในกรอบเดียวกับคนไทยได้อย่างไร และการควบคุมความเสี่ยงจะทำได้จริงหรือไม่ และการเปิดประเทศภายในให้ได้ใช้ชีวิตตามปกติก่อนนั้นก็เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า ไทยสามารถควบคุมภายในได้แล้วจริงๆ
เหล่านี้เป็นตัวอย่างของ “คนกังวล” หรือ “คนที่มีคำถาม” หรือ “คนที่ยังไม่เห็นความพร้อม”
นายกฯ กับพลพรรค ทั้งแรมโบ้อีสาน, น้องเอ๋-ปารีณา,พี่สิระ เจนจาคะ ยังไม่ต้องออกมาเกรี้ยวกราด ตอกกลับอะไรในเมื่อเราเป็นฝ่ายนโยบายและฝ่ายปฏิบัติ แล้วมีคนเขาเคลือบแคลงสงสัย จงใช้ประโยชน์จากการมี “คนถาม” และ “คำถาม” เหล่านี้ ชี้แจง ทำความเข้าใจ และให้ความมั่นใจแบบ “ดีๆ” เสียเลย ซึ่งผมเชื่อว่า นายธนกร วังบุญคงชนะมีความสามารถและมีวุฒิภาวะพอที่จะทำได้ โดยที่นายกฯ กรุณาช่วยเก็บ 3 รายชื่อที่ผมกล่าวไปก่อนหน้านี้ ไปอยู่ในที่อันควร (แก่เขา) เสียก่อน
จงเผยแพร่ “คำตอบ”, “แผนงาน-การเตรียมการ” และจงให้ความมั่นใจว่าเรา “พร้อมแล้ว” ที่จะเปิดประเทศได้อย่างระมัดระวัง อย่าย่อท้อหรือเกียจคร้านที่จะตอบคำถามเหล่านี้เพื่อให้ความกระจ่าง สำคัญที่สุดคือ นายกฯ มี “แผนปฏิบัติการ” รองรับนโยบายเปิดประเทศนี้ “จริงๆ” แล้วใช่ไหม
ที่ต้องถามอย่างนี้ ก็เพราะบ่อยครั้งที่นายกฯ พลั้งปากพูด โดยยังไม่มีแผนงานหรือยุทธศาสตร์ใดๆ รองรับนั่นเอง
เข้าใจตรงกันนะครับ!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี