จริงๆ อยากจะบอกให้บรรดานักการเมือง คนดัง เพจดัง หมอหิวแสง เกรียนคีย์บอร์ด ฯลฯ พวกที่เคยดูหมิ่น ดูแคลน ด้อยค่า หมิ่นประมาท“ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ” น่าจะรีบไปกราบตีน ขอขมาคุณหมออาวุโสท่านนี้เสียโดยเร็ว
ในฐานที่ได้เคยล่วงเกิน ดูหมิ่น รวมถึงปั่นข้อมูลสาดโคลนใส่ท่านเสียๆ หายๆ
ใครด่าว่าท่านเรื่องวัคซีนซิโนแวค...ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าได้ใช้ประโยชน์ ไม่เชื่อก็ลองนึกดูว่าจะมีคนตายไปกี่แสนกี่ล้านคน ถ้าเกิดคนไทยทุกคนเชื่อตามที่พวกสารเลวมันปั่นหัวกันว่าอย่าฉีดซิโนแวค อย่านำเข้าซิโนแวค
ใครด้อยค่าท่านเรื่องวัคซีนฉีดไขว้ยี่ห้อ...ซึ่งพิสูจน์แล้วว่า ท่านได้ศึกษาวิจัยถูกต้อง เพื่อแก้ไขจากสถานการณ์ความเป็นจริงภายใต้ข้อจำกัดในขณะนั้น แต่ได้ประโยชน์จริง ได้รับคำชมทั่วโลก
ล่าสุด ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (ซีดีซี) เปิดเผยว่า จะเปิดประเทศต้องรับนักเดินทางต่างชาติที่ฉีดวัคซีนโควิดสูตรไขว้
โดยซีดีซีระบุว่า จะยอมรับวัคซีนทุกตัวที่ได้รับอนุมัติใช้โดยคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบสหรัฐฯ และองค์การอนามัยโลก ซึ่งปัจจุบัน องค์การอนามัยโลกขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด-19 สำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉิน 7 ยี่ห้อได้แก่ โมเดอร์นา ไฟเซอร์/ไบออนเทค จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันแอสตราเซเนกา โควิชิลด์ (วัคซีนของแอสตราเซเนกาที่ผลิตโดยสถาบันเซรุ่มของอินเดีย) ซิโนฟาร์ม และ ซิโนแวค
“แม้ซีดีซียังไม่แนะนำให้ใช้วัคซีนต่างชนิดกันหรือวัคซีนสูตรไขว้ในขั้นต้น เราตระหนักว่ากรณีดังกล่าวเป็นเรื่องปกติมากขึ้นในหลายประเทศ ดังนั้น จึงให้การยอมรับวัคซีนสูตรดังกล่าว” โฆษกซีดีซีระบุ
ไบรอัน ฮิกกินส์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนิวยอร์ก จากพรรคเดโมแครต สอบถามว่าซีดีซีจะยอมรับวัคซีนสูตรไขว้หรือไม่ โดยเน้นว่ามีชาวแคนาดาเกือบ 4 ล้านคน หรือเทียบเท่ากับ 10% ของพลเมืองที่ฉีดวัคซีนครบเข็มแล้ว ต่างฉีดวัคซีนสูตรไขว้กับวัคซีน mRNA ที่มี ในนั้นรวมแอสตราเซเนกา
ซีดีซีตอบกลับว่า วัคซีนทั้งหลายที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯ (เอฟดีเอ) สำหรับใช้งาน เช่นเดียวกับที่ได้รับอนุมัติจากองค์การอนามัยโลก จะเป็นที่ต้อนรับเข้าสู่อเมริกา ในนั้นรวมถึงวัคซีนของแอสตราเซเนกา “บุคคลใดๆ ที่ฉีดไขว้วัคซีนโควิด2 เข็ม ที่ได้รับเห็นชอบ/อนุมัติจากเอฟดีเอ หรือองค์การอนามัยโลก จะถูกพิจารณาว่าฉีดวัคซีนครบแล้ว”
1.นพ.ยง ได้กล่าวถึงการให้วัคซีนสลับ แบบไขว้ ว่าด้วยเรื่อง “โควิด-19 วัคซีน การให้วัคซีนเข็มแรกเริ่มต้น และกระตุ้นเข็ม 2” ระบุว่า
“วัคซีนเชื้อตายเข็มแรกเริ่มต้น จะเป็นตัวรองพื้นที่ดี และตามด้วยการกระตุ้นด้วย virus vector หรือ mRNA
วัคซีนเชื้อตาย มีอาการข้างเคียงน้อยมาก เช่น อาการเจ็บบริเวณที่ฉีด ปวดศีรษะ ไข้ ปวดเมื่อยตามตัว เทียบกับวัคซีนไวรัสเวกเตอร์ หรือ mRNA มีมากกว่า
การให้วัคซีนสลับ แบบไขว้ โดยเริ่มต้นจากวัคซีนเชื้อตาย sinovac แล้วตามด้วย AstraZeneca หรือ Pfizer ภูมิต้านทานจะใกล้เคียงกับการให้วัคซีน AstraZeneca หรือ Pfizer 2 เข็ม ดังแสดงในรูป(ตรวจภูมิต้านทานที่ 1 เดือน)
การให้วัคซีนสลับเริ่มต้นด้วยไวรัสเวกเตอร์ AstraZeneca แล้วตามด้วย mRNA Pfizer วัดภูมิต้านทานได้สูงสุดในกรณีให้ 2 เข็ม
mRNA มีอาการข้างเคียง เข็มที่ 2 มากกว่าเข็มแรก
อาการข้างเคียง กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบในวัยรุ่นหลังให้ mRNA จะพบมากในเข็มที่ 2 เป็นที่วิตกกังวลของผู้ปกครอง และบางประเทศแนะนำให้ mRNA เข็มเดียว
mRNA เข็มเดียวระดับภูมิต้านทานไม่เพียงพอในการป้องกัน
การให้วัคซีนสลับ เริ่มต้น วัคซีนเชื้อตายเข็มแรก แล้วตามด้วย mRNA เข็มที่ 2 ทำให้ได้รับ mRNA เข็มเดียว น่าจะเป็นทางออกลดอาการข้างเคียง
ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมโดยเฉพาะความปลอดภัย และอาการข้างเคียงในการให้วัคซีนสลับ เริ่มต้นเชื้อตาย แล้วตามด้วย mRNAในเด็กวัยรุ่น
ลำดับการสลับวัคซีน มีผลต่อภูมิต้านทาน”
2.นพ.ยง ได้เคยฉายภาพกว้างให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับ “โควิด-19 ความหวังภูมิคุ้มกันหมู่ herd immunity ในโรคโควิด-19”
ระบุว่า
“ภูมิคุ้มกันหมู่ หมายถึง เมื่อประชากรส่วนใหญ่มีภูมิต้านทานต่อโรคติดเชื้อ จะช่วยลดการระบาด และ ปกป้องผู้ที่ยังไม่มีภูมิต้านทาน ไม่ให้เกิดการติดเชื้อได้ เช่น โรคหัด ถ้าประชากรส่วนใหญ่มีภูมิต้านทาน ไม่ว่าจะจากการฉีดวัคซีน หรือการติดเชื้อ เป็นหัดแล้ว ประชากรส่วนน้อยได้รับประโยชน์ถูกปกป้องไปด้วย ไม่ให้เกิดการระบาดของโรคแต่ภูมิคุ้มกันหมู่ไม่สามารถใช้ได้กับโรคบางโรคที่เป็นเฉพาะบุคคล เช่น บาดทะยัก ต่อให้เราฉีดวัคซีนบาดทะยักมากแค่ไหน คนที่ไม่ได้ฉีดถ้าไปโดนตะปูตำ คนอื่นที่ฉีดวัคซีนแล้วจำนวนมาก ก็ไม่สามารถจะมาปกป้องเราได้
ความหวังให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ สำหรับโรคโควิด-19 ในระยะเริ่มแรกที่มีวัคซีน โดยคาดการณ์กันว่าถ้าประชากรส่วนใหญ่มีภูมิต้านทานจากการติดเชื้อ หรือได้รับวัคซีนมากกว่าร้อยละ 70 ก็จะหยุดการระบาดของโรคได้ แต่ความเป็นจริง ภูมิคุ้มกันหมู่ ไม่สามารถใช้ได้กับโรค
โควิด-19
สิงคโปร์ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 80% โรคก็ยังระบาดอยู่ อิสราเอลก็เช่นเดียวกัน ทั้งนี้เพราะภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้น ไม่สามารถป้องกันได้อย่างสมบูรณ์ ฉีดวัคซีนแล้วก็ยังมีโอกาสติดเชื้อ และแพร่กระจายสู่ผู้อื่นได้ แต่ความรุนแรงของโรคลดน้อยลง ไวรัสเองยังเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ที่จะหลบหลีกต่อระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์
ถ้ามีภูมิต้านทานจากการติดเชื้อ หรือฉีดวัคซีน เมื่อติดเชื้อ อาการจะลดน้อยลงหรือไม่มีอาการ การติดเชื้อครั้งแรกในคนที่ไม่มีภูมิต้านทาน จะรุนแรงที่สุด และจะสร้างภูมิต้านทานป้องกันการติดเชื้อในครั้งต่อไปให้มีอาการลดน้อย และจะลดน้อยลงเรื่อยๆ จนเป็นเหมือนโรคทางเดินหายใจแบบปกติ
ดังนั้น สิ่งที่สำคัญทุกคนจะต้องมีภูมิต้านทาน ถึงแม้จะไม่สมบูรณ์ ภูมิต้านทานที่เกิดขึ้น เกิดได้จากการติดเชื้อหรือการได้รับวัคซีน และเมื่อมีการติดเชื้อเมื่อมีภูมิต้านทาน อาการก็จะน้อยลงหรือไม่มีอาการ
ในอนาคต การพัฒนายามาช่วยในการรักษาหรือลดอาการของโรคลงอีก ก็จะเป็นวิธีที่ช่วยเสริมลดความรุนแรงลง
เราจะอยู่ด้วยกันกับไวรัสเช่นไวรัสทางเดินหายใจชนิดอื่น และต่อไปโรคนี้จะเป็นในเด็ก และมีอาการน้อย ไม่สามารถจะกวาดล้างให้หมดไปได้
ทุกคนควรได้รับวัคซีน ให้มีภูมิต้านทานเกิดขึ้น เพื่อลดความรุนแรงของโรคลง ด้วยการฉีดวัคซีนทุกคน”
สุดท้าย ขอย้ำว่า เชื่อหมอ อย่าเชื่อหมา
เชื่อคนมีความรู้ความสามารถและจริงใจต่อบ้านเมืองอย่าง นพ.ยง เถิด ควรฉีดวัคซีน ตามที่ภาครัฐจัดการจัดสรรมาให้นั่นแหละ ดีที่สุดแล้ว
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี