พลันปรากฏรายละเอียดชัดเจนเกี่ยวกับการก่อสร้างอุทยานเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ 9 ที่ตั้งเดิมของสนามม้านางเลิ้ง สวนสาธารณะแห่งใหม่พื้นที่ 279 ไร่ใจกลางกรุงเทพมหานคร
เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง
เสมือนหนึ่งการตบปากพวกปากพล่อย เฟคนิวส์ อมขี้ปากสมศักดิ์เจียม มาถ่มถุยโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ก่อนหน้านี้
โครงการนี้ กำลังก่อสร้าง จะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการภายในปี 2567
รายละเอียดดังที่ปรากฏโดยทั่วไปแล้ว
แต่วันนี้ อยากจะชวนอ่านข้อเขียนของ ศ.(พิเศษ)ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม
1. คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. ได้นำมาโพสต์อีกครั้งเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า “เขียนถึงพระมหากษัตริย์ไทยเมื่อปลายปี 2563 ตอนนี้ก็ยิ่งมั่นใจว่าทรงเป็นเช่นนั้นจริง”
พร้อมแนบบทความ ศ.(พิเศษ)ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ว่าด้วยเรื่อง “พระมหากษัตริย์และชาติไทยที่ไม่เคยล้าหลัง”
ระบุว่า
“ประเทศไทย นับคร่าวๆ เป็นเอกราชมาร่วม 7-800 ปี อาจไม่นำหน้าในเอเชียหรือในโลก แต่เราก็ไม่เคยล้าหลังใคร หากเดินตาม และประยุกต์เข้ากับอารยธรรมที่ดีเลิศของเอเชีย และของโลกได้ทันเสมอ อย่างน่าทึ่ง
การที่พระมหากษัตริย์สยาม-ไทย เลือกตั้งราชธานีใกล้ทะเล เข้าถึงทะเลง่ายดาย คือ บริเวณ อยุธยา-กรุงธนฯ-กรุงเทพฯ นั้น กำหนดให้ประเทศต้องหันหน้าออกสู่ทะเลสู่โลก ประเทศเรามีทั้งบกมีทั้งทะเล แต่ที่ตั้งราชธานีกำหนดให้ทะเลนำบกกรุงศรีอยุธยาอยู่ในภูมิศาสตร์ที่รับเอาอารยธรรมพราหมณ์ พุทธ อิสลาม จาก อินเดียและลังกา มาตลอด และภายหลังก็รับของดีของใหม่จากตะวันตกอย่างรวดเร็วอีกด้วยพม่าก็ติดทะเล แต่เมืองหลวงพม่า พุกาม อังวะ มัณฑะเลย์ ห่างทะเลเป็นพันกิโลเมตรพม่ามีทั้งบกและทะเลเช่นเรา แต่พระมหากษัตริย์พม่าเลือกราชธานีที่ทำให้ บกนำทะเล
ไม่ใช่ที่ตั้งเท่านั้น แต่เรามีพระมหากษัตริย์ที่มีพระปรีชาญาณทางการต่างประเทศอย่างไม่น่าเชื่อ สมเด็จพระนารายณ์ เมื่อกว่าสามร้อยปีมาแล้ว มีพระดำริให้ขุดคอคอดกระ ขยายคลองกระให้เรือเดินสะดวก ซึ่งแม้เราในทุกวันนี้ก็ยังไม่กล้าขุด พระมหากษัตริย์พระองค์นี้ยังอ่านสถานการณ์ในยุโรปออกด้วยว่าขณะนั้น ฝรั่งเศสที่ห่างไทยมีกำลังขึ้นมาทัดเทียมหรือเหนือกว่าสเปน-โปรตุเกส ที่เราคุ้นเคย จึงทรงส่งโกษาปานไปเชื่อมพระราชไมตรีกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เพื่อให้ สยามปลอดภัย เพราะคบหามหาอำนาจตะวันตกทุกฝ่ายอย่างได้ดุลย์
สมเด็จพระนเรศวรเมื่อกว่าสี่ร้อยปีที่แล้ว นอกจากจะรบชนะพม่าอย่างเด็ดขาดแล้ว ยังทรงดำเนินการทูตที่เฉียบแหลม ด้วยทรงเห็นว่าจีนกับญี่ปุ่น มหาอำนาจทางโลกตะวันออก กำลังขัดแย้งกัน แย่งชิงเกาหลี ไว้ในอิทธิพล ทรงเล็งเห็นว่าจีนนั้นน่าจะเอาชนะญี่ปุ่น จึงเสนอต่อจีนว่าจะส่งช้างพันเชือกไปช่วยรบ น่าจะทรงเล็งว่า หากเราเข้าข้างจีนผู้ชนะ หลังจากเสร็จศึกนั้น เราอาจจะขอสิทธิพิเศษทางการค้าจากจีน ได้
มิพักต้องพูดถึงพระมหากษัตริย์แห่งรัตนโกสินทร์ ล้นเกล้ารัชกาลที่ 4 ทรงคำนวณวันเวลานาทีที่จะเกิดสุริยุปราคาได้อย่างแม่นยำ เพราะทรงศึกษาวิทยาการของฝรั่งจนถึงกับคำนวณเวลาถิ่นของคาบสมุทรไทย เมื่อเทียบกับเวลาโลกได้อย่างแม่นยำนั่นเอง ส่วนล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ทรงส่งพระราชโอรสจำนวนมากไปเรียนต่อในยุโรป มากมายหลายประเทศ
ล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 ทรงศึกษาที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ส่วนล้นเกล้ารัชกาลที่ 7 ทรงศึกษาที่อีตันและที่โรงเรียนนายร้อยแซนด์เฮิร์สท ทั้งสองพระองค์เสด็จไปศึกษาในอังกฤษตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ความรู้ความเข้าใจพระองค์ท่านต่อศาสตร์และวิถีชีวิตตะวันตก เมื่อพิจารณาเช่นนี้ น่าจะแตกฉานและลึกซึ้งเสียยิ่งกว่าของผู้นำคณะราษฎรเสียอีก เพราะพวกหลังนี้ไปเรียนนอกกันเมื่อโตแล้วทั้งสิ้น
ล้นเกล้ารัชกาลที่ 8 นั้นเล่า ทรงพระราชสมภพนอกประเทศเสียด้วยซ้ำ คือที่เยอรมนี ล้นเกล้ารัชกาลที่ 9 ทรงพระราชสมภพในดินแดนตะวันตก ที่เรียกว่า “โลกใหม่” เลย คือในสหรัฐอเมริกานั่นเอง ทรงศึกษาแต่ทรงพระเยาว์จนถึงชั้นมหาวิทยาลัยที่โลซาน สวิตเซอร์แลนด์ ทรงใช้ภาษาฝรั่งเศส อังกฤษ และเยอรมันได้เป็นอย่างดี ส่วนในหลวงรัชกาลปัจจุบัน ทรงเข้าศึกษาในชั้นมัธยมที่อังกฤษ และวิชาทหารที่ออสเตรเลีย
ก็ด้วยเรามีพระมหากษัตริย์ที่ทรงรู้ทั้งไทย ทั้งเทศ ทรงเข้าใจทั้งเรื่องในประเทศและเรื่องของโลก ไทยจึงแทบจะไม่เคยล้าสมัย อยู่ในกระแสโลกตลอด เอาของดีและวิทยาการทั้งไทยและเทศมาผสมผสานกัน เราอยู่ในโลกอย่างดี อย่างที่ภาคภูมิใจด้วยที่เราเป็นไทยด้วย ได้เสมอมา
5 ธันวาคม 2563 ด้วยรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร”
2. ขอเพิ่มเติมด้วยว่า ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ เคยเขียนเล่าเรื่อง “พระราชทานโฉนดที่ดินให้ มรภ.สวนสุนันทา และ ม.สวนดุสิต” ระบุว่า
“ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน ผม ในฐานะ รมว. ปลัดกระทรวง อว. และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่อีกหลายท่าน ร่วมเข้าเฝ้าฯ พร้อมกับนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีมหาดไทย รัฐมนตรีศึกษาธิการ ผบ.ทบ. ผบ.ตร. เป็นต้น เข้ารับพระราชทานโฉนดที่ดินในพระปรมาภิไธย (ที่ดินของพระมหากษัตริย์) รวมแล้วกว่าพันไร่ ที่สำคัญ
ในส่วนของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม นั้นมี มรภ.สวนสุนันทา รับพระราชทานที่ดิน 60 ไร่ โดยประมาณ และ ม.สวนดุสิต รับพระราชทานที่ดิน 37 ไร่ โดยประมาณ ในเขตพระราชฐานสวนดุสิต ซึ่งมหาวิทยาลัยทั้งสองได้ใช้อยู่ตั้งแต่หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 จนถึงปัจจุบัน นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งต่อสองมหาวิทยาลัยนั้น และ ต่อ กระทรวง
ผมได้หารือกับท่านปลัดและกับท่านอธิการบดีสองมหาวิทยาลัย เห็นว่า หนึ่ง มหาวิทยาลัยทั้งสองจะจัดพิธีสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และแสดงความจงรักภักดีล้นพ้นต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ สอง มหาวิทยาลัยที่ได้รับพระราชทานที่ดินอันเคยเป็นเขตพระราชฐานพระราชวังดุสิต ควรจัดทำสวนสาธารณะ และ หรือ ราชานุสาวรีย์ หรืออนุสรณ์ ต่างๆ ให้ได้รำลึกกันว่าที่ทั้งสองแห่งนี้เคยเป็นที่ประทับที่สำราญพระราชหฤทัย และที่ทรงงานของพระมหากษัตริย์และเจ้านายชั้นสูง และเปิดให้สาธารณชนได้เข้ามาชื่นชม
ก่อนหน้านี้ ในหลวง ร.10 องค์ธรรมราชา อีกพระองค์หนึ่ง ที่สืบสันตติวงศ์ต่อจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ก็พระราชทานที่ดินในพระปรมาภิไธยแก่ โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย เนื้อที่เป็นร้อยไร่
ที่ดินทั้งสามผืน อันเป็นที่ตั้งของ มรภ.สวนสุนันทา ม.สวนดุสิต และวชิราวุธวิทยาลัย ล้วนเป็นที่ดินไพรม์แอเรีย ที่เงิน ที่ทอง ที่จริง ที่เพชร ถ้าหากเป็นที่เอกชน และเป็นที่อันเป็นสิริมงคลยิ่ง ด้วยเหตุที่เคยเป็นพระราชฐาน เคยเป็นโฉนดที่ดินในพระปรมาภิไธย บัดนี้ ทรงพระราชทานให้แก่สถาบันการศึกษา เพื่อฝึกฝนบ่มเพาะกุลบุตรกุลธิดา ของประเทศ
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ต่อวงการอุดมศึกษา อันหาที่สุดมิได้ กระทรวงอว. จักเทิดทูนบูชา ธรรมราชา พระองค์นี้ ตลอดไป ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ !”
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี