วันอาทิตย์ ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ในวงการนักวิชาการทางระบาดวิทยาในประเทศต่างๆ ได้ยอมรับนับถือการค้นพบของประเทศจีนที่เคยเป็นข่าวตั้งแต่ช่วงการระบาดครั้งแรกของโคบ้าแล้วว่าโคบ้านั้นมีธรรมชาติที่จะกลายพันธุ์ทุกทอด และทุกทอดที่กลายพันธุ์ไปก็จะอ่อนแอลง
ดังนั้นอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยจึงลดน้อยถอยลงโดยลำดับ จากที่ประเทศไทยเคยมีผู้เสียชีวิตวันละหลายร้อยคนก็ลดระดับเหลือวันละสิบคน
นั่นเป็นเพราะความอ่อนแอของโคบ้าหลังจากกลายพันธุ์มาหลายทอดแล้วตรงตามที่จีนได้ค้นพบ และได้เปิดเผยต่อชาวโลกมาตั้งแต่ช่วงแรกของการระบาด ควบคู่ไปกับคนไทยไม่ใช่คนโง่เขลาเบาปัญญาหรือดื้อรั้นเพราะเป็นชนชาติที่ถูกอบรมสั่งสอนให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ดังนั้นคนไทยจึงรู้จักระมัดระวังป้องกันตัวได้ดีกว่าประชาชนในชาติอื่นๆ อีกหลายชาติ
แต่เพราะความผิดพลาดและล้มเหลวของคณะหมอโคบ้าที่ไม่เคยแนะนำบอกกล่าวให้ประชาชนได้รู้ได้ทราบว่าโคบ้านั้นไม่ใช่โรคร้ายแรง ไม่ใช่โรคที่เป็นแล้วจะต้องตาย แต่เป็นโรคที่รักษาให้หายได้ไม่ยากไม่ลำบากเลย นับถึงปัจจุบันนี้คนมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องไม่เคยบอกกล่าวให้ประชาชนทราบแม้แต่ครั้งเดียวว่าประชาชนสามารถพึ่งตนเองในการหาหยูกยามากินเพื่อรักษาโคบ้าได้ไม่ยากไม่ลำบาก
แต่ทว่าแผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์ พระสยามเทวาธิราชมีจริง มีภูมิปัญญาของชนชาติไทยอยู่มากหลาย โดยเฉพาะการแพทย์แผนโบราณหรือการแพทย์แผนไทย และความรู้เรื่องสมุนไพรต่างๆ ก็แพร่หลายอยู่ในประเทศทั้งประเทศ จะผิดบ้างถูกบ้างก็ยังนับว่าเป็นเรื่องดีและเป็นข้อแตกต่างประการสำคัญระหว่างประเทศไทยกับประเทศอื่นๆ
ประชาชนได้ขวนขวายหาหยูกยาและสมุนไพรมากินมาใช้กันเองตามยถากรรมโดยอาศัยคำแนะนำบอกกล่าวของแพทย์แผนไทยและแพทย์แผนโบราณ โดยเฉพาะประชาชนที่สนใจในเรื่องนี้ แล้วนำเอาข่าวสารทั้งหลายมาแพร่หลายให้คนไทยได้รับทราบ
ดังนั้นแม้เหตุการณ์ระบาดจะย่างเข้าสองปีแล้ว แต่คนไทยก็เสียชีวิตเพียงระดับ 20,000 คน คงเหลือแต่ซากเดนของความผิดพลาดล้มเหลวที่ทำให้มีผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นกว่าหลายประเทศ เช่นหากจะเทียบกับประเทศจีน ซึ่งมีประชากร 1,400 ล้านคน ก็มีผู้ป่วยแค่ระดับแสนคน แต่ประเทศไทยซึ่งมีประชากร 70 ล้านคน กลับมีผู้ป่วยถึงกว่า 2 ล้านคน
และได้มีการใช้จ่ายเงินตลอดจนออกมาตรการมากหลายที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างยับเยิน นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของชาติอันจะต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์และไม่อาจปิดบังเอาไว้ได้อีกต่อไป
ในที่สุดเมื่ออัตราการติดเชื้อโคบ้าลดลงและอัตราผู้เสียชีวิตลดลง ขบวนการค้ายาของโลกก็ได้ออกผลิตภัณฑ์ไวรัสตัวใหม่ขึ้นมาหลายตัวแล้ว และตัวที่เด่นดังก็คือโอมิครอน โดยมีการขานรับปลุกกระแสกันอย่างครึกโครมในประเทศไทย ทั้งที่บรรดาผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายนั้นล้วนไม่เคยรู้จักไวรัสตัวนี้ ไม่เคยวิจัยใดๆ ตามหลักการวิจัยเกี่ยวกับไวรัสตัวนี้เลย ได้แต่อ่านรายงานลวงโลกและลอกจากรายงานลวงโลกจากต่างประเทศเข้ามาปลุกกระแสให้ตื่นตระหนกตกใจกลัวกันทั้งประเทศ
ผลปรากฏว่า หลังจากปั่นกระแสควายบ้าซึ่งเป็นไวรัสตัวใหม่เพื่อจะมาทดแทนโคบ้าและจะได้ขายยากันต่อไป ถึง 5 เดือนแล้วอัตราผู้ติดเชื้อทั่วโลกก็ยังน้อยมาก คือยังนับได้ไม่ถึง 1 ล้านคน แม้ในประเทศไทยเองก็ปลุกกระแสไม่ขึ้นเพราะมีผู้ติดเชื้อน้อยมาก ซึ่งคงทำให้ขบวนการขายความกลัวต้องปวดหัวตัวร้อนกันเป็นอันมาก เพราะโคบ้าก็กำลังหมดฤทธิ์ ควายบ้าที่หวังจะให้มีฤทธิ์ก็ไม่มีแรงที่จะทำให้ผู้คนหวาดกลัว
มิหนำซ้ำ นักวิชาการและแพทย์ที่ซื่อตรงต่อวิชาชีพและบรรดานักวิจัยสำคัญๆ ของประเทศต่างๆ ก็ได้สรุปผลวิจัยรายงานให้ได้รู้ทั่วกันอย่างต่อเนื่องว่าสภาพของไวรัสตัวใหม่คือควายบ้านั้นไม่ร้ายแรง ไม่ต่างกับไข้หวัด และรักษาง่ายกว่าไข้หวัดใหญ่ด้วยซ้ำไป และความจริงก็เป็นเช่นนั้น ดังนั้นจึงทำให้คนทั้งหลายไม่ตื่นกลัวไปกับการค้าความกลัวครั้งนี้
ที่สำคัญคือผลสรุปความผิดพลาดใหญ่หลวงในการรักษาโคบ้าในอดีตที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากนั้น มีสาเหตุสำคัญจากคำสั่งทางบริหารของอดีตประธานาธิบดีตั้มที่ให้ใช้ยารักษาปอดบวมเป็นยาหลักในการรักษาโคบ้าและประเทศไทยก็จำเริญรอยตาม
ผลจากคำสั่งทางบริหารดังกล่าวจึงทำให้แบบแผนการรักษาในสหรัฐต้องถูกจัดวางให้สอดคล้องกัน นั่นคือต้องปล่อยให้คนป่วยป่วยจนถึงขั้นปอดบวมก่อนจึงจะใช้ยารักษาปอดบวมได้ ทำให้ยารักษาปอดบวมขายดิบขายดี และทำให้บริษัทผู้ผลิตยาแก้ปอดบวมพุ่งกระฉูดในตลาดหุ้น
แต่เกิดภาวะผีซ้ำด้ำพลอยขึ้นเพราะเหตุการทำสงครามการค้า จึงทำให้อุปกรณ์การช่วยหายใจไม่พอใช้ ทำให้ผู้ป่วยปอดบวมจากไวรัสหายใจไม่ออกและเป็นเหตุให้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก และเกิดเป็นคดีฟ้องร้องกันในศาล จนในที่สุดศาลสูงสหรัฐต้องมีคำสั่งให้ยกเลิกคำสั่งทางบริหารนั้นเสีย บรรดาบริษัทบริวารโดยเฉพาะหมอไร้จรรยาบรรณบางพวกก็จำเป็นต้องปฏิบัติตามอย่างเงียบๆ โดยไม่ยอมรับว่าที่ปล่อยให้คนไทยตายในระยะแรกเพราะปอดบวมหายใจไม่ออกนั้นเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรง
มาถึงวันนี้เมื่อไวรัสตัวใหม่คือควายบ้าไม่สามารถสำแดงฤทธิ์ได้ตามความคาดหมาย ผู้ค้าความตายจึงออกสินค้าตัวใหม่มาอีกแล้ว เป็นไวรัสตัวใหม่อ้างว่าร้ายแรงและระบาดไวและพบที่เปรูแล้ว
คราวนี้รู้ว่าชาวโลกรู้ทันแล้วว่าถ้าเป็นเรื่องการกลายพันธุ์ก็จะไม่มีใครกลัวเพราะไวรัสจะอ่อนแอลง ดังนั้นจึงยกเหตุผลใหม่ว่าไวรัสตัวใหม่ซึ่งควรจะเรียกว่าหมาบ้าเป็นโรคผสมจากโคบ้ากับไวรัสอีกตัวหนึ่งซึ่งไม่มีใครรู้จัก
ชาวโลกกำลังต่อสู้กับสงครามชีวภาพที่พวกกระหายเลือดและค้าความตายกำลังขับเคลื่อนอยู่อย่างไม่หยุดยั้ง ดังนั้นจึงต้องช่วยกันจับตาว่าสมุนบริวารที่ค้าความตายแบบนี้มีใครบ้างเพราะเมื่อประชาชนจับจ้องมองแล้วพลังแห่งสายตาประชาชนก็จะสะกดความบ้าของพวกอำมหิตเหล่านี้ไปได้บ้าง

'อ.เจษฎ์'มาเอง! เปิด7ข้อเคลียร์ความเชื่อผิดๆปมดื่มนมไทย เปิดวาร์ปนมไทยที่เป็นนมโคแท้
'ปราชญ์ สามสี'ฟาด! 'พรรคส้ม' ใช้ 'สองมาตรฐาน' โจมตีกองทัพ แต่ปัดรับผิดคดีในพรรค
ผีตายยาก!เดอ ลิกต์ โขกทดเจ็บบุกแบ่งแต้มไก่
'กัน จอมพลัง' ควงลูกเมียเปิดใจน้ำตาซึม เผยความผิดพลาด เอาเวลาครอบครัวไปช่วยคนอื่น
'กัมพูชา'ขยับแรง! บุกทลาย2รังใหญ่แก๊งสแกมเมอร์ รวบผู้ต้องหากว่า600คนส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี