โลกอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยเพราะวิกฤตจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อส่งผลกระทบกันเป็นลูกโซ่ แม้แต่ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกอย่างสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ประชาคมเศรษฐกิจยุโรปเพราะค่าครองชีพสูงโลกเป็นวิกฤตที่ซ้อนวิกฤตเพราะผู้นำประเทศฝรั่งผมแดงผิดพลาดที่ไปเล่นงานกลุ่มประเทศยูเรเซีย ได้แก่ รัสเซีย จีน อิหร่าน อินเดีย ตุรเคีย เวเนซุเอลา ปากีสถาน ซาอุดีอาระเบีย กลุ่มอาหรับฯ ที่กุมสภาพความได้เปรียบห่วงโซ่อุปทานหรือซัพพลายเชนของโลก
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกา เฒ่าวัย 80 ปี กับนายกรัฐมนตรีผมยุ่ง บอริส จอห์นสัน ของสหราชอาณาจักรผิดเต็มประตูเพราะชูนโยบายฝรั่งผมแดงเป็นใหญ่เจ้าโลกยังพ่วงเอาเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย แคนาดา เข้าไปติดบ่วงมารด้วยอย่างช่วยไม่ได้ ต้องสำนึกว่าปัจจุบันชาติยูเรเซียกลับมาเป็นกลุ่มจัดระเบียบโลกใหม่แล้วไม่ใช่ฝรั่งขี้นกผมทองชูนโยบายประชาธิปไตยเดโมแครตที่ตกยุคต่อไป
ไทยเองก็เผชิญวิกฤตราคาน้ำมันแพง เงินเฟ้อสูง กระทบค่าครองชีพรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ดึงเอาสภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นส่วนราชการเจ้าภาพหาทางร่วมมือแก้ไขปัญหาใหญ่ครั้งนี้ของประเทศเพราะโลกอาจสุ่มเสี่ยงเหมือนยุคเกรทดีเพรสชั่นในปี 2473 เมื่อ 92 ปีก่อนที่น่ากลัวมากๆ วันศุกร์ที่ 24 มิ.ย. 2565 ที่พวกตกขอบ 3 นิ้วชูประเด็นยกย่องคณะราษฎร 24 มิ.ย. 2475 รัฐประหาร นั้นหาได้รับความสนใจจากประชาชนมากนัก
เพราะเป็นประเด็นรองที่น่าจะล้าสมัยตกยุคโลกไปแล้ว ปัญหาใหญ่ของชาติคือความมั่นคงเรื่องเสถียรภาพพลังงานในประเทศ ไม่ให้เกิดการขาดแคลนและราคาแพงส่งผลต่อประชาชนในวงกว้างรัฐที่มีข้าราชการประจำหัวเก่ากลัวฝรั่งผมทองจนขึ้นไปอยู่บนหัวสมองต้องมามองมุมใหม่โดยด่วนนั่นคือถึงเวลาที่ไทยต้องเข้าพวกยูเรเซียแทน อย่าลืมว่ายูเรเซียมีประชากรรวมกัน
ค่อนโลกคือ 5,000 ล้านคน ในขณะที่ฝรั่งผมทองของสหรัฐอเมริกามีแค่ 3,000 ล้านคน
ปัญหาเศรษฐกิจของไทยว่าที่จริงมองอีกมุมเราแก้ไขได้ไม่ยาก ต้องคิดมุมใหม่เข้าพวกยูเรเซียเพราะกุมอุปทานสินค้าสำคัญๆของโลกทั้งน้ำมัน ก๊าซ แร่ธาตุ ปุ๋ย อาหาร กำลังซื้อที่หนาแน่นมากกว่า แน่นอนคน 5,000 ล้าน ยังไงก็มากกว่า 3,000 ล้าน หากเราเปลี่ยนนโยบายเราจะได้เปรียบเพราะไทยคือศูนย์กลางของอาเซียน 11 ชาติ ที่รวมติมอร์-เลสเตด้วย รัฐบาลต้องหาทางซื้อน้ำมันดิบและก๊าซในราคาถูกกว่าจากอิหร่าน รัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย แทนการซื้อจากแหล่งเดิมที่ราคาแพงกว่าที่โอมาน มาเลเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บรูไน
สภาความมั่นคงแห่งชาติได้ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางแก้วิกฤตพลังงานทางด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงหาแผนการรองรับวิกฤตระดับประเทศตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา จะได้นำข้อมูลทั้งหมดมารวมกันเพื่อประเมินสรุปเป็นแผนสำหรับอนาคตทั้งระยะเร่งด่วน ปานกลาง และระยะยาว โดยระยะเร่งด่วนดูภาวะเงินเฟ้อ เศรษฐกิจชะลอตัวและถดถอยคาดว่าแผนต่างๆ จะออกมาในวันที่ 1 ก.ค.นี้ โดยต้องดำเนินการภายใต้กฎหมายที่มีและอำนาจตามแต่ละกระทรวงที่รับผิดชอบ
ด้านนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้สั่งการให้บูรณาการการทำงานโดยได้สอบถามเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อกฎหมายต่างๆ ที่ยังอาจมีความคลาดเคลื่อน เพื่อให้เกิดข้อสรุปร่วมที่เป็นประโยชน์กับประชาชนซึ่งทุกฝ่ายต้องช่วยเหลือประชาชนเร่งด่วน
โดยมีแนวทางในการแก้ปัญหาให้นำข้อกฎหมายต่างๆ มาพิจารณาให้ดำเนินการได้ที่ไม่มีปัญหาเกิดขึ้นภายหลังในการเข้าไปแทรกแซงห่วงโซ่ของการประกอบการธุรกิจซึ่งมีกฎหมายหลายฉบับที่อาจเป็นปัญหาหากไม่รอบคอบและอาจเกิดความเสียหายเกิดขึ้นในระยะยาวเพื่อความชัดเจนในข้อกฎหมายการประกอบการธุรกิจ ของธุรกิจเอกชนทุกประเภทที่มีอยู่ในปัจจุบันด้วย
ทางออกที่รัฐบาลต้องเร่งกระทำทันทีคือการหาแหล่งอุปทานน้ำมันกับก๊าซราคาต่ำเข้ามาใช้ในประเทศหากจำเป็นต้องหักดิบไม่มองหน้าสหรัฐอเมริกาและฝรั่งผมทอง เพราะนี่คือการแก้ไขวิกฤตของชาติจะมัวไปเกรงใจกลัวฝรั่งผมทองอย่างสหรัฐอเมริกาอีกต่อไปเพราะนี่คือหนทางรอดของการแก้วิกฤตของประเทศของเรานั่นเอง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี