การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลได้รับการบรรจุวาระเรียบร้อยแล้ว และมีการตกลงกันระหว่างวิปฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้านแล้วว่าจะให้มีการอภิปรายกันเพียง 4 วัน ดังนั้นแม้มีรัฐมนตรีร่วม 10 คนที่อยู่ในบัญชีรายชื่อที่จะถูกอภิปราย แต่หนักที่สุดก็น่าจะตกอยู่กับพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
อีกไม่กี่วันก็จะได้เห็นกันว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ฝ่ายค้านจะมีน้ำยาจริงดังที่มีกระแสข่าวอยู่หรือไม่ และจะมีรัฐมนตรีถูกลงมติไม่ไว้วางใจบ้างหรือไม่ ซึ่งฝ่ายค้านก็น่าจะรู้ดีว่าการขาดความชัดเจนและจริงนั้นย่อมกระทบต่อความเชื่อถือของประชาชนด้วย
ผลโพลล่าสุดปรากฏว่าประชาชนอยากให้อภิปรายซักฟอกพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา มากที่สุด ซึ่งก็น่าจะถูกต้อง เพราะการบริหารในระยะที่ผ่านมานั้นอยู่ในความรับผิดชอบของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา คนเดียวตามที่กฎหมายฉุกเฉินระบุไว้ โดยให้โอนอำนาจของรัฐมนตรีทั้งหลายมาไว้ที่นายกหรือผู้ที่นายกมอบหมาย และได้ประกาศฉุกเฉินต่อกันมาสองปีเศษแล้ว ดังนั้นผิดชอบชั่วดีทั้งหลายจึงอยู่ที่พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นสำคัญ
ประเด็นสำคัญตามโพลที่ระบุนั้นอ้างว่าประชาชนอยากให้อภิปรายปัญหาเศรษฐกิจ ของแพง และการทุจริตมากที่สุด ซึ่งหมายถึงให้อภิปรายพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในประเด็นหลักทั้งสามประเด็นนี้ และจะได้เห็นกันว่าสภาพของสภาผู้แทนราษฎรในปัจจุบันนี้ยืนอยู่กับผลประโยชน์ของประชาชนหรือว่ายืนอยู่กับผลประโยชน์ของใคร
จะได้ตัดสินใจโดยไม่ลังเลเมื่อเวลาที่ประชาชนมีสิทธิ์ที่จะเลือกชะตากรรมของตัวเองและบ้านเมือง นั่นคือในการกาบัตรลงคะแนนเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า
ในประเด็นสำคัญทั้งสามประเด็นนั้นออกจะกว้างสักหน่อย ดังนั้นเพื่อที่จะได้ทราบถึงความเกี่ยวข้องในประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะที่มีผลกระทบมากจึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจ และเท่าที่สรุปจากกระแสข่าวที่ผ่านมา ดูท่วงท่าแล้วเห็นทีฝ่ายค้านจะมีเรื่องอภิปรายในสามประเด็นดังกล่าวในเรื่องสำคัญดังต่อไปนี้
เรื่องที่หนึ่ง คือเรื่องความเสียหายของประเทศชาติ ภาคธุรกิจ และประชาชน ในการใช้อำนาจตามประกาศฉุกเฉินแก้ไขปัญหาโคบ้า ซึ่งปรากฎผลชัดเจนว่าคนไทยมีแค่ 60 กว่าล้านคน แต่มีคนป่วยกว่า 6 ล้านคน ในขณะที่ประเทศจีนมีคน 1,400 ล้านคน แต่มีคนป่วยระดับ 200,000 คน
มีการใช้จ่ายเงินงบประมาณหลายล้านล้านบาท และมีความเสียหายในการใช้เงินงบประมาณนั้นเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะมีเรื่องราวข่าวคราวการทุจริตอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่มีผลกระทบให้ภาคธุรกิจล้มละลาย เจ๊งกันทั้งประเทศ การกู้เงินมาแจกได้ผ่านการพิสูจน์แล้วว่าไม่สามารถแก้ปัญหาได้ มีแต่ก่อหนี้สร้างสินให้กับประชาชน
เรื่องที่สอง เรื่องความไม่รับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่มีสาเหตุมาจากน้ำมันแพงลิบลิ่ว เป็นเหตุให้สินค้าและบริการทุกชนิดชักแถวขึ้นราคา ในขณะที่ประชาชนไม่มีรายได้หรือมีรายได้ลดลง เกิดความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า แต่กลับไม่แก้ไขปัญหาทั้งที่สามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยอำนาจที่มีอยู่เต็มมือ แม้จะมีเสียงเรียกร้องก่นด่าทั้งประเทศก็ทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ประชาชนไม่เห็นทางใดที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้เลย
ในขณะที่ประชาชนยากจนข้นแค้นทั่วประเทศ แต่กิจการพลังงานมีกำไรปีละร่วม 400,000 ล้านบาท และมีการคิดค่าต่างๆ ในลักษณะฉ้อฉลฉ้อโกงจำนวนมาก มิหนำซ้ำผู้มีอำนาจเกี่ยวข้องกับมีผลประโยชน์ทับซ้อนที่เอื้อประโยชน์ต่อทุนพลังงาน กระทั่งวางอำนาจบาตรใหญ่เข้าบงการทางการเมืองมากขึ้น
เรื่องที่สาม เรื่องการโกงชาติฉ้อราษฎร์บังหลวง ซึ่งแม้จะมีบทพระราชปรารภเตือนไว้ในรัฐธรรมนูญว่าวิกฤตของชาติเกิดจากการทุจริต การฉ้อฉล การบิดเบือนการใช้อำนาจ และการไม่นำพาต่อความเดือดร้อนของประชาชน แต่ก็มิได้นำพาแต่ประการใด จนถึงบัดนี้สถานการณ์ทรุดหนักลงกว่าช่วงระยะก่อนที่จะมีบทพระราชปรารภดังกล่าวหลายเท่านัก
การโกงชาติฉ้อราษฎร์บังหลวงหนักหนาสาหัสชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และกระจายขยายตัวไปทั่วทุกหัวระแหงทั่วประเทศ มีการใช้อำนาจปกป้องคนชั่ว ส่งเสริมคนไม่ดีให้มีอำนาจมากขึ้น ถึงแม้ ป.ป.ช. จะชี้มูลความผิดสัปดาห์ละหลายคดีหลายคน และศาลจะได้พิพากษาจำคุกผู้กระทำความผิดแทบทุกสัปดาห์ๆ ละหลายๆ คน แต่ก็ไม่สามารถที่จะหยุดการโกงชาติฉ้อราษฎร์บังหลวงได้เลย
ความหนักหนาสาหัสของเรื่องนี้ถึงขั้นทำให้สิ้นชาติสิ้นแผ่นดิน แต่กระนั้นก็ไม่นำพาแก้ปัญหาหรือป้องกันปัญหาแต่ประการใด
เรื่องที่สี่ การไม่ตั้งมั่นอยู่ในคำสัตย์ แต่ละวันมีแต่เรื่องโกหกตอแหลหลอกลวงจนประชาชนสับสนวุ่นวายไม่รู้ว่าอะไรจริงอะไรเท็จ มิหนำซ้ำยังใช้งบประมาณจำนวนมากในการทำปฏิบัติการทางจิตวิทยาแบบทหารซึ่งไม่แก้ปัญหา กลับสร้างความแตกแยกแตกสามัคคีภายในชาติ
เรื่องที่ห้า ไม่รับผิดชอบต่อการแก้ปัญหาบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ปล่อยให้ขบวนการล้มล้างไปตั้งวงบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ในต่างประเทศโดยไม่แก้ไข ปล่อยให้ขบวนการนี้จัดตั้งครูบาอาจารย์และนักเรียนนักศึกษาในสถาบันการศึกษาต่างๆ โดยไม่แก้ไข และปล่อยให้มีขบวนจาบจ้วงคุกคามบุคคลสำคัญเป็นเนืองนิตย์โดยไม่เคยจับตัวผู้บงการมาดำเนินคดีเลย ทำเสมือนหนึ่งว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา
เรื่องที่หก การไม่ยึดถือกฎหมายเป็นหลักในการปกครองบ้านเมือง แม้รัฐธรรมนูญก็ไม่ยอมรับนับถือ โดยเฉพาะกรณีข่าวการซุกหนี้สาธารณะกว่า 1 ล้านล้านบาท ซึ่งผิดรัฐธรรมนูญ ผิดกฎหมายเงินคงคลัง ผิดกฎหมายวิธีการงบประมาณ ผิดกฎหมายหนี้สาธารณะนับร้อยๆ กระทงความผิดก็ยังทำหน้าตาเฉยและยังทำความผิดต่อไป ถืออำนาจเป็นใหญ่
เรื่องราวเหล่านี้แต่ละเรื่องต้องถือว่าเป็นเรื่องฉกรรจ์ทั้งสิ้น และถ้าสภาเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง คนไทยก็จะได้เห็นอานุภาพของระบอบประชาธิปไตย แต่ถ้าเป็นสภาเส็งเคร็งก็ต้องก้มหน้าก้มตาแบกรับชะตากรรมกันต่อไปจนกว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในที่สุด
การอภิปรายทั่วไปครั้งนี้แม้ประชาชนทุกคนรู้เช่นเห็นชาติและสัมผัสอยู่ทุกวี่วันว่าปัญหาใหญ่สำคัญเรื่องหนึ่งคือเรื่องพลังงาน แต่เพราะสายสนกลในหรืออาจมีใครใช้อำนาจบาตรใหญ่หรือแจกกล้วย จึงไม่มีการอภิปรายผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ แต่ก็ใช่ว่าเรื่องนี้จะไม่มีผู้รับผิดชอบ เพราะเมื่อไม่มีการอภิปรายผู้รับผิดชอบโดยตรง ผู้รับผิดชอบคนสำคัญก็จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนเดียว ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ในฐานะเป็นผู้มีอำนาจในคณะกรรมการต่างๆ เกี่ยวกับกิจการพลังงาน และในฐานะผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดตามกฎหมายฉุกเฉิน
ดังนั้นบรรดาทุกเรื่องราวจึงเป็นเรื่องที่ฝ่ายค้านอาจอภิปรายนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้รับผิดชอบได้อย่างเต็มที่
แม้ว่าผู้ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจจะมีร่วม 10 คน แต่รัฐมนตรีบางคนประเด็นที่จะถูกพาดพิงถึงก็หมดไปแล้ว ดังเช่นกรณีของนายนิพนธ์ บุญญามณี เป็นต้น หรือบางคนก็มีแต่เรื่องเบาบาง หรือเป็นเรื่องไร้ประสิทธิภาพหรือทำงานไม่เป็น แต่เรื่องเหล่านั้นก็เป็นความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรีด้วย
ดังนั้นจึงน่าจับตาว่าการอภิปรายทั่วไปครั้งนี้จุดหนักที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายก็คือพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ชะดีชะร้ายการอภิปรายนายกรัฐมนตรีอาจจะใช้เวลามากที่สุดก็ได้
อย่าลืมว่ากระแสชัชชาติ กระแสพรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์ กำลังขยายตัวเป็นวงกว้างและหนักหน่วงรุนแรงในพื้นที่ทั่วประเทศ ใครจะสร้างความไว้วางใจให้กับประชาชน หรือจะท้าทายความรู้สึกและความเดือดร้อนของประชาชนก็คงจะเห็นกันในครั้งนี้
และนั่นก็จะเป็นบัญชีใหญ่ที่ประชาชนจับตามองเพื่อคิดบัญชีกับผู้แทนราษฎรในการเลือกตั้งครั้งหน้า.
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี