ในเดือนสิงหาคมนี้ มกุฎราชกุมารบิน ซัลมาน แห่งซาอุดีอาระเบีย จะเสด็จฯเยือนประเทศไทย ในกิจการเกี่ยวกับความร่วมมือด้านความมั่นคงและอื่นๆในฐานะที่เป็นแขกของรัฐบาล จึงเป็นที่จับตามองกันทั้งในประเทศและต่างประเทศว่ารัฐบาลจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร
เพราะซาอุดีอาระเบียนั้นก็เป็น 1 ใน 27 ประเทศที่มีระบอบการปกครองซึ่งมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และราชวงศ์ชาอุดก็ได้สืบทอดสันตติวงศ์มาโดยลำดับตามกฎมณเฑียรบาลจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้
เพราะความเป็นประเทศที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเหมือนกัน ดังนั้นความสัมพันธ์ไทย-ซาอุดีอาระเบีย จึงมีลักษณะพิเศษและมีความใกล้ชิดสนิทสนมเป็นที่ไว้วางใจกันและคอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันตลอดมา จนกระทั่งชะงักงันลงเพราะปัญหาความเน่าเฟะในกระบวนการยุติธรรม และก่อเหตุร้าวฉานในความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียมาเป็นเวลายาวนาน
เพราะความร้าวฉานอันเกิดจากการกระทำของหน่วยงานในรัฐบาลและไม่มีใครรับผิดชอบใส่ใจแก้ไข จึงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศห่างเหินไปด้วย รวมทั้งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประมุขของรัฐก็พลอยห่างเหินออกไป แต่แม้กระนั้นทั้งสองประเทศก็ยังคงดำรงความสัมพันธ์ในบางระดับไว้ ในฐานะที่ต่างก็เป็นประเทศที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
สำหรับมกุฎราชกุมารบิน ซัลมาน นั้นท่านทรงเป็นคนหนุ่ม ทรงเจริญพระชันษาตามหลังพระเจ้าอยู่หัวของเราในรัชกาลปัจจุบัน จัดเป็นลำดับชั้นพี่ใหญ่กับน้องเล็กได้
และที่สำคัญทั้งสองพระองค์ทรงมีพระราชอัชฌาสัยคล้ายกันหลายประการ คือทรงจริงใจ ตรงไปตรงมา และกล้าหาญเด็ดขาด ถ้าพูดภาษาชาวบ้านก็คือทรงมีน้ำใจเป็นนักเลงด้วยกันทั้งสองพระองค์
ดังนั้นจึงเป็นที่หวังได้ว่าวันเวลาใดที่ทั้งสองพระองค์ได้มีโอกาสพบปะกัน เมื่อนั้นพี่น้องประชาชนไทยและซาอุดีอาระเบียอาจจะได้เห็นปรากฏการณ์พิเศษระหว่างสองสถาบันพระมหากษัตริย์ของสองประเทศ
ต้องไม่ลืมว่าแบบแผนการปฏิบัติในลักษณะนี้ประเทศไทยมีมานานแล้ว และได้ปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอมาช้านานแล้ว ที่โด่งดังลือลั่นระดับโลกคือในสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่ทรงถวายการต้อนรับมกุฎราชกุมารแห่งราชวงศ์โรมานอฟเมื่อครั้งเสด็จฯเยือนประเทศไทยอย่างยิ่งใหญ่
แม้ว่าจะต่างสายเลือด ต่างวัฒนธรรมประเพณี และอยู่ห่างไกลกันคนละสุดฟากฟ้าของโลก แต่ทั้งสองพระองค์ก็ทรงมีพระราชอัชฌาสัยไปในทางเดียวกัน พูดง่ายๆ ก็คือจริงจัง จริงใจ ตรงไปตรงมาเหมือนกัน ทรงรักในคุณธรรมน้ำมิตรเหมือนกัน ดังนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จึงได้ถวายการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ และในที่สุดทั้งสองพระองค์ก็กลายเป็นพระสหายที่สนิทกัน และทรงช่วยเหลือกันในยามยากลำบากยิ่งเป็นที่ประจักษ์สายตาแก่ชาวไทยและชาวโลกมาแล้ว
ธรรมเนียมและราชประเพณีของพระมหากษัตริย์นั้น แม้จะทรงอยู่ไกลกันเพียงไหน แม้จะต่างสายเลือด ต่างวัฒนธรรมประเพณีอย่างไร แต่ในพระบรมราชจักรีวงศ์
ของเราถือว่าทรงเป็นพระญาติกัน และได้มีการประพฤติปฏิบัติและราชประเพณีต่างๆ เป็นการเฉพาะ ซึ่งผู้รู้ทางราชนิติทั้งหลายต่างก็รู้โดยทั่วกัน และราชนิติอันนี้ก็ได้สืบทอดต่อมาจนถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และรัชกาลปัจจุบันด้วย
ในปีพุทธศักราช 2546 ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพประชุมเอเปก ในครั้งนั้นประมุขของรัฐประเทศต่างๆ และระดับต่างๆ ได้มาประชุมอย่างพร้อมเพรียงกัน เป็นเกียรติ
และเป็นสง่าราศีของพระราชอาณาจักรไทยอย่างยิ่งและรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ก็ให้ความสำคัญเรื่องนี้ด้วยความเข้าใจในราชนิติ เพราะในครั้งนั้นมีดร.สุรเกียรติ์เสถียรไทย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรับผิดชอบเรื่องนี้ บรรดาราชนิติและการควร ไม่ควรอย่างไรก็กระจ่างเป็นอย่างดี
ที่สำคัญได้ถือเอาประโยชน์ของพระบรมราชวงศ์ของสถาบันพระมหากษัตริย์และของประเทศมาเป็นที่ตั้งไม่เอามาเล่นเป็นเรื่องการเมืองหรือหาแสงเลียแข้งเลียขาใคร
ในครั้งนั้นหวุดหวิดจะเกิดปัญหาระหว่างจีนกับบรูไนเพราะต่างก็จองโรงแรมแชงกรี-ลาสำหรับประมุขของตน ซึ่งจีนถือว่าโรงแรมแชงกรี-ลา เป็นโรงแรมที่จีน
ลงทุนและเป็นโรงแรมใหญ่ที่จีนใช้สอยเป็นประจำ แต่บังเอิญบรูไนจองโรงแรมนี้ก่อนในเวลาห่างกันไม่กี่นาทีดังนั้นจึงเกิดข้อโต้แย้งกันว่าใครจะได้สิทธิ์พักที่โรงแรมนี้และในที่สุดก็บานปลายจนเป็นปัญหาถึงรัฐบาล เพราะฝ่ายที่จะไม่ได้พักที่นี่อาจถอนตัวไม่มาเข้าร่วมประชุม
ความทราบถึงเบื้องพระยุคลบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจึงมีรับสั่งให้รัฐบาลจัดโรงแรมแชงกรี-ลาให้ฝ่ายจีน นอกนั้นจะทรงจัดการเอง ซึ่งปรากฏว่าทรงมีพระราชหัตถเลขาเป็นการส่วนพระองค์ไปยังสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไน เป็นเนื้อความสั้นๆ ใจความว่า
พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ หม่อมฉันก็เป็นพระมหากษัตริย์ เราทั้งสองเป็นญาติกัน เมื่อญาติมาบ้านญาติก็ชอบที่จะมาพักที่บ้านญาติ หาควรไปพักที่อื่นไม่ จึงขอพระราชทานทูลเชิญให้มาพักที่บ้านหม่อมฉันที่พระที่นั่งบรมพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง
สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนทรงคาดไม่ถึงมาก่อน และไม่คิดว่าจะทรงมีน้ำพระทัยละเอียดอ่อนถึงปานนั้น จึงทรงมีความปลาบปลื้มอย่างยิ่งและทรงกราบทูลฯ ตอบรับคำเชิญ จึงทำให้เหตุการณ์ครั้งนั้นผ่านไปโดยเรียบร้อย
มาคราวนี้เมื่อมกุฎราชกุมารบิน ซัลมาน ซึ่งทรงเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินของซาอุดีอาระเบียด้วยแม้จะทรงมีตำแหน่งในรัฐบาล แต่ก็ต้องถือว่าทรงเป็นพระราชวงศ์ที่ทรงเป็นพระญาติกับพระมหากษัตริย์ของเรา
ดังนั้นจึงต้องคอยติดตามดูว่าผู้มีอำนาจหน้าที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หรือทำเป็นไม่แจ้งในราชนิติแล้วจัดประชุมไปเฉพาะในการของรัฐบาล ก็จับตาดูกันว่าจะเป็นอย่างไร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี