ฝ่ายค้านทำอย่างเดียวในตอนนี้ คือ ทำทุกวิถีทางให้พลเอกประยุทธ์พ้นจากตำแหน่งนายกฯไปโดยเร็วที่สุด
ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองแน่ๆ เพราะต่อให้พลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ จนครบเทอม และเป็นต่ออีกสมัย ประเทศชาติก็มีแต่จะดีขึ้นเรื่อยๆ
แต่มันไม่ดีต่อนายใหญ่ของฝ่ายค้านเท่านั้นเอง
ถ้าพลเอกประยุทธ์ออกไป มันก็จะเป็นเหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นใน กทม. นั่นคือ ผู้ว่าฯ คนใหม่ ยังไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน-เป็นโล้เป็นพาย แต่ก็จะมีขบวนการไปยกเอาผลงานของผู้ว่าฯคนเก่าขึ้นมาเคลม โอ้อวดเป็นผลงานของผู้ว่าฯคนใหม่ อย่างหน้าด้าน-หน้ามึน ทั้งๆ ที่ โจมตีด้อยค่าดิสเครดิตผู้ว่าคนเก่ามาตลอด แต่ยังไปเอาผลงานที่พวกตนกลบเกลื่อนด้อยค่าไว้ มาชูเป็นผลงานของคนที่ตัวเองเชียร์
การเมืองระดับชาติก็จะเป็นเช่นกัน ถ้าพลเอกประยุทธ์พ้นจากตำแหน่งไป
ผลงานการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมากมายเป็นประวัติการณ์ ทั้งถนนหนทาง ระบบรางทางคู่ สนามบิน ท่าเรือ มอเตอร์เวย์ รถไฟความเร็วสูงรถไฟฟ้าสารพัดสี บ้านที่อยู่อาศัยคนยากจน ที่ดินทำกินคนยากจน แหล่งน้ำ เกษตรแปลงใหญ่วิสาหกิจที่ค้าขายเติบโตก้าวหน้าขึ้นทุกวัน การส่งออก การลงทุนอุตสาหกรรมใหม่ๆ ฯลฯ
ไม่นานหลังจากนี้ จะเกิดดอกออกผล เมื่อโควิดซาไป เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยก็จะฟื้นคืน
และถ้าพลเอกประยุทธ์ออกไป การเมืองสามานย์ ด้านได้อายอด ก็จะไล่กระทืบตามว่า พอพลเอกประยุทธ์ออกไปแล้ว บ้านเมืองเจริญทันที ทั้งๆ ที่ ทั้งหมดนั้น มันคือสิ่งที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ทำไว้นั่นเอง
ยกตัวอย่างเพิ่มเติม ในคราวการประชุม ครม.สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้พิจารณารายงานการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ช่วงปีที่ผ่านมา มีอะไรคืบหน้าถึงไหนบ้าง อาทิ
1. การแก้ไขปัญหาในการดำรงชีวิตของประชาชน เช่น
(1) ลดอัตราภาษีน้ำมันดีเซล 5 บาทต่อลิตร ระยะเวลา 2 เดือน (ตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม - 20 กรกฎาคม 2565) เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนและภาคธุรกิจ
(2) ดำเนินโครงการ “พาณิชย์ลดราคา ช่วยประชาชน” เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนในการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค ช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2565
(3) ให้การช่วยเหลือด้านหนี้สินแก่สมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ให้ได้รับการลดภาระดอกเบี้ย 976 แห่ง 353,274 ราย
(4) บริหารจัดการที่ดินทำกินแก่เกษตรกรรายย่อยและผู้ด้อยโอกาส มีเกษตรกรได้รับสิทธิเข้าทำประโยชน์ในที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน 13,946 ราย
และ (5) ลดอุปสรรคการประกอบอาชีพประมงพาณิชย์และประมงชายฝั่ง รวมถึงดูแลประมงพื้นบ้านให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล เช่น ควบคุมและเฝ้าระวังการทำประมงให้เป็นไปตามกฎหมาย 279 ครั้ง ตรวจสอบระบบตรวจสอบย้อนกลับของโรงงาน 168 แห่ง ออกใบรับรองการจับสัตว์น้ำและ Annex IV จำนวน 3,391 ฉบับ และสุ่มตรวจชนิดและปริมาณวัตถุดิบสัตว์น้ำหน้าสถานประกอบการ 1,083 ครั้ง
2. การปรับปรุงระบบสวัสดิการและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน
สนับสนุนการพัฒนาและสมทบกองทุนสวัสดิการชุมชน 1,222 กองทุน ครอบคลุมสมาชิก 1.07 ล้านคน ในการจัดสวัสดิการพื้นฐานให้สมาชิกตั้งแต่เกิด แก่ เจ็บ ตาย เพื่อสร้างหลักประกันความมั่นคงของคนในชุมชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
3. การยกระดับศักยภาพของแรงงาน ส่งเสริมการส่งแรงงานไทยไปทำงานรัฐอิสราเอล 208 คน ทั้งนี้ ภาพรวมในปี 2565 ได้จัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศในทุกประเทศ รวม 17,512 คน มีรายได้กลับเข้าประเทศประมาณ 82,506 ล้านบาท
4. การวางรากฐานระบบเศรษฐกิจของประเทศสู่อนาคต
ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 11 หน่วยงานเพื่อขับเคลื่อนเมืองพัทยาสู่การเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ด้านภาพยนตร์ของยูเนสโกและศูนย์กลางอุตสาหกรรมในการดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ สู่การขยายฐานสร้างรายได้กับชุมชนและเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจของประเทศ
และสนับสนุนการลงทุนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดยตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤษภาคม 2565 มีการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนในจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง 183 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 93,972 ล้านบาท
5. การพัฒนาระบบการให้บริการประชาชน
อยู่ระหว่างปรับปรุงเงื่อนไขวีซ่าประเภทพิเศษ “Smart Visa” เพื่อขยายขอบข่ายการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจแก่บุคลากรทักษะสูง/ผู้เชี่ยวชาญ นักลงทุน ผู้บริหาร และผู้ประกอบการวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) ที่ประสงค์จะเข้ามาทำงานหรือลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศผ่านวีซ่าประเภทพิเศษ SMART Visa ให้กว้างและจูงใจมากขึ้น รวมถึงผ่อนปรนหลักเกณฑ์ที่มีอยู่เดิม ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤษภาคม 2565 มีผู้ขอรับรองคุณสมบัติ 234 คำขอ และมีผู้ผ่านการรับรองฯ 164 คำขอ
6. การพัฒนาเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของไทย
ลงนามข้อตกลงระหว่างกรมสรรพสามิตกับผู้ประกอบอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์แบบพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle: BEV) รายแรกที่เข้าร่วมสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งผู้ประกอบการที่เข้าร่วมมาตรการฯ จะได้สิทธิประโยชน์จากภาษีสรรพสามิตอัตราภาษีตามมูลค่าร้อยละ 1 และเงินอุดหนุน 18,000 บาทต่อคัน สำหรับการนำเข้ารถจักรยานยนต์BEV ในปี 2565-2566 และผลิตรถจักรยานยนต์ BEV ในปี 2565-2568 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ทั้งนี้ ได้วางแผนที่จะผลิตรถจักรยานยนต์ BEV ในปี 2565 จำนวน 32,000 คัน ปี 2566 จำนวน 38,400 คัน ปี 2567 จำนวน 46,400 คัน และปี 2568 จำนวน 56,000 คัน
ผลักดันการส่งออกสินค้าเกษตรไทย ส่งเสริมความร่วมมือเกษตรอัจฉริยะ พัฒนาพืชผักสมุนไพรเป็นสินค้าเกษตรชนิดพิเศษสีเขียว (SAP-Special Agricultural Products) โครงการหนึ่งประเทศหนึ่งผลิตภัณฑ์ขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ และส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่ขับเคลื่อนการผลิตทุเรียนนนท์ทำให้พื้นที่ปลูกทุเรียนเพิ่มขึ้นเป็น 2,280 ไร่ เกษตรกร 1,162 ครัวเรือน
พัฒนาภาคการท่องเที่ยว เช่น ดำเนินโครงการ Amazean Jungle Trail เพื่อจัดการแข่งขันกีฬาวิ่งเทรลและส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองเบตง จังหวัดยะลา ระหว่างวันที่ 6-8 พฤษภาคม 2565 และจัดกิจกรรม “1 โรงเรียน 1 ลานกีฬา” โดยมอบลานกีฬา อุปกรณ์กีฬา และปรับปรุงอาคารเรียนให้กับโรงเรียนเทศบาล 4 บ้านกาแป๊ะฮูลู จังหวัดยะลา
พัฒนาการค้าการลงทุนเพื่อมุ่งสู่การเป็นชาติการค้าการบริการและการลงทุนในภูมิภาค เช่น จัดประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปก 2022 ภายใต้หัวข้อ “เปิดกว้างสร้างความสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล” ระหว่างวันที่ 21-22 พฤษภาคม 2565 จัดงานแสดงสินค้าและเครื่องดื่ม “THAIFEX-ANUGA ASIA 2022” มีผู้ประกอบการไทยและต่างชาติเข้าร่วมแสดงสินค้า 1,603 บริษัท มีผู้เข้าชมงาน 83,099 คน เกิดมูลค่าการสั่งซื้อกว่า 66,169 ล้านบาท และส่งเสริมการขนส่งผลไม้ทางอากาศ เพื่อระบายผลไม้ฤดูกาลผลิตปี 2565 ออกสู่ตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและมุ่งสู่การเป็นประเทศอัจฉริยะ เช่น ขับเคลื่อนให้เกิดการใช้ประโยชน์จากข้อมูล (d-DATA) ของไทย เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคมไทยในยุคดิจิทัล และเสนอผลงานด้านการพัฒนาดิจิทัลสำคัญของไทยในเวทีประชุม “Huawei APAC Digital Innovation Congress” ณ ประเทศสิงคโปร์
สรุปแล้ว ขบวนการไล่ประยุทธ์ให้ออกไปก่อนหมดสมัย และตัดตอนไม่ให้มีโอกาสเป็นนายกฯ ต่อ ทั้งที่เจ้าตัวไม่มีเรื่องทุจริตอะไร ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าเกมการเมืองแย่งอำนาจของฝ่ายค้าน
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี