26 กันยายน 2565 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ค มีเนื้อหาดังนี้...
“บางประการจากการเลือกตั้งนายกอบจ.กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด
ลงพื้นที่ปราศรัย พบปะประชาชนทั้ง 2 สนามรวม 20 เวที สัมผัสอารมณ์ความรู้สึก ยืนสบตาคนหลายหมื่นคน พบเห็นข้อสังเกตบางแง่มุมมาเล่าสู่กันฟังครับ
1.ผู้สมัครพรรคเพื่อไทยออกตัวในฐานะผู้ท้าชิง แต่พลิกกลับเอาชนะแชมป์เก่าขาดลอยทั้ง 2 สนาม
2.แชมป์เก่าทั้งคู่ ครั้งที่แล้วเปิดตัวเป็นพลังประชารัฐแต่รอบนี้ไม่ได้ยินชื่อพรรคและชื่อพล.อ.ประยุทธ์จากทั้ง 2 เวทีแม้แต่ครั้งเดียว ที่ร้อยเอ็ดผู้สมัครบางคนนอกจากลาออกจากตำแหน่งทางการเมืองในรัฐบาล ยังปลดป้ายพรรคออกจากสำนักงาน แสดงตัวเป็นผู้สมัครอิสระ นี่คือสภาพถดถอยอย่างยิ่งของพล.อ.ประยุทธ์ สวนทางกับภาวะผู้นำของแพทองธาร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ที่พุ่งขึ้นหลังนำทัพชนะแบบแลนด์สไลด์
เชื่อว่าการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมาถึง ในพื้นที่เข้มแข็งของพรรคเพื่อไทยและพรรคฝ่ายประชาธิปไตย เช่น อีสาน เหนือ และ กทม. หากประยุทธ์ยังเกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง ไม่ว่าในฐานะแคนดิเดตนายกฯหรืออยู่เบื้องหลัง จะเห็นผู้สมัครพรรคนั้น หาเสียงโดยเน้นคะแนนเขตเพื่อเอาตัวรอด ปล่อยคะแนนพรรคเป็นของฝ่ายประชาธิปไตย ลูกพรรคจะทิ้งประยุทธ์กลางสนาม
3.การบริหารงานทั้งยุค คสช. และหลังเลือกตั้งล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในความรู้สึกประชาชน พล.อ.ประยุทธ์กลายเป็นจุดอ่อน และตัวปัญหาใหญ่สุดของรัฐบาล
การประกาศตัวเป็นฝ่ายตรงข้ามประยุทธ์กลายเป็นจุดแข็งในการเลือกตั้ง เชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันก็จะหาเสียงโดยไม่กล้าพูดชัดว่าจะร่วมรัฐบาลกับประยุทธ์อีก
4.นอกจากเศรษฐกิจ ปากท้อง ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง ปัญหายาเสพติดก็เป็นเรื่องใหญ่ไม่แพ้กัน คนทั้งประเทศรับรู้ ยาบ้า ยาอี ไอซ์ มีขายราคาถูกทุกหย่อมหญ้า 8 ปีที่ผ่านมานายกฯไม่เคยลงมือทำให้เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ล้มละลายอย่างที่สุดในการแก้ปัญหายาเสพติด
5.เป้าหมายแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทย เป็นที่รับรู้เข้าใจ และตอบรับมากขึ้นเรื่อยๆ จากประชาชนทุกกลุ่ม ขณะที่อีกส่วนรอความชัดเจนเรื่องนโยบาย ถ้าหลังยุบสภา เพื่อไทยประกาศนโยบายชัดเจนโดนใจ ตอบโจทย์ชีวิตคนส่วนใหญ่ แลนด์สไลด์จะไม่ใช่แค่สโลแกนหาเสียง แต่จะเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น เหมือนที่เคยทำสำเร็จมาแล้ว หมัดเด็ดของเพื่อไทยหลังจากนี้ คือนโยบาย
6.ประชาชนต้องการความเปลี่ยนแปลง ตั้งใจรอคอยการเลือกตั้ง กระแสข่าวรัฐประหารที่เริ่มส่งกลิ่น ปะทะโดยตรงกับเจตนารมณ์ของประชาชน ถ้าลงมือทำจะเป็นความท้าทายและสุ่มเสี่ยงที่สุดของฝ่ายอำนาจนิยม การยึดอำนาจคงทำได้ แต่ค่าใช้จ่ายทางการเมืองจะสูงเกินคาดเดา ปล่อยให้ประยุทธ์พังไปในการเลือกตั้ง น่าจะเป็นทางเลือกที่ลงตัวกว่า
7.ถ้าประยุทธ์รอด อยู่ต่อได้หลัง 30 กันยายน สถานะของเขาจะเป็นเหมือนหัวคะแนนหลักของพรรคเพื่อไทยอยู่นานเท่าไหร่ เพื่อไทยก็เข้าใกล้แลนด์สไลด์เท่านั้น ไม่เชื่อก็ลองดู”
ครับ, การวิเคราะห์ ที่แนบไว้ด้วยการเชลียร์ลูกสาวเจ้านาย และอวยสมัครพรรคพวกตัวเองของณัฐวุฒินั้น ไม่ถึงกับไร้สาระหรือไร้สมอง หลายประเด็นน่าคิดมากครับ
แต่สิ่งที่นายณัฐวุฒิกับพรรคเพื่อไทยต้องตอบให้ชัดก็คือ หลังแลนด์สไลด์ พวกคุณจะทำอะไรกับบ้านเมืองและ “คนเสื้อแดง”
1. จะมีคอร์รัปชั่นทั้งทางตรงและคอร์รัปชั่นเชิงนโยบายอีกไหมครับ จะมีรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยและข้าราชการที่สมคบกัน ติดคุกติดตะราง โดยที่ “เจ้านาย” หนีไปมีความสุขอยู่ต่างประเทศอีกไหมครับ
2. เจ้านายสองคนที่หนีคุก หนีคำพากษาของศาล และหนีหมายจับ ไม่มาขึ้นศาลอีกหลายคดีนั้น พวกคุณจะใช้เสียงส่วนใหญ่ในสภา ออกกฎหมาย “นิรโทษกรรม” ทำลายหลักนิติรัฐ นิติธรรม เพื่อจะพาพวกเขากลับมา โดยไม่ต้องรับโทษใดๆ ไหมครับ
3. คุณจะใช้ชีวิต ความตาย ความสูญเสียของ“คนเสื้อแดง” แลกเก้าอี้รัฐมนตรีอีกไหมครับ
4. เพียงเพื่อจะได้เป็นรัฐมนตรี มีอำนาจ มีโอกาส เพียงเพื่อจะนำเจ้านายที่ขี้โกง ทำผิดกฎหมาย กลับบ้าน คุณจะให้คนเสื้อแดงที่สนับสนุนพวกคุณ “ตายแทน” โดยไม่ให้กระบวนการยุติธรรม หาตัวคนผิด ลงโทษคนผิด ด้วยการไม่เอาผิด คือ “นิรโทษกรรม” ให้คนที่ทำเช่นนั้นกับคนเสื้อแดงอีกไหมครับ
5. คุณช่วยอธิบายความคิด ความรู้สึก ตอนที่คุณไม่ต่อต้านกฎหมายนี้ ยอมให้เสียงส่วนใหญ่ของพรรคเพื่อไทยในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อประโยชน์ของนายคุณ ตัวคุณ ที่เป็นแกนนำ ยุยงปลุกปั่นให้คนเผานั่นเผานี่ บุกศาลากลาง รุมตีนายกรัฐมนตรีที่กระทรวงมหาดไทย แต่ให้คนเสื้อแดงตาย โดยไม่ให้มีการดำเนินคดีกับใคร ไม่ให้ค้นหาความจริงอีกต่อไป ว่าใครทำให้พวกเขาเจ็บ-ตาย ตอนนั้นคุณรับได้ยังไง คุณกลับมาสบตา มองหน้าคนเสื้อแดงที่เคยเดินตามคุณ เชื่อคุณ ศรัทธาคุณ อีกได้ยังไง และวันนี้คุณท่องคาถาอะไร ก่อนมาขอคะแนนจากพวกเขา เพื่อให้พรรคของคุณชนะการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์
1) นางสาวทิพานัน คงชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เคยเตือนพรรคเพื่อไทยว่า
“นายทักษิณขาดคุณสมบัติการสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง มาตรา 9 และมาตรา 24 เช่น เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึงสิบปี เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกเพราะกระทำความผิดตามกฎหมาย ป.ป.ช. นายทักษิณจึงเข้าข่ายทั้งไม่ใช่สมาชิกพรรค พท. ถือเป็นคนนอก แถมพ่วงท้ายว่าเป็น นักโทษหนีคดีด้วย ซึ่งการกระทำฝ่าฝืนดังกล่าว มีโทษถึงยุบพรรคและเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรค เป็นเวลา 10 ปี ขณะที่ผู้ครอบงำพรรคก็มีโทษจำคุก เป็นเวลา 5 ปี ปรับตั้งแต่ 100,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเช่นเดียวกับกรรมการบริหารพรรค” ทำไมพรรคเพื่อไทยยอมให้คนคนนี้มีพฤติกรรมชี้นำ แทรกแซงพรรค
2) ทิพานัน บอกและถามตรงๆ ว่า “เชื่อว่าคนไทยทุกคนไม่ต้องการตระกูลที่คอร์รัปชั่นมาบริหารประเทศ จึงอยากทราบจุดยืนของพรรค พท. ว่า ชัดเจนใช่หรือไม่ที่จะใช้นายทักษิณ นักโทษคดี มาหาเสียงแลนด์สไลด์ให้พรรคการเมือง โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจของพรรค พท.มีความคิดเห็นอย่างไร เห็นด้วยกับคำประกาศต่างๆ ของนายทักษิณหรือไม่ สิ่งสำคัญที่สุด พรรค พท. ควรต้องเคารพกฎหมาย ควรเคารพประชาชน ไม่เอานักโทษโกงชาติมาเป็นแบบอย่างให้ลูกหลาน ไม่เอาคนที่มีประวัติคอร์รัปชั่นมาหาเสียงนโยบายพรรค” น.ส.ทิพานันกล่าว
3) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการคมชัดลึก (23 ก.ย.2565) ว่า “ผมก็เพียงแค่เตือนว่า อยากให้เก็บเกี่ยวบทเรียนจากในอดีต เพราะการที่พรรคเพื่อไทยจะได้รับเลือกตั้งเข้าไปเพื่อบริหารประเทศ มันเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การมีวาระที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของครอบครัวหรือส่วนตัว มันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
“เหมือนกับที่ผมเคยเตือนนายกฯยิ่งลักษณ์ (ชินวัตร) ในวันที่ชนะการเลือกตั้งปี’54 ว่าเรื่องที่จะไปนิรโทษกรรม โดยเฉพาะคดีทุจริตคอร์รัปชั่นมันเป็นเรื่องที่ยอมรับกันไม่ได้ และโดยหลักสากลก็ไม่ยอมรับกัน ดังนั้น ก็หวังว่าจะมีบทเรียน” “ถ้าเกิดทุกอย่างวนเวียนกลับไปสู่เรื่องการพาคุณทักษิณกลับบ้าน ผมมองว่ามันเหมือนสังคมไทยเราเดินวนอยู่อย่างนี้ และน่าจะเป็นเงื่อนไขของความขัดแย้งที่เกิดขึ้นได้อีก”
ส่วนคำถามแบบ “เอาแต่ใจตัวเอง” เอาแต่ความชอบของตัวเองของนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กับรุ้ง-ปนัสยา นั้นอุ๊งอิ๊ง หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยจะตอบหรือไม่ตอบก็ได้
นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊ค Amarat Chokepamitkul อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ระบุว่า ปัญหาของมาตรา 112 ประจักษ์ชัดแล้วทั้งต่อสังคมไทยและสากลโลกเกินกว่าหัวหน้าครอบครัวใหญ่จะพูดถึงมันเพียงแค่นี้ยกเลิก 112
ทั้งนี้ นางอมรัตน์ นำภาพและคำให้สัมภาษณ์ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ที่พูดถึง ม.112 ว่า ยืนยันระบบรัฐสภา ต้องคุยกันว่ามีปัญหาหรือเปล่า
ก่อนนี้ น.ส.แพทองธาร ให้สัมภาษณ์ประชาชาติธุรกิจ และเครือมติชน ถึงการแก้ไขมาตรา 112 หากในอนาคตถ้าเธอมีอำนาจตัดสินใจว่า จริงๆ ไม่ต้องมาตรา 112 ทุกๆ เรื่องที่ถกๆ กันมันต้องผ่านกระบวนการของสภา ให้เป็นหลักนั้นดีกว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต้องอยู่ในหลักที่ต้องผ่านกระบวนการ ถ้าคุยกันแล้วจะต้องแก้ไขอย่างไร หรือต้องทำอย่างไรก็ต้องผ่านระบบสภา
ขณะที่นางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ “รุ้ง” แกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “ราษฎร” หรือ “ชาว 3 นิ้ว” โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ค Panusaya Sithijirawattanakul ว่า ยังไม่เห็นปัญหาอีกเหรอคะ หนูนี่อึ้งไปเลย
ทั้งนี้ นางสาวปนัสยา แชร์โพสต์ ที่ประชาชาติธุรกิจรายงานการสัมภาษณ์ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ตอบคำถามถึงจุดยืนเกี่ยวกับ ม.112 ว่า
“จริงๆ ไม่ต้องมาตรา 112 ทุกๆ เรื่องที่ถกๆกันมันต้องผ่านกระบวนการของสภา ให้เป็นหลักนั้นดีกว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต้องอยู่ในหลักที่ต้องผ่านกระบวนการ ถ้าคุยกันแล้วจะต้องแก้ไขอย่างไร หรือต้องทำอย่างไรก็ต้องผ่านระบบสภา”
ในส่วนของการแก้ไขมาตรา 112 นางสาวแพทองธารตอบว่า ต้องคุยกัน ต้องคุยกันว่าตัวบทกฎหมายมีปัญหาหรือเปล่า เพื่อจะตกลงกันว่าจะเอาอย่างไร
ครับ, ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ สาลิกาลิ้นทองอย่าง “ณัฐวุฒิ” จะตอบอย่างไร
ก็ลองดู!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี