อาหารไทยได้เป็นที่ฮือฮาทั่วโลกอีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้ เพราะคุณลิซ่า นักร้องและนักเต้นของไทยภายใต้กรอบของ K-Pop ที่โด่งดังไปทั่วโลก ได้ออกมาแสดงความชื่นชอบ ลูกชิ้นยืนกิน และต่อมาคุณมิลลิ ได้นำเอาข้าวเหนียวมะม่วงประกอบการแสดงที่สหรัฐอเมริกา ทำให้มีการประเมินเหมารวมว่า นั่นคือ soft power ของไทย
วงการต่างๆ ของไทยทั้งภาครัฐ และเอกชน ต่างก็เห็นว่าไทยนั้นมี soft power มากหลาย และจะต้องนำมาเป็นตัวชูโรงของการเสริมสร้างภาพลักษณ์ภาพพจน์ และชื่อเสียงของไทย ก็ใคร่ขอถือโอกาสนี้ซักซ้อมความหมายและเสริมสร้างความเข้าอกเข้าใจเกี่ยวกับ soft power ว่าเป็นอะไรแน่แท้? และถ้าจะส่งเสริมกันนั้นใครจะรับผิดชอบและจะทำการกันอย่างไร? ในขณะเดียวกันก็มีคำถามว่า ถ้ามี soft power แล้ว อะไรคือ hard power? แล้วเราจะสามารถใช้ทั้ง 2 อย่างควบคู่กันไป หรือจะเน้นอย่างหนึ่งอย่างใดเป็นการเฉพาะ
Hard power นั้นคือพลังอำนาจที่แข็งแกร่ง จับต้องได้ของประเทศหนึ่งใด เช่น พลังอำนาจทางการทหาร พลังอำนาจทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและองค์ความรู้ พลังอำนาจที่มาจากที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ และที่มาจากการครอบครองทรัพยากรธรรมชาติ เช่น การเป็นประเทศต้นน้ำ เช่น ในกรณีของจีน กับแม่น้ำหลักๆ ของทวีปเอเชีย ที่อำนวยให้จีนมีพลังอำนาจต่อรอง และอิทธิพลเหนือประเทศที่ตั้งอยู่ที่ปลายน้ำ หรือปากน้ำออกสู่ทะเล
ส่วน Soft power คือพลังอำนาจที่ละมุนละไม ซึ่งมาจาก หรือประกอบด้วยประเพณีวัฒนธรรม การต้อนรับขับสู้ และโอบอ้อมอารีของผู้คน ไปจนถึงการเป็นสังคมที่ใฝ่สันติและการออมชอมผ่อนปรน
หลายๆ ประเทศมีทั้ง พลังอำนาจที่แข็งแกร่ง หรือhard power เช่น สหรัฐอเมริกา จีน รัสเซีย ญี่ปุ่น แม้กระทั่งอินเดีย และอีกหลายๆ ประเทศพัฒนาแล้วในยุโรป ที่สามารถที่จะมีอิทธิพลโน้มน้าว หรือปรามประเทศอื่นได้ แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีประเพณีวัฒนธรรมและวิถีชีวิต (Life style) ที่เป็นที่น่าดึงดูด เป็นแบบอย่างที่จะส่งออกไปหาความนิยมชมชอบ และคล้อยตามได้
ในเรื่อง hardware ประเทศมหาอำนาจ เช่น สหรัฐอเมริกา ก็จะไปดำเนินการเสริมสร้างพันธมิตรทางด้านการทหารและความมั่นคง รวมไปถึงการขายอาวุธยุทโธปกรณ์ และเทคโนโลยีสื่อสารสมัยใหม่ แต่ในขณะเดียวกันก็มีนโยบายและมาตรการในการเสริมสร้างอิทธิพลและความนิยมชมชอบผ่านพลังนุ่มนวล software เราจึงได้เห็นสำนักงาน USIS ของสหรัฐฯ British Council ของอังกฤษ Japan Foundation ของญี่ปุ่น และ Alliance Francaise ของฝรั่งเศส รวมทั้งสถาบันขงจื๊อ (Confucius Institute) ของจีน ส่วนรัสเซียนั้นก็ส่งคณะแสดงบัลเลต์ที่เลื่องลือไปทั่วโลก ขณะที่เยอรมนีก็เน้นการแสดงดนตรีวงซิมโฟนี และการส่งผู้กำกับดนตรี (Conductor) ไปแสดง ไปฝึกสอนนักดนตรีทั่วโลก
แต่ทั้งนี้ ประเทศส่วนใหญ่ต่างไม่ได้มีพละกำลังแบบ hard power จึงต้องหันไปพึ่งพา soft power เป็นสำคัญ ซึ่งประเทศไทยก็อยู่ในกลุ่มนี้ โดยอยู่ในฐานะที่จะใช้ soft power ได้อย่างเต็มที่ มากกว่าอีกหลายๆ ประเทศส่วนใหญ่ เพราะไทยเราอุดมสมบูรณ์ด้วยขนบธรรมเนียมประเพณี ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมความละมุนละไมโอบอ้อมอารีของคนไทย และจิตใจที่เปิดกว้าง และอ้าแขนรับชาวต่างประเทศ
การใช้ soft power คือการดำเนินการนโยบายต่างประเทศอย่างหนึ่ง ที่จะโน้มน้าวให้ต่างชาติมีความเป็นมิตร ชื่นชม ไว้เนื้อเชื่อใจ และเป็นกันเองกับประเทศผู้ส่งออก soft power ซึ่งสำหรับประเทศไทยนั้นมิใช่ของใหม่ของแปลกแต่อย่างใด
ที่ผ่านมา จัดได้ว่าประเทศไทยได้ส่งออก soft power ของไทยมาหลายๆ สิบปีแล้ว ผ่านการส่งเสริมการท่องเที่ยว การจัดส่งคณะวัฒนธรรมต่างๆ ไปแสดงในต่างประเทศ การส่งเสริมอาหารไทย การนวดแผนไทยการส่งเสริมปรัชญาว่าด้วย สติ (Mindfulness) และการสมาธิวิปัสสนา และล่าสุดคือการให้โลกได้รู้จักปรัชญาว่าด้วยเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9
นอกจากนั้น ก็กล่าวเป็นข้อเท็จจริงได้ว่า ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมานี้ เอกอัครราชทูตของไทยทุกคน และสถานทูตของไทยทุกแห่ง ได้เคยจัดงาน Thai night, Thai festival และ Thai food festival บางสถานทูตก็ได้เคยจัดแสดงดนตรีเพลงพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ 9 จัดการแสดงสาธิตวิธีการปรุงอาหารไทย ไปจนถึงการนิมนต์พระภิกษุสงฆ์เพื่อการสมาธิวิปัสสนา เป็นต้น
มา ณ วันนี้ เมื่อเรื่อง soft power เป็นเรื่องที่กล่าวถึงโดยทั่วไปในสังคมไทยแล้ว ก็คงจะมีความจำเป็นที่จะให้เรื่องการส่งเสริม soft power ของไทย ได้กลายเป็นนโยบายต่างประเทศ และนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว และส่งเสริมภาพลักษณ์ของไทยกันอย่างจริงจัง เพื่อให้เป็นระบบ มีแผนงาน และงบประมาณที่จะรองรับอย่างเป็นกิจจะลักษณะ ที่จะเสริมสร้างความโดดเด่นของประเทศไทยและความเคารพเชื่อถือที่จะตามมา และในการนี้หน่วยงานที่ควรจะเป็นแกนหลักน่าจะได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬา ซึ่งกีฬาไทยต่างๆ รวมทั้งพิธีการไหว้ครู และการฝึกซ้อมร่างกาย ก็เป็นส่วนสำคัญของ soft power ของไทย
แต่การดำเนินการใดๆ โดยฝ่ายรัฐบาล ก็ต้องระมัดระวังว่า soft power นี้ ไม่ก่อให้เกิดผลในทางลบว่า จะกลายไปเป็นเครื่องมือของการครอบงำประเทศอื่นๆหากแต่มีไว้เพื่อเสริมสร้างสันติภาพ การเคารพนับถือซึ่งกันและกัน การแสดงความเป็นมิตรภาพ มีมิตรไมตรีและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี