คำว่า “ขายชาติ” เป็นวาทกรรมการเมืองที่มีผลต่อผู้ที่ถูกตราหน้าว่ามีพฤติกรรมดังกล่าวอย่างมีนัยสำคัญมากที่สุด เพราะการขายชาติคือพฤติกรรมที่นับได้ว่าเลวทรามต่ำช้ามากที่สุดชนิดหนึ่ง ที่กล่าวว่าชนิดหนึ่งเพราะยังมีพฤติกรรมที่เลวทรามอื่นๆ อีกมาก เช่น การโกงบ้านกินเมือง การฉ้อฉลปล้นประเทศ เป็นต้น
ปัจจุบันมีการกล่าวเชิงประณามว่าการอนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาซื้อที่ดิน บ้าน และคอนโดมิเนียมในประเทศไทยได้คือการขายชาติ ซึ่งก็ต้องถามว่าการอนุญาตดังกล่าวนั้นเป็นการขายชาติจริงหรือไม่ แล้วก็ต้องถามกลับด้วยว่า ถ้าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นการขายชาติแล้ว การที่คนไทยจำนวนมิใช่น้อยนำเงินไปซื้อบ้าน ที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ในต่างประเทศ ถือว่าเป็นการขายชาติด้วยหรือไม่ หรือว่าเป็นการทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ
นอกจากนี้ยังมีการถามด้วยว่า แล้วการที่คนไทยจำนวนมากมายมหาศาลพากันไปซื้อสินค้า brand name ที่มีราคาสูงลิบลิ่ว ถือว่าเป็นการขายชาติด้วยหรือไม่ เพราะทำให้ประเทศต้องสูญเสียเงินตราจำนวนมหาศาลให้กับต่างชาติทุกๆ ปี
หลายคนสงสัยว่าทำไมการอนุญาตให้คนต่างชาติซื้อบ้าน และอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยได้ คือการขายชาติ และถามอีกว่า การอนุญาตดังกล่าวนั้นไม่มีข้อกำหนดใดๆ เพื่อพิทักษ์สิทธิประโยชน์ของผืนแผ่นดินไทยเลยกระนั้นหรือแล้วก็มีคำถามอีกว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันนี่หรือคือรัฐบาลขายชาติ เหตุที่ถามเช่นนี้เพราะหลายคนจำได้ว่าเรื่องการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาซื้อหาครอบครองอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยนั้นมิได้เพิ่งเกิดมาในยุคของรัฐบาลนี้ แต่สมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ก็มีแนวคิดเช่นนี้มาแล้ว เพียงแต่แตกต่างกันในบางแง่บางมุม
หลายคนวิตกว่าการอนุญาตเช่นนี้จะทำให้ชาวต่างชาติจำนวนมากนำเงินเข้ามาซื้อหาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยจนส่งผลให้คนไทยไม่สามารถถือครองอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ได้อีกต่อไป และวิตกมากขึ้นไปอีกในประเด็นที่ว่าหากอนุญาตเช่นนี้แล้ว ในอนาคตจะทำให้คนไทยต้องเช่าที่ดิน หรือเช่าอสังหาริมทรัพย์ในไทยจากชาวต่างชาติ ซึ่งเรื่องนี้ก็น่าคิดมิใช่น้อย เพราะปัจจุบันคนไทยจำนวนไม่น้อยก็ต้องเช่าโรงแรมหรูๆ ซึ่งเป็นกิจการของคนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทย ก็เลยเกิดคำถามว่า การที่ต่างชาติเข้ามาเปิดกิจการโรงแรมหรูหราในไทย ถือเป็นรูปแบบหนึ่งของการขายชาติด้วยหรือไม่ อันที่จริงยังมีเรื่องให้ต้องขบคิดอีกมากกว่าอะไรคือการขายชาติ เนื่องจากหลายคนก็ยังคงตั้งคำถามว่า แล้วการซื้อสินค้าออนไลน์สารพัดชนิด รวมถึงการซื้อบริการต่างๆ สารพัดชนิด ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นที่ชัดเจนว่าเงินตราที่ซื้อสินค้านั้นถูกกอบโกยออกไปนอกประเทศ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ถือว่าเป็นการขายชาติด้วยหรือไม่
กลับไปที่เรื่องการอนุญาตให้คนต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ก็ต้องถามก่อนว่า ทำไมจึงต้องมีนโยบายดังกล่าว การที่รัฐบาลมีนโยบายที่ว่านั้นเป็นเพราะว่าต้องการหาเงินเข้าประเทศใช่หรือไม่ หรือว่าเป็นเพราะรัฐบาลต้องการจะขายชาติ เนื่องจากไม่มีอะไรจะทำที่ดีกว่านี้
วิญญูชนต่างรู้ดีว่าแผ่นดินของบรรพบุรุษเป็นเรื่องที่ต้องหวงแหนต้องช่วยกันดูแลรักษาไว้ แม้จะรู้ดีว่าในหลายต่อหลายครั้งคนในชาติด้วยกันเองก็มีพฤติกรรมขายชาติด้วยวิธีต่างๆ โดยไม่ได้ขายแผ่นดินให้กับต่างชาติ แต่ใช้การโกงบ้านกินเมือง และสร้างความวิบัติฉิบหายด้วยกรรมวิธีอื่นๆ ให้กับเพื่อนร่วมสังคมตลอดเวลา รวมถึงเรื่องการทุจริตเชิงนโยบายของรัฐบาล
อันที่จริงหากเราไม่ปฏิเสธความจริงแล้ว เราทุกคนก็คงทราบดีว่าความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยนั้นต้องพึ่งพาการจับจ่ายของตลาดต่างประเทศเป็นสำคัญ หากเราไม่สามารถขายสินค้าของเราให้กับต่างประเทศได้ เราก็ประสบกับปัญหาขาดแคลนเงินตราสำหรับใช้จ่ายภายในประเทศ เนื่องจากอัตราการบริโภคภายในของไทยนั้นนับว่าค่อนข้างต่ำ อีกที่กำลังการซื้อ และการบริโภคภายในก็อยู่ในระดับต่ำ นี่คือเหตุผลสำคัญว่าทำไมเราจึงต้องอาศัยการค้าขายกับต่างประเทศ โดยเน้นการส่งสินค้าของเราออกไปยังต่างประเทศ หรือมิฉะนั้นก็ต้องรอเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะแห่เข้ามาใช้จ่ายในประเทศของเรา
ในยามที่ประเทศของเรามีรายได้จากการส่งออกน้อย และมีรายได้จากนักท่องเที่ยวน้อย ก็มีอีกทางหนึ่งที่คาดว่าจะช่วยเพิ่มรายได้ให้ประเทศก็คือการเปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้ามาซื้อหาและครอบครองอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยตามข้อกำหนดกฎเกณฑ์ที่รัดกุม
หากเราไม่โกหกตัวเองมากจนเกินไป ก็ต้องยอมรับว่าประเทศของเราอนุญาตให้ชาวต่างชาติซื้อหาและครอบครองคอนโดมิเนียมได้ หากชาวต่างชาติเหล่านั้น
มีคุณสมบัติถูกต้องตามกฎหมายไทยกำหนด เช่น มีสถานะเป็นนิติบุคคล หรือเป็นชาวต่างชาติที่ได้รับอนุญาตให้พำนักในประเทศไทยถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง หรือตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน แต่ทั้งนี้จะต้องถือครองพื้นที่ของคอนโดมิเนียมไม่เกิน 49 เปอร์เซ็นต์ของโครงการ เช่น หากคอนโดมิเนียมมีห้องพักทั้งหมด 1,000 ห้อง อนุญาตให้ต่างชาติถือครองได้ไม่เกิน 490 ห้อง เป็นต้น
ส่วนเรื่องการถือครองที่ดินในประเทศไทยโดยคนต่างด้าว ก็อยู่ในเงื่อนไขว่าถือครองได้ไม่เกิน 1 ไร่ โดยผู้ซื้อที่เป็นต่างด้าวต้องมีคุณสมบัติตามกฎหมายกำหนด เช่น มีเงินลงทุนในกิจการที่กฎหมายกำหนดไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท ลงทุนไม่ต่ำกว่า 5 ปี (ล่าสุดแก้ไขเป็น 3 ปี) และต้องเป็นชาวต่างชาติที่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเท่านั้น ที่ดินที่อนุญาตให้ซื้อหาและครอบครองได้ต้องอยู่ในพื้นที่กำหนด เช่น ในเขตกรุงเทพมหานคร เขตเมืองพัทยา เขตเทศบาล หรือในเขตที่กำหนดเป็นพื้นที่สำหรับอยู่อาศัยที่เป็นไปตามกฎหมายผังเมืองเท่านั้น และต้องอยู่นอกเขตของหน่วยทหาร และต้องถือครองที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยของตนเองเท่านั้น หากทำผิดเงื่อนไขหรือผิดวัตถุประสงค์ตามข้อกำหนดของกฎหมาย จะถูกเพิกถอนสิทธิ์การถือครอง
สิ่งที่กล่าวในข้างต้นคือหลักปฏิบัติตามข้อกฎหมายไทย แต่ในความเป็นจริงก็พบเป็นระยะๆ ว่ามีต่างชาติเข้ามาถือครองอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยที่ไม่น่าจะเป็นไปตามหลักของกฎหมาย แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าคนไทยจำนวนไม่น้อยกลับไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านั้น แถมบางรายยังทำเสมือนเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ แต่เมื่อรัฐบาลประกาศจะให้ต่างชาติซื้อและครอบครองที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ได้ตามข้อกำหนดของกฎหมายอย่างเคร่งครัด กลับกลายเป็นว่ามีการออกมาประท้วง แต่ก็น่าสังเกตตรงที่ว่าผู้ประท้วงไม่เคยเข้าไปตรวจสอบว่าโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นของนักการเมืองจำพวกเจ้าของพรรคการเมืองบางรายนั้น อนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้าไปซื้อหาหรือครอบครองอสังหาริมทรัพย์ในโครงการของตนหรือไม่
เรื่องการหวงแหนแผ่นดินไทยเป็นเรื่องที่เราทุกคนต้องสำเหนียกและสำนึกในเรื่องนี้อย่างจริงจัง มิใช่หวงแหนเพียงแค่วาจา ซึ่งกลุ่มคนที่หวงแหนแผ่นดินไทยด้วยวาจานั้นมีให้เห็นเป็นจำนวนมิใช่น้อย แต่ที่น่าสังเวชยิ่งกว่าในกรณีนี้คือ มีความจงใจบิดเบือนข่าวนี้โดยคนกลุ่มหนึ่งที่อ้างว่าตนเองทำหน้าที่สื่อมวลชน แต่เป็นสื่อมวลชนที่ดำเนินงานโดยอาศัยทุนของนักการเมืองกลุ่มหนึ่งที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลชุดปัจจุบัน
โดยสื่อฯ การเมืองกลุ่มที่ว่านั้นจงใจนำเสนอข่าวการอนุญาตให้ชาวต่างชาติถือครองที่ดินโดยคนต่างด้าว โดยนำความเห็นของผู้หญิงคนหนึ่งที่ชอบทำตัวเป็นข่าวพิสดาร โดยใช้วาจากักขฬะ หยาบคาย ต่ำสถุลเป็นประจำ หญิงที่ชอบแสดงวาจาต่ำสถุลดังกล่าวออกมาเรียกร้องให้ผู้คนเดินขบวนขับไล่รัฐบาล โดยอ้างว่ารัฐบาลออกกฎหมายขายชาติ ทั้งๆ ที่สื่อฯ การเมืองดังกล่าวต้องไม่ลืมว่ากฎหมายนี้ออกมาตั้งแต่ยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร แต่มีการนำมาเปลี่ยนแปลงในเรื่องเงื่อนเวลาการทำธุรกิจบนแผ่นดินไทยเท่านั้น แล้วที่สำคัญสื่อฯ การเมืองรายนั้นต้องไม่ลืมว่า ทักษิณ ชินวัตร ก็ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศไว้หลายแห่ง นอกจากนี้ยังปรากฏอีกว่ามีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยบริษัทหนึ่งก็มีความเกี่ยวพันกับคนใกล้ชิดของทักษิณ และโครงการอสังหาริมทรัพย์ของคนที่ใกล้ชิดกับทักษิณก็มีชาวต่างชาติเข้าไปพักอาศัยด้วย
อย่างไรก็ตาม เราต้องไม่ลืมว่าที่ผ่านมานั้นชาวต่างชาติที่มีคู่สมรสเป็นหญิงไทยก็มักใช้การซื้ออสังหาริมทรัพย์โดยใช้ชื่อคู่สมรสเป็นตัวการ และหากมีลูกด้วยกันก็จะใช้ชื่อลูกเป็นผู้ซื้อแทน ซึ่งเรื่องนี้เป็นความจริงที่ปรากฏโดยทั่วไป
สรุปคือ การอนุญาตให้ต่างชาติซื้อหาและครอบครองอสังหาริมทรัพย์บนแผ่นดินไทยเป็นเรื่องที่เกิดมานานแล้ว ดังนั้นจึงไม่เห็นด้วยกับการกล่าวหาว่าการอนุญาตให้ต่างชาติซื้อหาและครอบครองอสังหาริมทรัพย์บนแผ่นดินไทยที่เป็นไปตามหลักกฎหมายโดยเคร่งครัดเป็นการขายชาติ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี