ในวันที่ 16-18 พฤศจิกายนนี้ ประเทศไทยภายใต้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะรับหน้าที่เป็นประเทศเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปกครั้งที่ 29 ที่กรุงเทพมหานคร โดย APEC นั้นย่อมาจาก Asia-Pacific Economic Cooperation–ความร่วมมือทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกรวม 21 ประเทศ (รวมทั้งเขตเศรษฐกิจ ฮ่องกง และไต้หวัน)
เพื่อความสมบูรณ์ของการจัดการประชุมสุดยอดดังกล่าวนี้ ประเทศไทยจึงมีการประชุมเตรียมการทั้งในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส และรัฐมนตรีในสาขาต่างๆ มาตลอดในช่วงปี พ.ศ. 2565 นอกจากนั้น รัฐบาลไทยยังได้ประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชนชาวไทยร่วมเป็นเจ้าภาพ ด้วยการต้อนรับดูแลผู้มาร่วมประชุม รวมทั้งกองทัพสื่อมวลชนต่างประเทศ และยังได้ประกาศให้วันที่ 16-18 พฤศจิกายนนี้ เป็นวันหยุดกรณีพิเศษของกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่ออำนวยความสะดวกต่อผู้มาร่วมประชุม และต้อนรับดูแล อีกทั้งฝ่ายรัฐบาลก็ได้ทำการให้ความรู้และเชื้อเชิญความสนอกสนใจของประชาชนพลเมืองมาโดยตลอด ผ่านทั้งกรมประชาสัมพันธ์ รวมถึงเครือข่ายสื่อรัฐ และเอกชน
ในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมนี้ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ออกคำขวัญ(Motto) เป็นศัพท์ภาษาอังกฤษ 3 คำคือ Open, Connect และ Balance ซึ่งก็คงมีการอธิบายความไปบ้างแล้ว แต่จะมากน้อยเพียงใด และเสริมสร้างความเข้าอกเข้าใจในหมู่สาธารณชนเป็นที่ถ่องแท้เพียงใดก็เป็นเรื่องที่ฝ่ายรัฐบาลจะต้องทบทวนพินิจพิจารณา
ในโอกาสนี้ก็อยากจะขอร่วมเสริมสร้างความเข้าอกเข้าใจเกี่ยวกับคำขวัญทั้ง 3 ดังกล่าวดังนี้
1.Open : การเปิดกว้าง หมายถึง การทำมาค้าขายระหว่างกันในหมู่ประเทศสมาชิกและเขตเศรษฐกิจอย่างเสรี สะดวกและยุติธรรม ปราศจากการกีดกัน หรือการเลือกปฏิบัติใดๆ เช่น กาลดภาษีศุลกากร การอำนวยความสะดวกในเรื่องการตรวจลงตรา (Visa) การออกใบอนุญาตการทำงาน และที่ผ่านมาการออกบัตรประจำตัวนักธุรกิจเอเปกแทนการตรวจลงตรา ไปจนถึงการจัดช่องทางพิเศษที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองให้กับนักธุรกิจ
2.Connect : การเชื่อมโยง ซึ่งเดิมหมายถึง การส่งเสริมและขยายการเดินทางทางอากาศ การขนส่งทางทะเล และวิธีการทางศุลกากร และบัดนี้ได้เพิ่มการส่งเสริมและกระชับการเชื่อมโยงด้วยระบบเทคโนโลยีการสื่อสารสมัยใหม่ เช่น การเชื่อมโยงและอำนวยความสะดวกการใช้ระบบสื่อสารดิจิทัล เพื่อการทำมาค้าขาย การโอนเงินตรา ไปจนถึงการร่วมกันป้องกันอาชญากรรม (Cyber Security) เป็นต้น
3.Balance : ความสมดุล หรือดุลยภาพ หมายถึงการมีชีวิตและการทำมาค้าขายที่ไปด้วยกับการรักษาและทำนุบำรุงสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ เพื่อบรรเทาปัญหาสภาวะโลกร้อน และการทำลายทรัพยากรทางธรรมชาติ ไปจนถึงการสร้างความสมดุลในแต่ละประเทศ และระหว่างประเทศ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และเพิ่มกระจายความมั่งมีศรีสุข เป็นต้น
ในขณะเดียวกัน รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาก็ได้กล่าวถึงการที่จะนำเสนอปรัชญา หรือหลักเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy) เพื่อเป็นแนวปฏิบัติในการดำรงชีวิต ทั้งในระดับส่วนบุคคล สังคม และระหว่างประเทศ ซึ่งรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังได้เสนอเป้าหมายของการพัฒนาเศรษฐกิจและการร่วมมือระหว่างกันในเรื่อง BCG (Bio-technology, Circular และ Green Economy)อันได้แก่ เศรษฐกิจเทคโนโลยีชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว เพื่อก่อให้เกิดความสมดุลดังกล่าว หรือเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจที่จะลดประเด็นปัญหาของการทำลายสภาพธรรมชาติแวดล้อม เช่น การใช้ชีวภาพแทนเคมีภัณฑ์ต่างๆ การผลิตสินค้า หรือผลิตภัณฑ์ที่หมุนเวียนใช้ได้ หรือเปลี่ยนสภาพการใช้ เพื่อลดมลภาวะและขยะ การลดและขจัดการพึ่งพาพลังงานน้ำมัน ก๊าซ และถ่านหิน ไปสู่พลังงานหมุนเวียนและทดแทนต่างๆ รวมทั้งการผลิตอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้เพื่อการนี้ ซึ่งทั้งหมดนี้ประเด็นเรื่องการค้นคว้าวิจัยนั้นถือเป็นหัวใจสำคัญ
ส่วนความคืบหน้า หรือข้อสรุปต่างๆ ที่ฝ่ายรัฐบาลไทยจะนำเสนอต่อที่ประชุมสุดยอด จะเป็นอย่างไรนั้นก็เป็นภาระหน้าที่ที่ฝ่ายรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จะต้องออกมาให้ข้อมูลและชี้แจงต่อสาธารณชน เพื่อเสริมสร้างความเข้าอกเข้าใจ และการมีส่วนร่วม เมื่อการประชุมสุดยอดสิ้นสุดลง
ข่าวคราวที่ออกมาล่าสุดของการประชุมเอเปกหนนี้ มักจะเน้นหนักไปในเรื่องพิธีการการต้อนรับดูแล การจัดแสดงซึ่งประเพณีวัฒนธรรม และผลิตภัณฑ์พื้นเมือง ซึ่งมีนัยของการส่งเสริม
การท่องเที่ยว แต่อย่าลืมว่าเป้าหมายของเอเปกก็คือ เรื่องการพัฒนาความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ สิ่งที่จะทำให้ฝ่ายไทยได้ประสบความสำเร็จในเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจนั้นควรจะต้องรวมถึงองค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และผลสำเร็จในการโยงใย BCG กับการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปกครั้งนี้ให้ได้ด้วย ก็ถือเป็นเรื่องที่ฝ่ายรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ควรจะให้ความกระจ่างได้อย่างไม่เป็นที่สงสัย
ทั้งนี้ มีข้อสังเกตว่า การประชุมสุดยอดเอเปกนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่างฝ่ายสหรัฐฯ กับจีน ในเรื่องการทำมาค้าขาย การคุกคามของจีนต่อไต้หวัน เช่น การปิดวงล้อมรอบเกาะไต้หวัน ที่จะกระทบต่อการทำมาค้าขายที่เปิดกว้าง สะดวกและเป็นเสรี อีกทั้งสหรัฐฯ ก็มีปัญหากับรัสเซียในเรื่องยูเครนและการคว่ำบาตร ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่สามารถที่จะแยกแยะออกจากเรื่องเอเปกได้ ก็ได้แต่หวังว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาในฐานะเจ้าภาพ ก็จะสามารถอำนวยให้เวทีที่ประชุมสุดยอดผู้นำเอเปก เป็นเวทีที่จะช่วยบรรเทาความตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกา กับจีน และรัสเซียได้
ทั้งนี้ ก็มีข้อคิดเพิ่มเติมว่า คำว่า แปซิฟิกมาจากคำว่า ความสงบสุข สันติสุข และฉะนั้นเอเปกและมหาสมุทรแปซิฟิก ก็ควรจะเป็นเวทีที่จะช่วยเสริมสร้างสันติสุขและสันติภาพให้กับชาวโลกได้
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี