พักนี้เกิดอะไรขึ้นในบ้านเมืองก็ไม่รู้ อยู่ๆ ก็มีการตั้งที่ปรึกษานายกฯกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งคนทั้งหลายก็รู้จักกันดีว่าผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานั้นมีสติปัญญาล้ำเลิศ มีฝีไม้ลายมือที่จะอาศัยเป็นหลักในการบริหารบ้านเมืองได้ยอดเยี่ยมกระเทียมดองเพียงใด
คนบางพวกก็ตั้งข้อสังเกตว่าตำแหน่งที่เรียกว่าที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีนั้น ตามทางราชการมีตำแหน่งที่ปรึกษาประจำนายกรัฐมนตรีจำนวน 5 ตำแหน่ง ที่มีสิทธิ์ได้รับเงินเดือน เบี้ยเลี้ยง และสวัสดิการต่างๆ ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยค่าตอบแทนของตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐ ดังนั้นนอกจาก 5 ตำแหน่งดังกล่าวนี้แล้ว จึงไม่ใช่ตำแหน่งที่ปรึกษาตามทางราชการตามความในพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว แต่จะเป็นอะไรก็ต้องไปถามผู้รู้กันเอาเอง
หลายสิบปีมานี้บ้านเมืองของเรามีธรรมเนียมตั้งที่ปรึกษากันเป็นอันมากไม่ว่าในภาครัฐหรือเอกชน กลายเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ว่าที่ใดมีกิจการงานขนาดใหญ่หรือมีความสำคัญก็ต้องมีการแต่งตั้งที่ปรึกษา แต่จะเป็นที่ปรึกษาหรือที่ปรึกเสียนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ความเป็นผู้นำของรัฐหรือประเทศในอดีต โดยเฉพาะในยุคชุนชิวจ้านกว๋อหรือยุคเลียดก๊กของจีนนั้น บรรดาเจ้าแคว้นหรือผู้ปกครองรัฐต่างแข่งขันวาสนาบารมีในการเป็นผู้นำกันตรงที่การมีที่ปรึกษา ใครมีที่ปรึกษาเป็นยอดคน ผู้คนและแคว้นอื่นก็จะเลื่อมใสศรัทธายอมสยบอยู่ในอำนาจ หรือไม่ก็เป็นพันธมิตร จึงทำให้แคว้นนั้นร่มเย็นเป็นสุขและมีความเจริญรุ่งเรือง
และคตินี้ก็ยังจำเริญมาจนถึงยุคราชวงศ์และปรากฏเรื่องราวโด่งดังมากในยุคสมัยพระเจ้าเล่าปังปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ฮั่น แม้กระทั่งยุคสามก๊ก เมื่อครั้งที่เล่าปี่ออกไปคำนับเชิญขงเบ้ง ออกจากเขาโงลังกั๋งมาช่วยราชการก็เป็นเรื่องราวลือลั่นมาจนถึงทุกวันนี้
ดังนั้นบ้านเมืองใดจะจำเริญรุ่งเรือง มีความมั่นคง สถาพร และผู้นำรัฐใดแคว้นใดจะยิ่งใหญ่มีวาสนาบารมี จึงต้องดูกันที่ที่ปรึกษา เพราะเหตุนี้บรรดาเจ้าแคว้นหรือผู้นำต่างๆ จึงแก่งแย่งแข่งขันกันในการสรรหาเชื้อเชิญปราชญ์มาเป็นที่ปรึกษา
ที่ปรึกษาแบบนี้นี่แหละที่เขาเรียกว่ากุนซือ
เมื่อครั้งที่เล่าปี่ตกยากหนีภัยไปพบสุมาเต๊กโช สุมาเต๊กโชก็ตั้งคำถามว่าท่านก็เป็นเชื้อพระวงศ์ น้ำใจก็มีคุณธรรม โอบอ้อมอารีแก่คนทั้งปวง แต่ไฉนเล่าจึงตกยากลำบากอยู่ถึงขนาดนี้ เล่าปี่ก็ตอบว่าเป็นเพราะข้าพเจ้ามีบุญวาสนาน้อย
สุมาเต๊กโชก็แย้งว่าไม่ใช่ ความจริงท่านไม่มีกุนซือเล่าปี่ก็บอกว่ามีกุนซืออยู่มากมายหลายคน ว่าแล้วก็เอ่ยนามเป็นโขยง สุมาเต๊กโชฟังแล้วก็หัวเราะบอกว่าผู้คนที่เอ่ยนามมานี้เป็นได้อย่างมากก็แค่เสมียน หรือไม่ก็แค่ผู้รับมอบหมายไปไหว้ศาลเจ้าเซ่นผี หรือไปทำการพิธีต่างๆ กล่าวแล้วสุมาเต๊กโชก็แหงนหน้ามองฟ้าแล้วหัวเราะลั่น
เล่าปี่ซึ่งเคยนับถือผู้คนที่เอ่ยนามว่าเป็นกุนซือ ครั้นถูกสุมาเต๊กโชแย้งก็เห็นคล้อยตาม จึงถามว่าผู้ที่จะเป็นกุนซือนั้นจะต้องเป็นคนแบบไหน สุมาเต๊กโชก็ว่าผู้ใดจะเป็นกุนซือจะต้องแจ้งในวิชาทั้งสี่ และนิติทั้งสาม จึงจะปราบปรามได้ทั้งสิบทิศ สามารถสร้างสันติภาพสันติสุขให้แก่บ้านเมือง
สุมาเต๊กโชได้กล่าวต่อไปว่าวิชาทั้งสี่ที่ผู้เป็นกุนซือต้องรู้กระจ่างคือ
วิชาพิชัยสงคราม สำหรับสร้างแสนยานุภาพกำราบปราบปรามอริราชศัตรูและป้องกันขอบขัณฑสีมา
วิชาหมากล้อม สำหรับคิดอ่านวางแผนการทั้งปวงของแผ่นดิน ก็จะเป็นทางแห่งความถ่องแท้ล่วงรู้ความคิดอ่านของคู่ปรปักษ์ทั้งหลายไม่เพลี่ยงพล้ำ รู้วิธีกิน กัน กล แก้ จึงสามารถป้องกันรุกรบได้ดังใจ
วิชาธรรมะ สำหรับล่วงรู้ความรู้สึกนึกคิดของอาณาประชาราษฎร์ รู้การอันเป็นไปในโลกว่าการใดถูก การใดผิด การใดเป็นที่นิยม การใดเป็นที่ต่อต้าน จึงสามารถจำเริญธรรมะมาครองใจประชาราษฎร์ได้
วิชาดาราศาสตร์ โหราศาสตร์ หรืออี้จิง สำหรับล่วงรู้การอันเป็นไปในดินฟ้าอากาศ ฤดูกาล ความอุดมสมบูรณ์ ความแห้งแล้งร้อนหนาว และภัยอันเบียดเบียน การปลูกพืชผลของราษฎร
สุมาเต๊กโชกล่าวต่อไปว่า นอกจากวิชาทั้งสี่แล้ว ผู้เป็นกุนซือยังต้องกระจ่างแจ้งในนิติทั้งสามคือ
โลกนิติ คือ กฎความเป็นไปของโลก ทั้งกฎธรรมชาติและสังคมรวมหมู่อยู่กินกันของมวลมนุษย์ ที่กำหนดว่าสิ่งใดควร สิ่งใดไม่ควร สิ่งที่ควรย่อมสอดคล้องกับวิถีแห่งฟ้า สิ่งที่ไม่ควรย่อมฝืนวิถีแห่งฟ้าเป็นที่มาแห่งมงคลและอัปมงคลทั้งปวง
ธรรมนิติ คือ กฎแห่งความเป็นจริงของธรรมชาติ ที่มีความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป มีความเปลี่ยนแปลงไปอยู่ทุกกาล ไม่มีสิ่งใดจีรังยั่งยืน ผู้รู้จริงจึงรู้กาลข้างหน้าจากกฎแห่งความเปลี่ยนแปลงแห่งธรรมนิตินี้ จึงสามารถป้องกันระวังตน และเสริมสร้างพร้อมที่จะรับความดีความงามทั้งหลายได้ทันท่วงที
ราชนิติ คือ บทกฎหมายพระอัยการทั้งหลายที่มนุษย์หรือผู้นำได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นกฎเกณฑ์กติกาให้ราษฎรได้ประพฤติปฏิบัติ และเป็นกฎเกณฑ์กติกาให้รู้ว่าบ้านเมืองมีหลักการปกครองอย่างไร การใดทำได้ การใดทำไม่ได้ และต้องทำหรือไม่ทำอย่างไร
ใครก็ตามจะใช้ชื่อตำแหน่งที่ปรึกษาหรือตำแหน่งใดๆ ก็ตาม หากไม่รู้ในวิชาทั้งสี่ นิติทั้งสามนี้แล้วก็หาใช่ที่ปรึกษาหรือกุนซือไม่ จะเป็นได้อย่างมากก็ที่ปรึกเสีย ถ้ากรณีเป็นเรื่องวิ่งเต้นเข้าหาเพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งที่ปรึกษาด้วยแล้วก็เป็นยิ่งกว่าที่ปรึกเสียและเป็นได้อย่างมากก็แค่เสี่ยวเอ้อ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี