นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เคยบริจาคเงินหลายก้อน มูลค่ามหาศาล ให้แก่พระธัมมชโย และวัดพระธรรมกาย
ถึงขนาดเคยเป็นประธานงานระดมทุนทำบุญก่อสร้างอาคารใหญ่โตของวัด
ซึ่งตามแนวทางลัทธินี้ นายศุภชัยควรอยู่ในระดับได้ขึ้นสวรรค์ อาจจะถึงชั้นดุสิต หรือดาวดึงส์
1. ปัจจุบัน นายศุภชัย ยังคงรับโทษจำคุกอยู่ในเรือนจำ
ยังมีคดีติดตัวอีกหลายคดี
2. อดีตพระธัมมชโยยังคงหลบหนีหมายจับของศาล ในคดีร่วมกับนายศุภชัยฟอกเงิน รับของโจร
ยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ ยังไม่ถูกพิพากษาความผิด แต่หลบหนีคดี หนีหมายจับ
3. คดีอาญาฐานร่วมกันฟอกเงิน รับของโจรยังอยู่ในกระบวนการพิจารณาในชั้นศาล
ยังไม่มีคำพิพากษา
จำเลยที่สู้คดีอยู่ คือ นายศุภชัย และเจ้าหน้าที่สหกรณ์
ส่วนที่หนีคดี ได้แก่ อดีตพระธัมมชโย และลูกศิษย์อีกคน
4. นายศุภชัย อดีตผู้บริหารสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น อดีตไวยาวัจกรวัดพระธรรมกาย ถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุก ตามคดีหมายเลขดำที่ อ.1739/2558 (คนละคดีกับคดีร่วมกันฟอกเงินกับธัมมชโย) ฐานยักยอกทรัพย์ สั่งให้เจ้าหน้าที่ทำการเบิกจ่ายเงินของสหกรณ์ฯหลายครั้ง เป็นเงินยี่สิบกว่าล้านบาท เข้าบัญชีของนายศุภชัยหรือบุคคลที่ 3 โดยทุจริต ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้จำคุกจำเลย 7 ปี คดีถึงที่สุดแล้ว
ถึงวันนี้ นายศุภชัยรับโทษคดีนี้ครบแล้ว (แต่ยังอยู่ในคุกเพราะคดีอื่น)
5. นายอนันต์ อัศวโภคิน เจ้าสัวธรรมกายผู้เคยมีบทบาทสำคัญในโครงการก่อสร้างทั้งหลายในมหาอาณาจักรธรรมกาย การระดมเงินบริจาคเข้าธรรมกาย และเคยต้องคดีฟอกเงินที่ดีเอสไอสอบสวนด้วย
ปัจจุบัน ทราบว่า คดีที่เคยถูกสอบสวนไปไม่ถึงศาล ถูกสั่งไม่ฟ้องไปแล้ว โดยไม่มีการอธิบายชี้แจงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อสาธารณชน
ทั้งๆ ที่ คดีที่ ปปง.ตามยึดอายัดทรัพย์สินทั้งที่ดินที่เกี่ยวกับลูกสาว และอาคารโรงพยาบาล ศาลแพ่งล้วนพิพากษาตามที่ฝ่าย ปปง.ร้องขอ
6. นายศุภชัย เป็นอดีตไวยาวัจกร วัดพระธรรมกาย สนิทกับอดีตพระธัมมชโย
การโกงสหกรณ์คลองจั่น มีทรัพย์สินถูกผ่องถ่ายออกไป ทำให้ ปปง.เข้ามาสอบสวนเส้นทางเงิน และอายัดทรัพย์ไว้หลายรายการ ก่อนจะนำไปฟ้องศาลแพ่ง เพื่อให้ทรัพย์นั้นตกเป็นของแผ่นดิน หรือคืนแก่สหกรณ์คลองจั่นแล้วแต่กรณี ปรากฏว่า เมื่อไปถึงชั้นศาลแพ่ง ศาลพิพากษาให้คืนทรัพย์สินหรือชดใช้เงินแก่สหกรณ์คลองจั่นฯ ทุกคดี
พูดง่ายๆ เป็นไปตามที่ฝ่าย ปปง.ตามยึดอายัดไว้
ไม่ว่าจะเป็น กรณีเงินในบัญชีเงินฝากชื่อวัดและมูลนิธิเครือธรรมกาย 58 ล้าน, กรณีอาคารที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมเวิลด์พีช วัลเล่ย์ เขาใหญ่,กรณีที่ดินและอาคารบุญรักษา (พันกับลูกสาวเจ้าสัวธรรมกาย) ฯลฯ
รวมมูลค่าที่ศาลแพ่งพิพากษาเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ ปปง.ยึดไว้ ให้คืนแก่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำนวน 1,411 ล้านบาท (คดียังไม่ถึงที่สุด) ตามตาราง
และยังมีทรัพย์สินอีกหลายรายการ เช่น อาคารลูกโลก, อาคารมหารัตนวิหารคต, ที่ดินใกล้ๆ วัดพระธรรมกายอีกหลายแปลง ฯลฯ ที่ให้รอผลการพิจารณาคดีหลัก คือ คดี อ.3339/2559 ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน (ดีเอสไอ 63/2557) และคดี อ.3056/2560 ความผิดฐานลักทรัพย์นายจ้าง
7. คดีหลักของกรณีโกงสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่ปรากฏว่ามีการผ่องถ่ายเงินออกไปจากสหกรณ์นับหมื่นล้านบาท กระทั่งสหกรณ์ขาดทุนล่มจม ประสบปัญหาทางการเงิน สมาชิกหลายหมื่นคนเดือดร้อนแสนสาหัส กระทบต่อเนื่องไปยังสหกรณ์เจ้าหนี้อีกนับร้อยแห่ง ต้องเข้าแผนฟื้นฟูกิจการ มีหนี้สินเงินฝาก 17,000 ล้าน (ล่าสุด ชำระคืนไปบางส่วนแล้ว)
คดีหลัก คือ คดีที่ดีเอสไอสอบสวนดำเนินคดีมาก่อนหน้านี้ ได้แก่ คดี อ.3339/2559 ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน (ดีเอสไอ 63/2557) มูลค่าความเสียหายหลายพันล้าน และคดี อ.3056/2560 ความผิดฐานลักทรัพย์นายจ้าง (ดีเอสไอ 146/2556) มูลค่าความเสียหายนับหมื่นล้านบาท
คดีเหล่านี้ ดีเอสไอสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานมากมาย ตั้งแต่ช่วงสมัยที่มีพลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา เป็นรัฐมนตรียุติธรรม (ปัจจุบันเป็นองคมนตรี)
คดีหลักถูกยื่นฟ้องเข้าไปในชั้นศาล มีพยานหลักฐานมากมาย จึงใช้เวลาพิจารณายาวนาน
แต่มาเป็นที่ฮือฮาก่อนหน้านี้ เมื่อเมื่อวันพุธที่ 30 มิถุนายน 2564 ศาลอาญา (ศาลชั้นต้น) พิพากษายกฟ้อง เหตุเพราะ “ฟ้องซ้ำ”
โดยระบุว่า ฟ้องซ้ำกับคดีที่ศาลอาญาพิพากษาไปเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2563 ได้แก่ คดีที่มี น.ส.นวลฉวี กับพวกรวม 410 ราย เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง และคดีที่มีนายไพบูลย์ นิติตะวัน ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ ซึ่งคดีเหล่านั้น ศาลเคยพิพากษาชี้ว่า โจทก์ไม่ได้นำพยานหลักฐานมาแสดงเรื่องการขาดทุน และไม่นำผู้ตรวจบัญชีมาเบิกความถึงข้อบกพร่อง ฯลฯ พิพากษายกฟ้อง (ฝ่ายโจทก์นำสอบปากคำพยานเพียงไม่กี่ปาก ก่อนมีคำพิพากษาเมื่อปี’63)
ลำดับให้เห็นภาพง่ายๆ คือ
“คดีหลัก” ยังอยู่ในศาล
แต่มี “คดีหลวม” ฟ้องตามเข้ามา สอบปากคำพยานไม่กี่ปาก ปี’63 มีคำพิพากษาให้ยกฟ้อง เพราะฝ่ายโจทก์สอบพยานไม่กี่ปาก
“คดีหลัก” สอบปากคำพยานหลักฐานมากมาย ปี’64 ศาลอาญาชั้นต้นชี้ว่าแพ้ฟาวล์ ฟ้องซ้ำกับ “คดีหลวม”
ล่าสุด ปี’66 ศาลอุทธรณ์พิพากษา “คดีหลัก” ว่าไม่เป็นการฟ้องซ้ำ และลงโทษจำคุกจำเลย
สรุปว่า ศาลและอัยการ รู้ทัน!!!!
8. ผลของ “คดีหลัก” มีความสำคัญมาก เพราะคดีแพ่งฟอกเงินหลายๆ คดี รอผลคดีหลัก
ยังไม่นับคดีอาญาฐานฟอกเงินอีกหลายคดี ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ คดีที่อดีตพระธัมมชโยตกเป็นผู้ต้องหาแล้วหลบหนีอยู่ในขณะนี้ด้วย
9. คดีพลิกกลับมาลงโทษศุภชัย สะเทือนสวรรค์ชั้นดุสิตของใครต่อใคร
มหากาพย์คดีโกงสหกรณ์คลองจั่น ยังไม่จบ เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2566 ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีนายศุภชัย อดีตประธานฯ กับพวก โกงสหกรณ์ยูเนี่ยนคลองจั่นฯ ความผิดฐานร่วมกัน ฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันลักทรัพย์นายจ้าง, ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม (คดีหลัก)
คดีนี้ ศาลชั้นต้นเคยพิพากษายกฟ้อง โดยวินิจฉัยว่าเป็นการฟ้องซ้ำ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ วินิจฉัยว่าไม่เป็นฟ้องซ้ำและพิพากษาว่า นายศุภชัยมีความผิด ลงโทษจำคุกรวม 765 ปี !!!
ในส่วนของนายศุภชัย (จำเลยที่1) ผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม ให้ลงโทษฐานร่วมกันใช้เอกสารสิทธิปลอม กระทงละ 2 ปี 22 กระทง เป็นจำคุก 44 ปี
ความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์นายจ้าง จำคุกนายศุภชัย กระทงละ 1 ปี 721 กระทง เป็นจำคุก 721 ปี
เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงจำคุก มีกำหนด 20 ปีตามกฎหมายอาญา 91 (2)
ให้นับโทษของจำเลยที่ 1 (นายศุภชัย) ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 706/2559 ของศาลชั้นต้น และให้คืนเงินจำนวน 10,812,663,995.29 บาท แก่โจทก์ร่วม
ในส่วนของจำเลยคนอื่นๆ จำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 11 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 265 (เดิม), 268 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,265 (เดิม) ส่วนจำเลยที่ 7 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335 (7 ) (11) วรรคสอง (เดิม) ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91
10. ขอชื่นชมศาลยุติธรรมและทนายแผ่นดิน อัยการผู้ทำหน้าที่รับผิดชอบในการอุทธรณ์ต่อสู้คดีนี้ จนพลิกกับมาเอาผิดฝ่ายจำเลยได้
คือ ท่านอัยการอาวุโส นายมนต์ชัย บ่อทรัพย์ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลสูง 4 สำนักงานคดีศาลสูง
อย่างไรก็ตาม คดียังไม่ถึงที่สุด คงต้องติดตามต่อในชั้นศาลฎีกาต่อไป
ที่แน่ๆเมื่อคดีหลักพลิกเป็นว่ามีความผิด ก็คงสะเทือนถึงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และดุสิตของใครบางคน?
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี