หลายวันมานี้สื่อตะวันตกพากันถล่ม นายนเรทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย กล่าวหาว่าเป็นผู้นำรัฐบาลขวาจัด ใช้อำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เล่นงานปิดกั้นสารคดีสำนักข่าวบีบีซี ไม่ให้ฉาย ไม่ให้แพร่หลายบนสื่อออนไลน์ในประเทศอินเดีย บัญชีทวิตเตอร์ที่เชื่อมต่อกับสารคดีเจ้าปัญหาถูกปิดไปแล้วอย่างน้อย50 บัญชี
อย่างไรก็ตาม นักศึกษาบางกลุ่มและอาจารย์หัวก้าวหน้า อัปโหลดสารคดีของบีบีซีไปฉายในสำนักงานสหภาพนักศึกษาบางมหาวิทยาลัยถูกปิดไฟตัดสัญญาณอินเตอร์เนต บางมหาวิทยาลัยที่แอบฉายสารคดีบีบีซีชิ้นนี้ถูกมวลชนปิดล้อมขว้างปาด้วยก้อนหินใส่
สื่อตะวันตกเกือบทุกสำนักเสนอข่าวในทำนองเดียวกันกล่าวหารัฐบาลของนายโมดีว่าใช้อำนาจเกินเหตุ ปิดกั้นข่าวสารที่เป็นลบแก่รัฐบาลผู้เขียนเคยทำงาน กับ สำนักข่าวต่างประเทศหลายสิบปีในกรณีนี้ ขอยกนิ้วโป้งสองข้างให้นายกฯอินเดีย เพราะสื่อตะวันตกมักเสนอข่าวที่มีวาระซ่อนเร้นมีอคติ และเอ็นจีโอที่รับเงินต่างชาติมาสร้างความปั่นป่วนทำลายความมั่นคงภายในจำเป็นต้องใช้ไม้แข็งจัดการสื่อดัดสันดานเอ็นจีโออย่างนายกฯโมดี รัฐบาลไทยควรเอาอย่างให้ถือคติไม่กลัวสื่อฝรั่งไม่หงอเอ็นจีโอ ที่รับเงินต่างชาติมาทำลายความมั่นคงภายใน และไม่ปล่อยให้สื่อตะวันตกสมคบกับเอ็นจีโอโจมตีสถาบันหลักของชาติอยู่อย่างทุกวันนี้
สำนักข่าวบีบีซีภาษาไทย ในปี 2560 เคยเสนอพระราชประวัติ รัชกาลที่ 10 อย่างไม่เป็นทางการอันมิบังควร บีบีซีปะติดปะต่อข่าวลือ จากที่นั่นนิดที่นี่หน่อยแล้วมาเขียนเป็นพระราชประวัติ โจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์โดยไม่มีหลักฐานในเชิงประจักษ์หรือมีข้อมูลที่ตรวจสอบไม่ได้มาแพร่หลายใส่ร้ายสถาบันฯ คอลัมน์นี้ไม่เห็นรัฐบาลไทยทำอะไรกับบีบีซี จน บก.ข่าวบีบีซีภาษาไทย เหมือนตุ๊กแกกินปูนร้อนท้อง หนีไปอยู่อังกฤษห้าปี เวลานี้ได้ข่าวว่ากลับมาประเทศไทยแล้ว แต่เก็บตัวเงียบผลุบๆ โผล่ๆอยู่แถวมณียาที่ตั้งของ สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศหรือ FCCT
ปี 2564 สำนักข่าวบีบีซี เสนอสารคดีบนสถานีทีวีบีบีซีช่องสอง สารคดีชื่อว่า The Princes & The Press เป็นสารคดีเรื่องราวความขัดแย้ง ระหว่างเจ้าชายวิลเลี่ยม กับ เจ้าชายแฮร์รี่ ที่ ใช้สื่อในสังกัดใส่ร้ายกันและพาลพาดพิงไปถึงเจ้าหญิงไดอาน่าอย่างมิบังควร จนราชวงศ์ชั้นสูงของอังกฤษทรงพระพิโรธคว่ำบาตรไม่ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวบีบีซี ไม่ให้ความร่วมมือใดๆ ในการเสนอข่าวเกี่ยวกับพระราชสำนัก
แต่สื่อตะวันตก และเอ็นจีโอทำซ่ากับนายโมดีไม่ได้ ตัวอย่างมีแล้วในปี 2563 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ต้องปิดสำนักงานในอินเดีย หลังบัญชีธนาคารถูกสั่งระงับและสำนักงานถูกบุกค้น รัฐบาลโมดีอ้างว่าแอมเนสตี้ละเมิดกฎเกณฑ์การรับเงินบริจาคจากต่างประเทศการกระทำนี้มีขึ้นหลังแอมเนสตี้วิพากษ์วิจารณ์ต่อนโยบายที่เลือกปฏิบัติต่อชาวมุสลิม
สื่อตะวันตกมักเสนอข่าวสร้างความแตกแยกโดยปลุกปั่นเรื่องสิทธิมนุษย์ ความเท่าเทียมทางเพศ ความขัดแย้งทางศาสนา ล่าสุด สำนักข่าวบีบีทำสารคดี 59 นาที โดยทำเป็นสารคดีสองตอนในเชิงสืบสวนสอบสวนและตั้งชื่อเป็นปริศนาว่า “นายโมดี ทำอะไรในปี 2545” หัวข้อบอกเป็นนัยว่า สารคดีชิ้นนี้มุ่งโจมตีนายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดียโดยตรง
สำนักข่าว อัล-จาซีรา รายงานว่า “รัฐบาลขวาจัดของนายโมดี ใช้อำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉินปิดกั้นห้ามไม่ให้สารคดีของบีบีซี ซึ่งเป็นสารคดีที่มีคำถามถึงบทบาท นายนเรนทรา โมดี เมื่อครั้งที่เป็นมุขมนตรีรัฐกุชราต ขณะที่เกิดจลาจลศาสนาในปี 2545 ออกฉายหรือแพร่หลายในออนไลน์ เนื่องจากเป็นสารคดีที่รัฐบาลอินเดีย ถือเป็นโฆษณาชวน เชื่อโจมตีทำลายนายโมดี รัฐบาลจึงสั่งปิดบัญชีทวิตเตอร์กว่าห้าสิบบัญชีที่เชื่อมกับสารคดีในขณะที่ยูทูบได้รับคำสั่งให้ปิดกั้นการอัปโหลดวีดีโอเกี่ยวกับสารคดีชิ้นนี้
การฉายสารคดีของบีบีซีในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เมื่อวันอังคาร 24 มกราคม 2566 ถูกตัดไฟ ตัดสัญญาณอินเตอร์เนตในสำนักงานสหภาพนักศึกษา ซึ่งเป็นผู้จัดการฉายสารคดีบีบีซี สื่ออินเดียรายงานว่ามีคนระดมปาก้อนหินเข้าไปขณะที่นักศึกษากำลังชมสารคดี การขัดขวางในทำนองเดียวกันเกิดขึ้นหลายภูมิภาคในประเทศอินเดีย ในขณะที่สื่อมวลชน พรรคฝ่ายค้านและนักกิจกรรมทางการเมืองยังคงแชร์สารคดีทางสื่อสังคมท้าทายคำสั่งรัฐบาล
สารคดีบีบีซี ตั้งคำถามว่า เกิดอะไรขึ้นในกุชราต ปี 2545 ปลายปี 2544 นายโมดีได้รับการแต่งตั้งให้เป็นมุขมนตรีรัฐกุชราต เพื่อมาแก้ปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคภราติยะ ชนะตะ (BJP) เป็นพรรคขวาจัดที่มีเป้าหมายจัดตั้งรัฐฮินดู ในประเทศที่มีมุสลิมเป็นส่วนน้อย 200 ล้านคน ต้องเป็นพลเมืองชั้นสอง
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2545 รถไฟที่มีนักแสวงบุญชาวฮินดู เดินทางกลับจากแสงบุญเมืองอโยธยารัฐอุตตรประเทศ เกิดไฟไหม้ขบวนรถไฟ ทำให้ชาวฮินดูตาย 59 ศพ รัฐบาลรัฐคุชราต นำโดยนายโมดี เชื่อว่าคนขายสินค้าที่สถานีโฆตห์ยา เป็นคนวางเพลิงรถไฟ แต่รายงานการสอบสวนรัฐบาลกลางว่าสรุปว่าเป็นอุบัติเหตุ
ไม่นานหลังจากข่าวไฟไหม้ขบวนรถไฟแพร่กระจายออกไป ม็อบชาวฮินดู ลุกฮือขึ้นมาอาละวาดลุยทำร้ายฆ่าฟันมุสลิมเพื่อนบ้านทั่วรัฐคุชราต เป็นเหตุให้คนตาย 2,000 กว่าศพ ส่วนใหญ่คนตายเป็นมุสลิม สารคดีของบีบีซี บรรยายด้วยว่าผู้หญิงจำนวนมากถูกข่มขืนซึ่งกลายเป็นการสังหารหมู่ทางศาสนาที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์อินเดีย คุชราต กลายเป็นรัฐแบ่งขั้วทางศาสนา
บีบีซีรายงานต่อไปว่านักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวอังกฤษ ตัดความสัมพันธ์กับนายโมดีในขณะที่อเมริกา ไม่ออกวีซ่าให้นายโมดีเข้าประเทศ แต่อย่างไรตามความหายนะครานั้นทำให้นายโมดีกลายเป็นขวัญใจของคนฮินดู สถานะของเขาสูงขึ้นในพรรค BJP เขายังคงปกครองคุชราตต่อไปจนถึงปี 2557 เป็นปีที่เขาย้ายมาเดลี ในฐานะนายกรัฐมนตรีคนที่ 15 ของอินเดีย
ในสารคดี 59 นาที บีบีซีกล่าว หาว่า นายโมดี ในฐานะมุขมนตรีรัฐคุชราต สั่งให้ตำรวจทำเป็นไม่เห็นการก่อจลาจลปล่อยให้ฆ่าฟันกันอยู่หลายวัน สารคดีบีบีซี อ้างถึงเอกสารลับว่านายโมดีพบกับผู้บัญชาการตำรวจออกคำสั่งไม่ให้ตำรวจยับยั้ง การโจมตีมุสลิมโดยอ้างว่า จลาจลเป็นแรงจูงใจทางการเมืองที่มีเป้าหมายกวาดล้างมุสลิม การจลาจลสร้างขึ้นโดยรัฐบาล...โมดีเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง บีบีซีรายงาน
บีบีซีออกแถลงการณ์ หลังจากถูกสั่งแบนว่า“สารคดีทำการวิจัยค้นคว้าตามมาตรฐานของบรรณาธิการชั้นสูง สารคดีได้รับการตรวจสอบความตึงเครียดระหว่างฮินดูคนส่วนใหญ่กับมุสลิมคนส่วนน้อยนี้เป็นแหล่งที่มาของสารคดีซึ่งได้รับความสนใจจากคนอินเดียทั่วโลก เราให้สิทธิรัฐบาลอินเดียที่จะตอบคำถาม” บีบีซีเคยออกแถลงการณ์ถึงมาตรฐานสูงของกองบรรณาธิการ และการตรวจสอบของ บก. เมื่อคราวที่ราชวงศ์ชั้นสูงของอังกฤษประกาศคว่ำบาตรบีบีซี แต่สำนักข่าวที่มีอคติและมีวาระซ่อนเร้นแห่งนี้ไม่เคยออกแถลงการณ์ หรือขอพระราชทานอภัยโทษใดๆต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย
คอลัมน์นี้จึงถือว่าบีบีซี มีอคติ และมีวาระซ่อนเร้น ที่ทำสารคดีเรื่องจลาจลทางศาสนา ซึ่งเกิดตั้งแต่ปี 2545 แต่ขุดคุ้ยเรื่องนี้ขึ้นมาในห้วงเวลา
ที่รัฐบาลอินเดียใกล้ชิดกับรัสเซียมากขึ้น ขณะที่อังกฤษถือหางเข้าข้างยูเครนสุดตัว ซึ่งก็เหมือนกับที่บีบีซีทำสารคดีเรื่อง The Prince & The press ในห้วงเวลาที่เจ้าชายแฮร์รี่กับเจ้าชายวิลเลี่ยมกำลังระหองระแหงกันและเจ้าชายแฮร์รี่กำลังจะย้ายไปอยู่สหรัฐฯกับพระชายานักแสดงชาวอเมริกัน และก็เหมือนกับที่บีบีซีภาษาไทยเสนอราชประวัติรัชกาลที่ 10 อันมิบังควรในห้วงเวลาที่คนไทยกำลังโศกเศร้าและสามกีบกำลังโหมโจมตีสถาบัน
การเสนอรายงานพิเศษของ บีบีซี มักมีวาระซ่อนเร้นและฉวยโอกาสโจมตีบุคคล และสถาบันเมื่อจังหวะโอกาสเปิดให้ หาก บีบีซี ต้องการเสนอสารคดีที่ย้อนประวัติศาสตร์เลวร้าย ทำไมบีบีซี ไม่เสนอสารคดีเรื่องที่อังกฤษปล้นพระราชอำนาจและพระราชทรัพย์ของพระเจ้าธีบอและพระนางเจ้าศุภยาลัต เนรเทศพระเจ้าธีบอ และครอบครัวไปอยู่ในเมืองรัตนคีรี ในปี 2428 จน พระเจ้าธีบอสิ้นพระชนม์ถึงวันนี้พระศพของพระเจ้าธีบอยังไม่ได้กลับพม่าที่สำคัญบีบีซีไม่เคยทำสารคดีที่อังกฤษทำให้ลูกหลานเหลนของพระเจ้าธีบอบางคนต้องกลายเป็นจัณฑาลขอทานเลี้ยงชีพในอินเดีย
จึงมีความชอบธรรมทุกประการที่นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี แบนสารคดีที่มีวาระซ่อนเร้น และเป้าหมายทำให้ความขัดแย้งทางศาสนาในประเทศอินเดียรุนแรงขึ้นไปอีก
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี