นักวิเคราะห์การเมืองชาวพม่ากล่าวว่าประชาคมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน ตีไพ่โง่ที่กีดกันรัฐบาลทหารพม่าออกจากอาเซียน และรณรงค์ให้ประชาคมโลกรับรองรัฐบาลเงาฝ่ายนางออง ซาน ซู จีเป็นรัฐบาลพม่าถูกต้องตามกฎหมาย
“ผมเศร้าใจมากที่เห็นฝ่ายต่อต้านการยึดอำนาจลิงโลดดีใจที่รัฐสภาสหรัฐผ่านกฎหมายให้รัฐบาลวอชิงตันช่วยเหลือรัฐบาลสามัคคีแห่งชาติและฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารพม่า” แหล่งข่าวผู้คุ้นเคยกับการเมืองในพม่ากล่าวกับแนวหน้า ว่า รัฐสภาสหรัฐได้ผ่านกฎหมายให้รัฐบาลวอชิงตันสนับสนุนรัฐบาลสามัคคีแห่งชาติ (National Unity Government=NUG) ซึ่งเป็นรัฐบาลเงาฝ่ายนางออง ซาน ซู จี และผ่านกฎหมายอนุญาตให้สนับสนุนฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารตลอดถึงการสนับสนุนให้กลุ่มติดอาวุธต่อต้านรัฐบาล พลเอกมิน อ่อง หล่าย ให้การช่วยเหลือ และสนับสนุนกองกำลังติดอาวุธกลุ่มชาติพันธุ์ ที่ร่วมมือในการต่อต้านรัฐบาลทหาร กฎหมายฉบับใหม่ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 จนสิ้นเดือนธันวาคม 2570 แหล่งข่าวไม่ได้ให้รายละเอียดว่ากฎหมายที่ผ่านรัฐสภาสหรัฐให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมช่วยเหลืออาวุธหรือปัจจัย
“ไม่ว่าสหรัฐให้ความช่วยเหลือด้านไหนมันเป็นสัญญาณบอกว่าสหรัฐชักนำพม่าเข้าสู่ความหายนะเหมือนยูเครน” แหล่งข่าวกล่าวและเสริมว่า ปีนี้อินโดนีเซีย เป็นประธานหมุนเวียนอาเซียน ความก้าวร้าวของอินโดนีเซีย จะเป็นแรงผลักดันให้รัฐบาลพม่าหันไปคบค้ากับฝ่ายตรงข้ามอเมริกามากขึ้น ตั้งแต่ พลเอกมิน อ่อง หล่าย ยึดอำนาจเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ตะวันตกนำโดยสหรัฐฯคว่ำบาตรรัฐบาลทหารพม่า ทำให้พลเอกมิน อ่อง หล่าย หันไปหาจีนมากขึ้น และเมื่ออาเซียนกีดกันไม่ให้รัฐบาลทหารพม่าเข้าร่วมประชุมยิ่งผลักดันให้พลเอกมิน อ่อง หล่ายหันไปหาพันธมิตรใหม่และส่วนใหญ่เป็นฝ่ายตรงข้ามวอชิงตัน
“วันนี้จีน รัสเซีย ปากีสถาน บังกลาเทศ อินเดีย เกาหลีเหนือ ฯลฯ ต่างก็เสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ ค้าขายกับพม่าตลอดถึงความสัมพันธ์ทางทหาร และความมั่นคง” แหล่งข่าวกล่าวว่าแค่จีน รัสเซีย อินเดีย ปากีสถานรวมกันก็เกินครึ่งของโลกแล้ว จึงพูดได้ว่าพลเอกมิน อ่อง หล่าย เหนือชั้นกว่าอาเซียนหลายเท่า”
จีนมีชายแดนติดกับตอนเหนือของพม่า จีนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกฝ่ายทั้งกับพลเอกมิน อ่องหล่าย ฝ่ายนางออง ซาน ซู จี ตลอดถึงมีความสัมพันธ์กับกลุ่มชาติพันธุ์หลากหลายที่อยู่ใกล้ชายแดนจีน-พม่าและจีนค้าขายกับทุกฝ่ายทั้งกับรัฐบาลทหารพม่าและกลุ่มชาติพันธุ์ว้า เมื่อพลเอกมิน อ่อง หล่าย ยึดอำนาจ จีนให้คำนิยามว่า พม่าปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่ จีนไม่ประณาม พลเอกมิน อ่อง หล่าย และได้เชิญตัวแทนพรรคเอ็นแอลดีไปเยือนปักกิ่ง
รัสเซียซึ่งเป็นพันธมิตรกับ พลเอกมิน อ่อง หล่าย และเป็นประเทศขายอาวุธรายใหญ่ให้กองทัพพม่า สำนักข่าวนิวไลฟ์ ออฟ เมียนมา รายงานเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2565ว่า ประธานาธิบดี วลาดีมีร์ ปูติน ได้พบปะเจรจากับ พลเอกมิน อ่อง หล่าย นอกรอบการประชุมเศรษฐกิจภูมิภาคตะวันออก ครั้งที่ 7 ที่เมืองวลาดิวอสตอค นับเป็น
สัญญาณบ่งชี้ถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ระหว่างสองประเทศที่ถูกคว่ำบาตรจากประชาคมโลก ผู้นำทั้งสองได้เจรจากันถึงความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ทางทหาร และต่อมามีรายงานข่าวว่า รัสเซียมีแผนการสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ในประเทศเมียนมา
อินเดีย ซึ่งมีปัญหาเขตแดนกับจีนแถบเทือกเขาหิมาลัย แต่อินเดียก็กระชับความสัมพันธ์เศรษฐกิจการค้ากับรัฐบาล พลเอกมิน อ่อง หล่าย ปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมารัฐมนตรีต่างประเทศอินเดีย นาย Vinay Kwatra เดินทางไปเยือนพม่าเพื่อกระชับความสัมพันธ์การค้านาย Vinay ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า “ความสัมพันธ์เศรษฐกิจ สังคมอินเดีย-พม่าเป็นเรื่องสำคัญกว่าวิกฤตการเมืองภายใน (พม่า)”
คำพูดของนาย Vinay สร้างความเดือดดาลให้นางเรตโน มาร์ซูดี รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งอินโดนีเซียจะรับตำแหน่งประธานหมุนเวียนอาเซียนตั้งแต่ 1 มกราคม 2566 นางมาร์ซูดี ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอินดูว่า “ขอเตือนรัฐมนตรีต่างประเทศอินเดียว่า มีความสัมพันธ์กับรัฐบาลทหารพม่าจะทำให้การปฏิบัติตามฉันทามติห้าข้อของอาเซียนเลวร้ายลงไป ขอย้ำว่าฉันทามติห้าข้อคือ 1.ให้ทุกฝ่ายในพม่ายุติความรุนแรงทันที และให้ทุกฝ่ายในพม่าแสวงหาแนวทางการเจรจาอย่างสันติเพื่อประโยชน์ของชาวพม่าทั้งมวล...สารของหุ้นส่วนอาเซียนชัดเจนกรุณาสนับสนุนอาเซียน หากคุณทำตรงกันข้ามจะส่งผลให้การปฏิบัติตามฉันทามติห้าข้อเลวร้ายลงไป..” ส่วนหนึ่งของคำสัมภาษณ์นางมาร์ซูดีที่ส่งสารไปถึงอินเดีย
นางมาร์ซูดี ก็เหมือนกับผู้รับข่าวสารทั่วไปในประเทศตะวันตกที่ฟังความข้างเดียว นางมาร์ซูดี เชื่ออย่างสนิทใจตามโฆษณาชวนเชื่อตะวันตกโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
อเมริกาที่กล่าวหาใส่ร้ายรัฐบาลทหารฝ่ายเดียว หากอาเซียนและตะวันตกไม่มีอคติติดตามข้อมูลรอบด้าน จะพบว่า ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารพม่าคือผู้ขัดขวางฉันทามติห้าข้ออาเซียน กล่าวคือเมื่อสมาชิกอาเซียนสิบประเทศรวมทั้งพลเอกมิน อ่อง หล่าย มีฉันทามติห้าข้อออกมา เมื่อเดือนเมษายน 2564
พลเอกมิน อ่อง หล่าย กลับจากประชุมในกรุงจาการ์ตาถึงประเทศเมียนมาก็ประกาศหยุดยิงทั่วประเทศ ทันทีจนถึงเดือนธันวาคม หนึ่งอาทิตย์หลังจากรัฐบาลประกาศหยุดยิงฝ่ายเดียวพรรคเอ็นแอลดี ก็ประกาศปฏิวัติประชาชนทั่วประเทศเรียกร้องให้ประชาชนจับอาวุธขึ้นมาต่อสู้กับรัฐบาลทหารทุกชุมชน ทุกตำบลหมู่บ้านและตามมาด้วยการจัดตั้งกองกำลังพิทักษ์ประชาชน (People Defense Force=PDF)จัดตั้งพีดีเอฟได้ไม่กี่วันก็ประกาศตั้งรัฐบาลสามัคคีแห่งชาติ (National Unity Government=NUG) เป็นรัฐบาลเงา
เอ็นยูจีกับพีดีเอฟ เคลื่อนไหวคู่กันไปทั้งในและต่างประเทศ พีดีเอฟ มีหน้าที่ก่อกวนรายวันสังหารประชาชน และข้าราชการ ที่สงสัยว่า เป็นสายให้รัฐบาลทหาร พีดีเอฟอ้างว่าใช้อาวุธที่มีอยู่เท่าที่หาได้เช่นปืนแก๊ปล่าสัตว์ แต่ในระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือนพีดีเอฟอ้างว่า ประสานเข้ากับกองกำลังติดอาวุธกลุ่มชาติพันธ์ุได้ และเคลื่อนไหวสร้างความรุนแรงขึ้นตามลำดับจนรัฐบาลขึ้นบัญชีเป็นผู้ก่อการร้าย
ในเวลาเดียวกัน เอ็นยูจี ทำหน้าที่ประสานงานทางการเมืองเพื่อให้เป็นที่รับรองจากนานาชาติโดยเฉพาะอเมริกาและกลุ่มประเทศตะวันตก การเคลื่อนไหวของเอ็นยูจีกับพีดีเอฟ ทำเป็นขบวนการสอดคล้องกันอย่างเป็นระบบ จนรัฐบาลทหารพม่าเชื่อว่าซีไอเอ เป็นผู้จัดตั้งให้
ทุกๆ วันฝ่ายปฏิบัติข่าวของเอ็นยูจี ปั่นกระแสโจมตีรัฐบาลว่าสังหารประชาชนเป็นร้อยเป็นพันผ่านสื่อออนไลน์ เพื่อให้สื่อตะวันตกนำไปขยายความต่อปฏิบัติการข่าวได้ผลเกินความคาดหมาย ที่สามารถล้างสมองได้ตั้งแต่ชาวบ้านธรรมดาจนถึงสหประชาชาติ และปฏิบัติการข่าวที่ชั่วร้ายยังทำให้ฝ่ายเอ็นยูจี และ พีดีเอฟเพ้อพกไปว่าฝ่ายต่อต้านจะเอาชนะกองทัพพม่าลงได้ภายในปี 2566
กองทัพพม่านับว่ามีแสนยานุภาพยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียนที่มีทหารประจำการถึง 500,000 นาย มากกว่ากองกำลังติดอาวุธของกลุ่มชาติพันธุ์รวมกันทั้งหมดกว่าหกเท่า กองทัพพม่า มีรถถังรถหุ้มเกราะนับพันคัน มีเครื่องบินรบMIG-29 สองฝูงบิน
สำนักข่าวเดอะดิโพลแมต และ Gulf Times รายงานว่า กองทัพพม่าทำสัญญาซื้อเครื่องบินรบ JF-17 อีก 16 ลำ จากปากีสถานมูลค่าประมาณ 560 ล้านดอลลาร์สหรัฐ JF-17 เป็นเจเนอเรชั่นใหม่ของเครื่องบินไอพ่นความเร็วเหนือเสียง ออกแบบโดยจีนและผลิตที่โรงงานสร้างอากาศยานขนาดใหญ่ในรัฐปัญจาบ ซึ่งจีนร่วมทุนกับปากีสถานและผลิตเครื่องบินร่วมกันระหว่างองค์กรอากาศยานจีนกับโครงการผลิตอากาศยานปากีสถาน หรือ PAC พลอากาศเอกจาวาฮิต อาเหม็ด ผู้อำนวยการ
PAC กล่าวกับ Gulf Times ว่า “ขายเครื่องบินรบฝูงแรก ที่ผลิตจากโรงงานในปากีสถานให้กองทัพพม่าเป็นหมุดหมายสำคัญทางประวัติศาสตร์การบินปากีสถาน”
นอกจากละเมอเพ้อพก ไปตามคำโฆษณาชวนเชื่อของซีไอเอว่าสามารถเอาชนะกองทัพพม่าได้ภายในปีหน้าแล้ว ฝ่ายต่อต้านการรัฐบาลทหารพม่าที่ตะวันตกถือหางยังขัดขวางการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในพม่าต้นปี 2566
สำนักข่าวอิระวดี รายงานเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายนว่า นางออง ซาน ซู จี โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงเมื่อแกนนำพรรคเอ็นแอนดี ประกอบด้วย ดอว์ ซันดา มิน อูโตลวิน อูเตียน ฉ่วย อดีตสส.เขตเอยาวาดี และ อู อ่อง โซประธานสาขาพรรคเอ็นแอลดี เขตทานินตายี เข้าพบ ออง ซาน ซู จี ในเรือนจำพิเศษกรุงเนปิดอว์เพื่อแจ้งให้ทราบถึงแผนการสมัครเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้น
“การสมัครรับเลือกตั้ง เป็นตรายางให้ทรราชคือการทรยศประชาชน” นางออง ซาน ซู จี แสดงอาการฉุนเฉียวใส่ผู้เข้าไปพบ
นอกจากใช้กำลังติดอาวุธต่อต้านรัฐบาลตามแผนการป่าล้อมเมืองแล้ว ฝ่ายนางออง ซาน ซู จี และตะวันตกขัดขวางทุกทาง ไม่ให้มีการเลือกตั้งในปี 2566 โดยความหวังลมๆ แล้งๆ ว่า สหรัฐและยุโรปจะส่งอาวุธมีประสิทธิภาพสูงมาให้เหมือนประเทศยูเครน
นายดูหว่า ละ ชีลา รักษาการประธานาธิบดีเอ็นยูจีให้สัมภาษณ์รอยเตอร์ส เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม เรียกร้อง ขอความช่วยเหลือจากพันธมิตรนานาชาติ โดยเฉพาะการสนับสนุนอาวุธระบบป้องกันทางอากาศเช่นเดียวกับที่ให้ยูเครน “ถ้าเรามีอาวุธต่อต้านอากาศยาน ก็พูดได้เต็มปากว่าเราสมารถชนะได้ภายในหกเดือน”
สรุปว่าหากอาเซียนยังคงฟังความข้างเดียวและถูกล้างสมองด้วยปฏิบัติการข่าวของซีไอเอและตะวันตก วิกฤตการเมืองในพม่าจะบานปลาย ผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง คือ ประเทศจีน อินเดีย และประเทศไทย โดยที่รัฐบาลทหารพม่ายังคงบริหารประเทศต่อไป เพราะยิ่งอาเซียนกดดันพม่ามากเท่าไหร่ พันธมิตรของพลเอกมิน อ่อง หล่าย ยิ่งเพิ่มความสัมพันธ์ทางการค้าและขายอาวุธยุทโธปกรณ์มาให้กองทัพพม่ามากขึ้นทุกวัน ถึงวันนั้นพูดได้เต็มปากว่าพลเอกมิน อ่อง หล่ายแห่งสหภาพพม่า แข็งแกร่งกว่าอาเซียนในทุกมิติ
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี