นักการเมืองอำนาจนิยม และนักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ ในเอเชียหลายราย พยายามเปลี่ยนบุตรีอันเป็นที่รักให้ “เป็นบุตรีที่เคารพ” ไม่ว่าจะเป็น คิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ หรือ อดีตประธานาธิบดี เรดิโก ดูเตอร์ แห่งฟิลิปปินส์ ตลอดถึง นายทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกศาลตัดสินจำคุกแล้วสิบสองปีและหนีไปอยู่ดูไบ

เมื่อวันที่ 18 ก.พ. ตามรายงานข่าวเป็นทางการของรัฐบาลเกาหลีเหนือ นายคิม จอง อึน ควงลูกสาววัยสิบขวบ เข้าชมการแข่งขันกีฬา สำนักข่าวเคซีเอ็นเอ รายงานว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้นำสูงสุดนำ คิม จอง อึน ออกงานที่ไม่เกี่ยวกับกิจกรรมทหาร หรือ การพบปะกับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และ ปัจจุบันลูกสาววัยสิบขวบที่เคยเรียกว่า “บุตรีอันเป็นที่รัก(แห่งชาติ)” วันนี้ให้เปลี่ยนเป็น “บุตรีที่เคารพ” (respect child from beloved child) บุตรีที่เคารพของผู้นำสูงสุดคนนี้ ปรากฏตัวให้เห็นบ่อยๆ ในกิจการทหารไม่ว่าจะเป็นการแสดงขีปนาวุธหรือการสวนสนามของทหาร เรื่องราวของลูกและครอบครัว คิม จอง อึน เป็นความลับที่มีน้อยคนนักรู้เรื่องลูกสาวของคิม จอง อึน สื่อเกาหลีใต้เองได้รู้ว่า เธอชื่อ คิม จู แอ จาก นายเดนนิส รอดแมน อดีตนักบาสเกตบอลอเมริกันที่ใช้เวลาหลายวันกับ คิม จอง อึน ในปี 2546

สำนักข่าว KCNA (Korean Central News Agency ) กล่าวในรายงานด้วยว่าคิม โย จอง น้องสาวผู้ทรงอิทธิพลของผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือ เข้าชมการแข่งขันกีฬาครั้งนี้ด้วยแต่เธอนั่งอยู่แถวหลัง ภาพที่เห็นทางทีวีแสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในไม่กี่ปีข้างหน้าถึงพัฒนาการที่ยิ่งใหญ่ของสาธารณรัฐโดย KCNA รายงานด้วยว่ากิจกรรมเมื่อวันเสาร์จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวันหยุดสำคัญเรียกว่า “วันแห่งดาวจรัสแสงในเกาหลีเหนือ” (Day of shining star in North Korea)

กิจกรรมนี้จัดขึ้น 10 วันหลังที่ ขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีปที่ทรงแสนยานุภาพจำนวนมากได้ออกมาอวดโฉมใจกลางกรุงเปียงยางของเกาหลีเหนือ ในพิธีสวนสนามเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 75 ปีการก่อตั้งกองทัพประชาชนเกาหลี ทว่า เมื่อวันที่ 8 ก.พ.สิ่งที่ คิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของโสมแดงต้องการจะอวดให้โลกได้เห็นในงานนี้ ไม่ได้มีเพียงแต่ขีปนาวุธเท่านั้น เพราะข้างกายเขายังมีเด็กหญิงในชุดดำปรากฏตัวขึ้นอย่างโดดเด่น โดยร่วมชมการสวนสนามกับท่านผู้นำอย่างใกล้ชิด

เด็กหญิงผู้นี้คือ คิม จู แอ บุตรคนที่สองของ คิม จอง อึน คาดกันว่าเธอมีอายุประมาณ 10 ขวบ และนับเป็นครั้งที่ 5 แล้วที่เธอปรากฏตัวในงานพิธีสำคัญในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมาเพื่อยืนยันว่าคิม จู แอ คือ ทายาทเป็นทางการที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือคนต่อไป หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมคิม จอง อึน เปิดตัวทายาทผู้นำเร็วนัก แต่นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญในเกาหลีเหนือกล่าวว่า บิดาของเขาคือ คิม จอง อิล นำตัวลูกชายคนที่สามคือ คิม จอง อึน ออกงานพบข้าราชการนายทหารชั้นผู้ใหญ่และตั้ง คิม จอง อึน เป็น “ลูกชายที่เคารพ” ตั้งเขาอายุแปดขวบ

พูดถึงทายาทผู้นำในระบอบคอมมิวนิสต์เกาหลีเหนือ ที่เรียกกันว่า “ลูกสาวที่เคารพ” แล้วต่อไปว่ากันด้วยเรื่อง“ลูกสาวที่เคารพ”ในระบอบประชาธิปไตยของฟิลิปปินส์และประเทศไทย ในประเทศฟิลิปปินส์เมื่ออดีตประธานาธิบดี เรดิโกดูเตอร์เต ผู้อหังการใกล้หมดวาระและมีปัญหารุมเร้า นายดูเตอร์เต จำเป็นต้องสร้างลูกสาวที่เคารพ ขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาให้บิดาที่ถูกศาลอาญาระหว่างประเทศดำเนินคดีข้อหาอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ที่ทำให้ชาวฟิลิปปินส์ตายหมื่นกว่าคนจากนโยบายสงครามยาเสพติดของเขา ซาร่า ดูเตอร์เต จึงถูกวางตัวให้เป็นประธานาธิบดีต่อจากบิดา ผลการสำรวจของโพลล์ทุกสำนักบ่งชี้ว่าซาร่า มีคะแนนนำโด่งและจะได้เป็น ปธน.คนต่อไป

ทว่า ซาร่า เป็นลูกสาวที่เคารพผู้มีสติปัญญารู้เหตุการณ์ล่วงหน้าว่าปัญหาของบิดาเกินความสามารถเธอจะแก้ไขได้ สู้โยนปัญหาไปให้ นายเฟอร์ดินานด์มาร์กอส จูเนียร์ หรือ บองบอง รับผิดชอบแทนดีกว่าเพราะบองบอง เคยประกาศว่าเขาไม่ให้ราคา ไม่ให้คุณค่าแก่ศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ ไอซีซี

จากผลสำรวจของโพลล์บ่งชี้ว่า ซาร่า มีคะแนนนิยมสูงมากทางภาคใต้โดยเฉพาะเขตมินดาเนา ส่วนบองบองมีคะแนนนิยมมากอยู่ทางภาคเหนือ บองบองกับซาร่าเลยตกลงกันว่าจะช่วยหาเสียงให้กันและกัน โดยซาร่ายอมขัดใจบิดาขอลงสมัครเป็นรองประธานาธิบดี ส่วนบองบองก็ได้ตำแหน่งประธานาธิบดีสมอารมณ์หมาย ทั้งลูกชายที่รัก และบุตรีที่เคารพชนะเลือกตั้งถล่มทลาย และบองบองก็รับเผือกร้อนที่ซาร่าลูกสาวที่เคารพส่งให้ในตำแหน่งประธานาธิบดี ต้องรับหน้าศาลอาญาระหว่างประเทศ

ถึงตอนนี้มาว่า กันเรื่องลูกสาวที่เคารพตามระบอบประชาธิปไตยแบบไทยๆ บ้าง แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวสุดที่รักของบิดา ที่ได้รับการสถาปนาให้เป็นหัวหน้าครอบครัว “เป็นลูกสาวที่เคารพของเพื่อไทย” ที่โพลล์ทุกสำนักและสื่อในเครือข่ายทำนายว่าเธอจะได้เป็นนายกฯคนที่ 30 ของประเทศไทย โดยอาศัยบารมีของพ่อและอา สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานจากจังหวัดอำนาจเจริญว่า....

“ลูกสาวทักษิณเคาะกะลาความโหยหาถึงพ่อโหยหาถึงอาเพื่อให้ชนะระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง” รอยเตอร์สให้รายละเอียดว่า….” แพทองธาร วัย 36 ปีแคนดิเดตนายกฯที่โดดเด่นที่สุดของพรรคเพื่อไทยกล่าวคำปราศรัยในระหว่างการหาเสียงที่จังหวัดอำนาจเจริญ ได้สาธยายถึงนโยบายประชานิยมของครอบครัวเศรษฐีแสนล้านและการชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลายในอดีต แพทองธาร โผล่ขึ้นมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ที่จะชนะการเลือกตั้งตามผลการสำรวจของโพลล์สำนักต่างๆ โดยวางตำนานประชานิยมเป็นเดิมพัน

อุ๊งอิ๊ง ออกหาเสียงอย่างหนัก ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยในพื้นที่ ซึ่งผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนจำนวนมากให้แก่พรรคเพื่อไทย ในชนบทที่ประชาชนมีความศรัทธาในครอบครัวเพื่อไทย โดยไม่เคยมีใครสามารถเอาชนะได้ อุ๊งอิ๊ง หวังว่า จะชนะถล่มทลายเหมือนครั้งที่พ่อและอาชนะแลนด์สไลด์อย่างไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน...นักการเมืองมือใหม่ป้ายแดง ให้สัญญาว่า เพื่อไทยใจจะสานต่องานที่ถูกกำจัดขัดขวางให้ค้างคามาสามรัฐบาลตั้งแต่ปี 2544 งานที่ยังทำไม่สำเร็จเพราะถูกระงับยับยั้งโดยศาลฯและการยึดอำนาจซึ่งวางแผนโดยฝ่ายที่เรียกว่ากระบวนการอนุรักษ์นิยม...เราจัดการแก้ไขทุกอย่างได้ในสมัยแรก แต่สองสมัยหลังเราถูกไล่ออกโดยการยึดอำนาจ ดังนั้นเรามีอีกหลายอย่างที่ยังทำไม่สำเร็จ แพทองธารกล่าว
กับรอยเตอร์ส ซึ่งเป็นการให้สัมภาษณ์อย่างเป็นทางการก่อนการเลือกตั้ง

สิ่งที่ อุ๊งอิ๊ง ให้สัมภาษณ์รอยเตอร์สว่า เพื่อไทยสามรัฐบาล ถูกศาลตัดสินให้หยุดทำงานและตามมาด้วยการยึดอำนาจโดยการวางแผนจัดการของ “establishment” ซึ่งมีความหมายครอบคลุมไปถึงสถาบันฯ แต่คอลัมน์นี้แปลเป็นกลางๆว่า โดย “กระบวนการอนุรักษ์นิยม” ส่วนที่เธอบอกรอยเตอร์ว่าปีแรกรัฐบาลยิ่งลักษณ์ซึ่งเพื่อไทยทำได้สำเร็จเธอคงหมายถึงโครงการรับจำนำข้าว ที่สองปีต่อมาพบว่ามีการโกงอย่างมโหฬารในแผนการจีทูจี ที่สุดท้ายกลายเป็นการ เจี๊ยะทูเจี๊ยะส่วนประเด็นที่เธอบอกรอยเตอร์สว่ารัฐบาลเพื่อไทยต้องทำต่อให้สำเร็จคงจะเป็นเรื่องที่“พาพ่อกลับบ้านมาเลี้ยงหลานโดยไม่พึ่งพรรคเพื่อไทยไม่ออกกฎหมาย (อาจต้องให้พระนำ)”

สรุปว่าการสถาปนาลูกสาวอันเป็นที่รักให้เป็น“สตรีที่เคารพ”ในเกาหลีเหนือ ในประเทศฟิลิปปินส์อาจทำได้ แต่สำหรับในประเทศไทยลูกสาวอันที่รักผู้แบะปากในศาล มีข้อครหาเรื่องสอบเอนทรานซ์เข้าจุฬาฯ ที่บิดาตั้งใจจะให้เป็น“ลูกที่เคารพ”คงต้องสอบเข้าเรียนจุฬาฯใหม่และไปเหลาหน้าอีกสามทีถึงจะเป็น “บุตรีที่เคารพได้”

สุทิน วรรณบวร