ดูเสมือนว่าในช่วงประวัติศาสตร์ร่วมสมัยนี้ บรรดาสังคมประชาธิปไตยในหลายๆ ประเทศ กำลังถอยร่น โดยถูกตีขนาบ และรุกรานจากฝ่ายเผด็จการนิยม ซึ่งก็เป็นเรื่องน่าวิตกกังวลสำหรับฝ่ายประชาธิปไตยโดยทั่วไป ซึ่งการถอยร่นได้เกิดขึ้นในหลายๆ ประเทศแล้ว เช่น
1. กัมพูชา : สมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรี จากที่ได้ทำการตามล้างตามเช็ดบรรดาพรรคฝ่ายค้านและผู้เห็นต่างมาอย่างไม่ลดละ บัดนี้กำลังมุ่งการเปลี่ยนแปลงสภาพของสังคมประชาธิปไตยกัมพูชา ให้กลายเป็นสังคมพรรคเดียวเต็มรูปแบบ หรือเป็นเผด็จการพรรคเดียว (One Party Dictatorship)
2. เมียนมา : ฝ่ายกองทัพได้ทำการยึดอำนาจ ล้มเลิกการเมืองในระบอบประชาธิปไตยไปเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 แต่การปฏิวัติรัฐประหารยังไม่แล้วเสร็จเนื่องจากยังมีการต่อต้านจากประชาชนพลเมืองทุกหมู่เหล่าและชาติพันธุ์ ฝ่ายกองทัพพม่าก็ได้ใช้วิธีรุนแรงทั้งการปราบปรามด้วยอาวุธ การกวาดต้อนจับกุม คุมขัง โดยปราศจากกระบวนการยุติธรรม แถมยังมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่างๆ นานา เช่น การทรมาน การขังลืม การข่มขู่ เพื่อสร้างอาณาจักรแห่งความหวาดกลัวให้กับสมาชิกของครอบครัวของนักการเมืองและนักเคลื่อนไหวที่ต่อต้านการทำรัฐประหาร การทิ้งระเบิด ระดมยิงปืนใหญ่เข้าใส่ทั้งหมู่บ้าน วัด สุเหร่า และโบสถ์ อย่างปราศจากความปรานี ไม่แยกแยะว่าใครเป็นฝ่ายทหาร ใครเป็นฝ่ายพลเรือน
3. ไทย, ฟิลิปปินส์, มาเลเซีย และอินโดนีเซีย : ต่างมีการออกและใช้กฎหมายที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพ แล้วการตั้งข้อหาต่างๆ ที่มีนัยของการใช้กฎหมายและกลไกกระบวนการยุติธรรม เป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อสยบผู้เห็นต่างทางการเมือง
4. อินเดีย : มีการนำเอาเรื่องชาตินิยมฮินดู มาเป็นอุดมการณ์และเครื่องมือทางการเมือง คุกคามกลุ่มมุสลิมและชนกลุ่มน้อยต่างๆ มากขึ้นเป็นลำดับ อีกทั้งรัฐบาลอินเดียชุดนี้ที่ขึ้นมาสู่อำนาจด้วยกระบวนการประชาธิปไตย กลับไปเห็นดีเห็นงามกับรัฐบาลทหารพม่า ที่ได้ดำเนินการปฏิวัติรัฐประหารล้มระบอบประชาธิปไตย เพียงเพื่อวัตถุประสงค์ในการป้องกันมิให้จีนมีอิทธิพลเหนือรัฐบาลทหารพม่าแต่ผู้เดียว
5. ปากีสถาน : ฝ่ายรัฐบาลก็กำลังดำเนินการตามล้างตามเช็ดผู้นำฝ่ายค้าน นายอิมราน ข่าน ด้วยการตั้งข้อหาเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชั่น อันได้แก่การรับของขวัญเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง และสร้างความแตกแยกในหมู่ชนชาวปากีสถาน
6. อิสราเอล : รัฐบาลเสียงข้างมากที่เป็นศูนย์รวมของฝ่ายอนุรักษ์นิยมสุดโต่ง กำลังดำเนินการเพื่อเปลี่ยนแปลงกฎหมายในรัฐสภา เพื่อให้อำนาจรัฐสภาในการล้มล้าง หรือล้มเลิกการตัดสินใจของฝ่ายศาลยุติธรรม ซึ่งถือเป็นการทำลายล้างหลักการว่าด้วยการแบ่งแยกและคานอำนาจ หรือนัยหนึ่งมีนัยของการใช้เสียงข้างมากในรัฐสภาเป็นเผด็จการ (เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยในยุคระบอบทักษิณ)
7. แอฟริกา ในหลายๆ ประเทศ และล่าสุดที่เซเนกัล : ฝ่ายประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ซึ่งอยู่ในวาระมาแล้ว 2 เทอม กำลังดำเนินการให้มีการแก้ไขกฎหมาย เพื่ออำนวยให้ตนสามารถอยู่ต่อในตำแหน่งประธานาธิบดีไปได้เกินกว่า 2 วาระ บ่งบอกการติดยึด ติดบ่วงของอำนาจนิยม ซึ่งก็ได้นำมาซึ่งการประท้วงอย่างกว้างขวางทั่วประเทศ (ทั้งนี้ฝ่ายไทยก็อาจต้องเผชิญกับเรื่องการเคลื่อนไหว เพื่อให้มีการยกเลิกเพดาน 8 ปีของการเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นการเปิดทางให้กับ พลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา อันจะสร้างความยุ่งเหยิงทางการเมืองตามมา)
8. สหรัฐอเมริกา และบราซิล : ต่างก็มีเหตุการณ์ที่ประธานาธิบดีแพ้การเลือกตั้ง แต่ก็ไม่ยอมเลิกรา ไม่เล่นตามกติกา และฉะนั้นก็เสริมสร้างความปั่นป่วน วุ่นวาย และความแตกแยกในสังคม
ทั้งหมดนี้จะแก้ไขกันอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของบรรดานักการเมืองและพรรคการเมือง
แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ การยืนหยัดต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของประชาชนพลเมืองนั่นเอง และการถอยร่นของประชาธิปไตยนี้ ก็ยังต้องไม่ลืมว่ายังมีอีกหลายประเทศที่ได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองจากพรรคเดียวเป็นเผด็จการ เช่น ที่จีน เกาหลีเหนือ ลาว เวียดนาม และคิวบา อีกทั้งอีกหลายประเทศก็ยังตกอยู่ในสภาวะของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เช่น ที่บรูไน และที่ประเทศในตะวันออกกลาง ไปจนถึงเผด็จการของรัฐศาสนา เช่น ที่อัฟกานิสถาน และอิหร่าน ก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้าสลด ชาวโลกเป็นจำนวนมากยังไร้ซึ่งสิทธิเสรีภาพ และศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี