โทษลักษณะชนิดสำคัญอันดับหนึ่งของ สส. ไทยจำพวกลวงโลกคือ ต้องพูดจาปลิ้นปล้อน โกหก มดเท็จ ป้้นน้ำเป็นตัว ยกเมฆ มั่วได้สารพัดเรื่อง และไม่เคยพูดความจริง
คนไทยได้เห็นได้พบมาเสมอๆ ว่า สส. ไทยจำนวนไม่น้อยเป็นสิ่งมีชีวิตจำพวกไม่ยึดมั่นในความสัตย์ความจริง เพราะประจักษ์มาโดยตลอดว่า สส. ไทยจำนวนไม่น้อยพูดในสิ่งที่ไม่มีวันเป็นจริงได้ แต่ก็ยังอุตส่าห์พูดในเรื่องที่ไม่สามารถเป็นจริงได้ตลอดเวลา เข้าทำนอง ต้องโกหกทุกวัน เพื่อมอมเมาให้ตนเองหลงเชื่อก่อนเป็นอันด้บแรก แล้วก็พยายามมอมเมาให้คนอื่นๆ หลงเชื่อ ด้วยการโกหก และโกหกทุกวัน โกหกจนคนที่ไร้สติเชื่อว่าคำโกหกจากปากของ สส. เป็นเรื่องจริง
ยกตัวอย่าง เรื่องโกหกเป็นประจำที่ถูกปล่อยออกจากปากของทักษิณ ชินวัตร เจ้าของพรรคเพื่อไทยคือจะกลับประเทศไทย ทักษิณโกหกเรื่องนี้มาหลายปีแล้ว ปัจจุบันก็ยังโกหก แต่ทว่าคำโกหกก็คือคำโกหก เพราะทักษิณไม่ยอมกลับไทย เนื่องจากรู้ดีว่าตนเองกระทำความผิดตามกฎหมายอาญา หากกลับมาก็ต้องถูกดำเนินคดี ดังนั้น จึงเลือกหนีคดีอาญา โดยร่อนเร่อยู่นอกพระราชอาณาจักรสยาม แล้วใช้การล่อลวงคนที่คิดไม่ทันว่าทักษิณจะกลับประเทศไทย
นอกจากเรื่องทักษิณโกหกแล้ว ก็ยังมีนักการเมืองอื่นๆ อีกมากมายที่ดูเสมือนว่าพร้อมใจร่วมกันโกหกแบบต่างกรรมต่างวาระ โดยเฉพาะการจงใจโกหกเรื่องการสัญญาว่าจะให้สัญญาว่าจะแจก เช่น แจกสวัสดิการสารพัดชนิดที่ไม่มีวันเป็นได้จริง บ้างก็โกหกว่าจะยกเลิกการเกณฑ์ทหาร เพราะว่าลูกของตนเองหนีทหารก็จึงต้องแก้เกี้ยวด้วยการประกาศว่าต้องยกเลิกการเกณฑ์ทหาร
บางคน บางพรรคก็โกหกเรื่องแจกเงินที่เป็นเงินเสมือนจริง แต่ไม่ใช่เงินจริงๆ แต่ทำเป็นเล่นแร่แปรธาตุ จับแพะชนแกะ ครั้นเมื่อถูกซักถามอย่างจริงๆ จังๆ ก็ไม่สามารถตอบได้ว่าจะหาเงินจากที่ไหนมาแจกทีละเป็นหมื่น หรือบางพรรคก็บอกจะแจก 3 พัน บางพรรคก็บอกจะให้เรียนฟรีจนจบการศึกษาระดับปริญญาตรี ถามว่า การศึกษาระดับปริญญาตรีเป็นการศึกษาภาคบังคับตั้งแต่เมื่อไร แล้วหากมีคนบอกว่าต้องการเรียนแพทย์ เรียนทันตแพทย์ นักการเมืองมีปัญญาหาที่เรียนให้เขาหรือ
มาล่าสุด มีเรื่องประหลาดที่นับได้ว่าเป็นเรื่องใหญ่ และพิสดารจนสามารถดึงความสนใจผู้คนได้มาก ก็คือเรื่องนักการเมืองรายหนึ่งพูดจาไม่ตรงกันเรื่องการกลับมาจากต่างประเทศแล้วถูกกักตัวหรือไม่ รวมถึงสรุปว่าได้ไปงานศพของพ่อตัวเองทันวันแรกของงานหรือไม่ แล้วยังมีประเด็นเรื่องถูกอายัดบัญชีธนาคารจนทำให้ไม่มีเงินใช้ทำงานศพของพ่อตัวเองจริงๆ หรือ หลายคนสงสัยว่า คนอย่างนักการเมืองรายที่ตกเป็นข่าวนั้นจะต้องรับภาระเป็นผู้จัดงานศพให้พ่อของตนเองจริงๆ หรือ ทั้งๆ ที่ในยุคนั้นเขายังอยู่ในสถานะนักศึกษา หรือว่าครอบครัวนี้เขาโยนภาระเรื่องจัดการงานศพของพ่อให้กับคนที่ยังมีสถานะเป็นนักศึกษา แต่ที่น่าอัศจรรย์ยิ่งกว่าคือ ตกลงแล้วชายผู้หนึ่งที่มีสถานภาพเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคหนึ่งในขณะนี้ แต่เมื่อย้อนหลังไปในปี 2549 ซึ่งวันนั้นเขายังเป็นนักศึกษา แล้วเหตุใดเขาจึงมีอภิสิทธิ์ได้นั่งเครื่องบินของรัฐบาลไทยได้ เขานั่งในฐานะใด เขาเป็นหลานของคนสนิทของทักษิณ หรือเขาเป็นข้าราชการการเมืองตามที่เขาหลุดปากอวดอ้าง
สรุปแล้วจะเห็นว่า นักการเมืองไทยจำนวนไม่น้อย รวมถึงเจ้าของพรรคการเมืองไทยที่ยังร่อนเร่เป็นสัมภเวสีต่างก็มีพฤติกรรมที่สังคมตั้งข้องสังเกตว่าปลิ้นปล้อน โกหกมดเท็จไม่ต่างกัน
จนทำให้เกิดคำถามในสาธารณชนว่า สรุปแล้ว การที่คนบางจำพวกจะได้เป็น สส. ของประเทศไทย ต้องเริ่มมาจากพื้นฐานของการเป็นคนพูดปดมดเท็จ ใช่หรือไม่ หรือต่อไปเราต้องนิยามคำว่า สส. ไว้ว่า ต้องเป็นคนที่พูดจาโกหกมดเท็จ กลับกลอก หาความจริงไม่ได้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี