แนวคิดที่พวกอ้างว่า “หัวก้าวหน้า” คนรุ่นใหม่บางส่วน ที่สร้างภาพว่าต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศ
ต้องการถอดรื้อโครงสร้างสังคม วัฒนธรรมความเชื่อ การเมือง ฯลฯ เพราะของเก่าคร่ำครึ ไดโนเสาร์
บางคนถึงขนาดเชิญชวน สร้างความเท่าเทียมในครอบครัว ไม่ต้องกราบไหว้พ่อแม่
บางคนถึงขนาดประกาศว่าพ่อแม่ไม่มีบุญคุณ การเลี้ยงดูมันเป็นหน้าที่
พ่อแม่ ผู้ใหญ่ไปพบเห็น ก็ได้แต่รู้สึกสลดใจ อนาถใจ และสมเพชเวทนา
วันนี้ ขออนุญาตนำข้อเขียนข้อคิดที่น่าสนใจในประเด็นนี้ มาฝากให้คิด และเป็นกำลังใจให้แก่ท่านผู้อ่าน
1. หมอเดว หรือ รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและวัยรุ่น กล่าวถึงเรื่องนี้อย่างน่าคิดว่า
“..ทำไมเยาวชนบางคน (ตามคลิป) จึง หลงทาง !!!กับ คำว่ากตัญญู แม้กับแม่ผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูเขามาจนเติบใหญ่ (หมอเดว 2566)
ยอมรับว่าคลิปของน้องๆ เยาวชนบางคน (ที่ใช้คำว่าบางคน เพราะส่วนตัวยังเชื่อมั่นว่า ส่วนใหญ่ เข้าใจ วิถีชีวิต ครอบครัวกับการหล่อหลอมด้วยรักและศรัทธา) ใช้ตรรกะ เหตุผล โดยลืมสิ้นในสิ่งที่อาจจะจับต้องไม่ได้ เช่น ความสุขจากใจ ความรักและศรัทธา
เรื่องแบบนี้ วัยรุ่นอาจจะไม่ง่ายที่จะเข้าใจสายใยรักที่บริสุทธิ์ แบบรักเทหมดใจ ให้แล้วให้เลยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ในโลกนี้ เป็นสายใยรักที่แม่มีให้กับลูก Consummate love
** (กรณีนี้หมอจะไม่ขอรวมแม่ที่ไม่ได้มีจิตวิญญาณความเป็นแม่ที่แท้จริงไว้นะครับ)
สายใยรัก tender loving care #เกิดขึ้นตั้งแต่ผู้หญิงคนหนึ่งที่มีหัวใจแห่งความรัก อยากมีครอบครัว บนความตั้งใจ
ความรักผูกพันเริ่มเกิดขึ้น และชัดเจน เมื่อผู้หญิงท่านนั้นตรวจพบว่า #ตนเองตั้งท้อง ความปีติยินดีเกิดขึ้น #ทั้งๆที่เกิดความทุกข์ทางกาย #แต่สุขใจยิ่งนัก และ ความรักผูกพัน ความสุขใจเหนียวแน่นมากเป็นทวีคูณท่ามกลางความทุกข์ทางกายที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ (นอนไม่สบาย ตะคริว ปัสสาวะลำบาก หายใจก็ไม่ทั่วท้อง ไม่นับความกังวลเล็กๆและที่ต้องอดทน ไม่กินยาใดๆ หรืออยู่ในสถานะใดๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อลูกน้อยในท้อง)
***และแล้ว #วินาทีแห่งสุดยอดความรัก และ #สุดยอดความเจ็บปวดอันแสนสาหัสบังเกิด พร้อมๆ กัน ท่ามกลางการคลอดลูกโดยวิธีธรรมชาติ ที่แม่คนหนึ่งกำลังแบกรับความทุกข์กาย เจ็บปวดแสนสาหัส ที่แม้ผู้ชายทนไม่ได้ คูณไปถึง 5 เท่า
**** สายใยรัก รักเทหมดใจเกิดขึ้นเหนียวแน่นในขณะที่ได้ยินเสียงลูกร้อง นำลูกมา ซบอก และดูดนมแม่ ทันทีที่คลอด ออกมา
ที่ทางการแพทย์ เรียกว่า tender loving care / Unconditioned love
รักเทหมดใจไม่มีเงื่อนไข แม้ลูกจะเป็นแบบไหน ต่อให้พิการ
เรื่องเหล่านี้ **** ลูกไม่เคยสัมผัส ด้วยตนเอง
จึงไม่เข้าใจคำว่า รัก ไม่เข้าใจคำว่า ศรัทธา อาจจะยังอ่อนเยาว์ แม้แต่จิตวิญญาณความเป็นแม่
ทำให้เยาวชนที่มีความรู้ความสามารถ อยู่บนตรรกะ จึงใช้เพียงตรรกะแห่งตน ในการให้เหตุ
2. ต่อไปนี้ เป็นข้อเขียนที่ได้รับจากกัลยาณมิตร ในรูปจดหมายถึงลูกระบุว่า
“ถึง ลูกรัก
พ่อติดตามข่าวที่ลูกเรียกร้อง “ประชาธิปไตย” และ “เสรีภาพ” แล้ว พ่อรู้สึกแปลกใจ ที่เราอยู่กันมาตั้งแต่ลูกเกิด ทะนุถนอมอบรมมาอย่างดี
แต่ลูกกลับไปเชื่อ “ใครก็ไม่รู้” ที่ไม่เคยแม้แต่จะให้เงินลูกสักบาท ให้กินข้าวสักจาน จนลืมคำสั่งสอนของพ่อแม่ แต่อย่างไรก็ดี พ่อเคารพความคิดเห็นของลูกเสมอ จะไม่ตำหนิติติงอะไร แต่จะปรับตัวประพฤติปฏิบัติให้ดีขึ้นตามที่ลูกต้องการ ดังนั้น พ่อกับแม่จึงคิดว่า ถึงเวลาที่เราควรจะทบทวนปรับตัวให้เข้ากับ “เสรีภาพ” ตามที่ลูกต้องการ พ่อจึงอยากจะแจ้งให้ลูกทราบดังนี้
1.บุญคุณต่อกัน คงไม่มีตามที่ลูกบอกว่า ลูกเกิดมาเพราะความสนุกของพ่อแม่ จึงไม่มีบุญคุณต่อตัวลูก ไม่ว่าจะเป็นการอดหลับอดนอนเลี้ยงดู ข้าวปลาอาหาร และอื่นๆ ที่เคยหยิบยื่นให้ ซึ่งทั้งหมดนั้นพ่อและแม่ไม่คิด ถือว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบแม้ลูกจะไม่เต็มใจก็ตาม
2.ค่าใช้จ่ายที่พ่อเคยให้ลูกใช้ในแต่ละเดือนนั้น พ่อคิดว่ามันเป็นการละเมิด “สิทธิเสรีภาพ” ของพ่อ เพราะเงินที่หามาได้นั้นมาจากน้ำพักน้ำแรง
ของพ่อ พ่อจึงควรมี “สิทธิเสรีภาพ” ในการจับจ่ายใช้สอยโดยไม่ควรให้ลูกละเมิดสิทธิ์ของพ่อโดยการนำเงินของพ่อไปใช้ ดังนั้น พ่อจะตัดค่าใช้จ่ายที่เคยให้ลูกลงครึ่งหนึ่ง โดยในส่วนที่เหลือ เป็นการทำหน้าที่ในฐานะ “บุพการี”ที่รักสนุกจนทำให้ลูกเกิดมา ถือว่าเราใช้ “สิทธิเสรีภาพ” ในขอบเขตของแต่ละคนตามที่ลูกต้องการ
3.ค่าที่พัก จริงๆ แล้ว บ้านเป็นกรรมสิทธิ์ของพ่อกับแม่โดยมีลูกเป็นผู้อาศัย หรือเปรียบดังผู้เช่าที่สมควรจะเสียค่าเช่า ซึ่งตลอดมา ลูกไม่เคยจ่ายค่าเช่าเลยแม้แต่บาทเดียว รวมทั้งค่าน้ำค่าไฟก็ไม่เคยเสีย แต่ไม่เป็นไร พ่อยินดีให้อยู่ฟรีๆ แต่จากนี้ เราต้องเคารพ “สิทธิเสรีภาพ” ตามที่ลูกแสวงหา ดังนั้น ในเมื่อลูกใช้น้ำใช้ไฟที่พ่อไม่ได้ผลิตเอง แต่ซื้อมาลูกจึงต้องรักษาเสรีภาพด้วยการ “ใช้เอง จ่ายเอง” ทั้งค่าน้ำค่าไฟ จะได้เท่าเทียมกัน เพราะพ่อกับแม่ก็ใช้เอง จ่ายเอง อย่างเสมอภาคเช่นเดียวกัน
4.อาหารการกิน เพื่อให้มีสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาค และเพื่อให้ทันสมัยตามที่ลูกต้องการ นับจากนี้ พ่อกับแม่จะหันไปสั่งอาหารฟู้ด แพนด้า มากินตามที่พ่อและแม่อยากกิน ส่วนลูกจะกินอะไร ก็แล้วแต่เสรีภาพของลูก โดยขอให้จ่ายเงินเองเพื่อความเสมอภาค หรือต้องการหุงหากินเอง ก็ใช้สิทธิ์ได้เต็มที่เพราะแม่เตรียมเอาไว้ให้แล้วในครัวโดยไม่คิดเงิน
5.เรื่องมรดก เพราะเราไม่มีบุญคุณต่อกัน ดังนั้น ลูกไม่ต้องกังวลว่าจะต้องเป็นภาระเลี้ยงพ่อแม่ยามแก่เฒ่า ขอให้ลูกเดินตามความฝันที่ลูกต้องการ เพราะอีกไม่นานพ่อกับแม่ก็คงตายแล้วตามที่ลูกๆ ด่าทอ และเพื่อตายอย่างสงบและไม่ให้เป็นภาระของลูกๆ พ่อจึงจัดการมรดกที่พอมีของพ่อ ทั้งบ้านและที่ดิน ตลอดจนทรัพย์สินอื่นๆ พ่อจะเริ่มทยอยขายให้หมดก่อนพ่อตาย โดยเงินที่ขายมาได้นี้ พ่อจะแบ่งให้ลูกครึ่งหนึ่งในฐานะบุพการี ส่วนอีกครึ่งหนึ่ง พ่อและแม่จะเก็บไว้กินไว้ใช้ รวมทั้งเอาไว้จัดงานศพ ส่วนที่เหลือจากจัดงานแล้ว ถือว่าเป็น “สิทธิเสรีภาพ” ของพ่อ พ่อจึงขอถวายวัดไปเพื่อสั่งสมบุญไปใช้ในภพหน้า
6.พ่อจะไม่บั่นทอนกำลังใจของลูกในการตามหา “เสรีภาพ” ในฝันตามที่ถูกสร้างวิมานไว้ แต่อยากให้ลูกคิดให้จงหนักว่าคนที่เขาวาดฝันให้ลูกนั้น เขามาเสี่ยงตายกับลูกหรือไม่ แต่สำหรับพ่อและแม่แล้ว หากลูกเป็นอะไรไป พ่อกับแม่คงใจสลายเพราะความรัก ซึ่งแม้จะเป็นความรักที่ลูกไม่เคยเห็นค่าเลยก็ตาม พ่อจึงขออวยพรให้ลูกปราศจากอันตรายทั้งปวง
7.เรื่องสุดท้าย เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกัน ต่อจากนี้ ลูกจะเรียกพ่อกับแม่ว่า “คุณ” เฉยๆ ก็ได้นะ ส่วนพ่อกับแม่จะขออนุญาตเรียกลูกว่า “ลูก” ตลอดไป
จาก พ่อไดโนเสาร์ตัวหนึ่ง...”
3. น่าคิดว่า มนุษย์บางคน เกิดมาเพื่อให้ “คนอื่น” จูงจมูกให้เนรคุณแม้กระทั่งบิดามารดาของตนเอง
อย่าเรียกตัวเองว่า “คนรุ่นใหม่” หัวก้าวหน้า
จงสำเหนียกว่าตัวเอง คือ “บัวเต่าถุย”
เกิดมาเป็นภาระมดลูกของแม่ แล้วยังเป็นเสนียดสังคมด้วยความคิดที่อัปรีย์จัญไรสิ้นดี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี