การเลือกตั้งทั่วไปปี 2566 ได้เลือกตั้งกันไปแล้วเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 และได้มีการแถลงผลการเลือกตั้งทุกเขตเลือกตั้งแล้วหลายครั้ง โดยมีการปรับปรุงคะแนนและความคลาดเคลื่อนเล็กๆ น้อยๆจนมีความชัดเจนขึ้น กระทั่งทุกวงการได้ถือเอาตัวเลขเหล่านั้นเป็นฐานในการพิจารณาสถานการณ์ทางการเมืองกันโดยทั่วไปแล้ว
เพราะการรายงานผลการเลือกตั้งครั้งนี้ กกต.ไม่ได้ทำเองแต่ฝ่ายเดียวดังที่เคยออกระเบียบไว้ว่าจะแถลงผลการเลือกตั้งไม่เป็นทางการหลังวันเลือกตั้งถึง 5 วัน ซึ่งทำให้ถูกโห่ฮาป่ากันทั้งประเทศ โดยเฉพาะสื่อมวลชนและทุกพรรคการเมืองไม่ยอมรับ
จึงมีการก่อตั้งกระบวนการติดตามผลการนับคะแนนและรายงานผลการเลือกตั้งเพื่อให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุดอย่างช้าในคืนวันเลือกตั้งนั้น โดยมีสื่อมวลชนหลายสำนักและประชาชนอาสาจำนวนมากทุกหน่วยเลือกตั้งทั่วประเทศได้เข้าร่วม จึงทำให้ กกต. ต้องยอมรับและประกาศว่าจะมีการรายงานผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการในวันเลือกตั้งนั้น
และในที่สุดก็ทำได้จริง ทั้ง กกต. และองค์กรรวมของสื่อมวลชนสามารถรายงานผลการเลือกตั้งทุกหน่วยเลือกตั้ง และประกาศผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการได้ตั้งแต่คืนวันเลือกตั้ง และตัวเลขชัดเจนมากขึ้นในวันรุ่งขึ้น
หลังจากนั้นก็มีการปรับปรุงคะแนนที่คลาดเคลื่อนหรือมีปัญหา จนทำให้ตัวเลขผู้ที่ชนะเลือกตั้งทั้งแบบเขตเลือกตั้งและแบบบัญชีรายชื่อมีความชัดเจนตรงกันโดยทั่วไป กระทั่งล่าสุดก็มีข่าวว่า กกต. พร้อมที่จะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งแล้วเพื่อให้เป็นไปตามหลักการปฏิบัติงานของ กกต. คือต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต เที่ยงธรรม และด้วยความรวดเร็ว
แต่จนแล้วจนรอดก็มีข่าวคราวสับสนเกิดขึ้นว่าจะต้องเลื่อนการประกาศออกไปบ้าง จะประกาศโดยเร็วบ้าง จนกระทั่งมีการจัดทำไทม์ไลน์แจ้งต่อคณะรัฐมนตรีถึงวันสุดท้ายที่ กกต. จะประกาศผลการเลือกตั้งในกลางเดือนกรกฎาคมนี้ และตามไทม์ไลน์นั้นกว่าจะมีรัฐบาลใหม่เข้าบริหารราชการแผ่นดินก็อาจไปถึงปลายเดือนสิงหาคมหรือต้นเดือนกันยายน 2566 ซึ่งไม่มีที่ไหนในโลกที่การเลือกตั้งโดยสุจริตจะล่าช้าถึงปานนี้
กกต. มีหน้าที่ต้องจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรม และโดยรวดเร็ว แต่ก็ต้องยอมรับว่าประชาชนทั่วประเทศมีความหวาดระแวงต่อการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต. ซึ่งเกิดแต่เหตุสองประการ
ประการแรก กกต. มีแหล่งที่มาจากคณะผู้ยึดอำนาจ หรือได้รับการคัดเลือกโดย สว. ซึ่ง คสช. เป็นผู้แต่งตั้ง ทำให้เห็นแหล่งที่มาของ กกต. ว่าเชื่อมโยงอยู่กับขบวนการรัฐประหารที่ยึดอำนาจและกำลังกลายพันธุ์เป็นนักสืบทอดอำนาจ ซึ่งจะไปตำหนิติเตียนประชาชนก็ไม่ได้ว่าทำไมต้องหวาดระแวงถึงปานนั้น
ประการที่สอง ปรากฏการณ์ตามที่เป็นข่าวหลายกรณีทำให้เกิดความสงสัยและหวาดระแวงแก่ประชาชน โดยเฉพาะการแก้ไขปรับปรุงระเบียบต่างๆ ที่ทำให้ประชาชนเข้าใจว่าอาจมีการเอื้อประโยชน์ให้แก่ฝ่ายผู้มีอำนาจซึ่งเป็นผู้แต่งตั้ง กกต. ได้
นอกจากนั้นขบวนการไสยศาสตร์ทางกฎหมายก็ได้เคลื่อนไหวอย่างหนักโดยเฉพาะทางสื่อมวลชนและการเคลื่อนไหวที่เป็นข่าวกึ่งลับกึ่งเปิดถึงขบวนการที่จะสอยฝ่ายตรงกันข้ามกับคณะรัฐประหารด้วยวิธีการไสยศาสตร์ทางกฎหมายมากหลาย
กระทั่งมีข่าวคราวการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ซึ่งเป็นการปล้นอำนาจอธิปไตยของปวงชน จากนั้นก็จะไปซื้อหาสส. มาเข้าเป็นพวกเพื่อให้เป็นเสียงข้างมากในภายหลัง ซึ่งพูดจากันอย่างเปิดเผยไม่รู้จักอาย จึงทำให้ กกต. ถูกเพ่งเล็งว่าจะถูกดึงไปเกี่ยวข้องในขบวนการเหล่านี้ด้วย
การเลือกตั้งผ่านพ้นไปกว่าครึ่งเดือนแล้วในท่ามกลางข่าวคราวที่ว่าจะสามารถประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการมาได้หลายวันแล้ว แต่ก็ยังไม่มีการประกาศผลการเลือกตั้ง จะเรียกว่าผิดธรรมเนียมการปฏิบัติของ กกต. ก็ว่าได้
เพราะ กกต. ไม่ได้เกิดขึ้นวันนี้เมื่อวานนี้ แต่มี กกต. มานานแล้ว และธรรมเนียมการปฏิบัติของ กกต. ที่ผ่านมาก็เป็นที่รู้กันทั่วไปว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งรายใดชนะการเลือกตั้งและไม่มีเหตุร้องเรียนหรือเหตุร้องเรียนรับฟังไม่ได้ กกต. ก็เคยประกาศรับรองมาโดยลำดับ โดยไม่จำเป็นต้องรอประกาศพร้อมกันทีเดียว
การประกาศรับรองผลการเลือกตั้งโดยลำดับนั้นจะทำให้ใครที่วางแผนกะเกณฑ์ตัวเลขเพื่อเอาไปใช้ประโยชน์ในทางการเมืองแบบอื่นกระทำไม่ได้ เพราะผลการเลือกตั้งจะออกมาตามความเป็นจริงโดยลำดับ ซึ่งเป็นแบบแผนที่ปฏิบัติกันมาโดยตลอด
แล้วไฉนเล่ามาครั้งนี้จึงไม่มีการปฏิบัติตามธรรมเนียมการปฏิบัติเหล่านั้น ใครกันเล่าที่เป็นผู้วางกฎเกณฑ์ใหม่ให้ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งพร้อมกันในคราวเดียว เพราะถ้าหากการประกาศรับรองผลนั้นไปกระทบสิทธิ์ของผู้สมัครไม่ว่าในทางใดๆ ก็จะเสียหายต่อผู้สมัครเหล่านั้นเพราะเวลาอาจจะไม่เพียงพอต่อการใช้สิทธิ์ในการฟ้องร้องดำเนินคดีเพื่อต่อสู้คดีหรือเพิกถอนการกระทำของ กกต.
เหตุผลก็เพราะว่าถ้าการประกาศพร้อมกันในคราวเดียวและมีการรับรองผลการเลือกตั้งถึง 95% แล้วก็สามารถเปิดประชุมสภาได้ บรรดาผู้ที่มีปัญหาและหลุดรอดเข้าไปก็สามารถไปเลือกนายกรัฐมนตรีได้ หรือผู้ที่ไม่มีปัญหาแท้จริงแต่ถูกตัดสิทธิ์ลิดรอนด้วยประการใดๆ ก็ไม่สามารถใช้สิทธิ์ทางศาลเพื่อให้มีฐานะเป็น สส. ได้ทันเวลา จึงเป็นการกระทบต่อสิทธิ์ของ
ผู้สมัครรับเลือกตั้งที่เป็นอันตรายอย่างยิ่ง
คือเป็นอันตรายต่อระบอบการปกครอง เป็นอันตรายต่อการจัดตั้งรัฐบาล ที่ผู้มีสิทธิ์อาจถูกตัดสิทธิ์และแก้ไขไม่ทัน หรือผู้ไม่มีสิทธิ์แต่หลุดรอดเข้ามาใช้สิทธิ์เลือกนายกรัฐมนตรีได้โดยป้องกันไม่ทัน และนี่ก็เป็นอันตรายที่จะบังเกิดแก่ กกต. ด้วย จนเป็นที่น่าวิตกว่าผลการเลือกตั้งครั้งนี้ กกต. จะถูกฟ้องร้องคดีจำนวนมาก และมีความเสี่ยงที่จะถูกศาลพิพากษาจำคุกหรือให้ต้องรับผิดหรือกับหลายคดีที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วก็ได้
ดังนั้น กกต. จึงควรรีบเร่งปฏิบัติภารกิจให้เป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรม และโดยรวดเร็วดังเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและกฎหมายในเรื่องนี้ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนสืบไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี