กรณี “หยก” ที่ไปปีนรั้วโรงเรียนแห่งหนึ่ง อ้างจะเข้าไปเรียน แต่ถูกปิดกั้นถูกกีดกั้น ขัดขวาง แล้วแนวร่วมม็อบ 3 นิ้ว ก็เอาไปปั่นกระแส
กลุ่มทะลุวังที่อยู่เบื้องหลังหยก ถึงกับอ้างนโยบายพรรคก้าวไกลว่าไม่บังคับแต่งเครื่องแบบ
1. ลองย้อนกลับไปเทียบเคียงการเข้าสู่ “วงการ” ของหยก กับการเข้าสู่วงการของ “ไมค์ ระยอง”
“ไมค์ ระยอง” วันแรกเปิดตัวด้วยการไปชูป้ายด่านายกฯ ใส่ชุดมอซอ แต่หลังจากเดบิวต์ ไมค์ก็แต่งตัวดีขึ้นผิดหูผิดตา ราวกับมีสไตลิสต์ จนเป็นแกนนำม็อบ 3 นิ้วเต็มตัวในเวลาต่อมา
ส่วน “หยก” วันแรกๆ ที่ไปร่วมกิจกรรมต่อต้านสถาบัน ก็แต่งตัวแบบเด็กธรรมดา แต่พอเริ่มมีคดี เริ่มปีนรั้ว มีสื่อทำข่าว หลังจากนั้น หยกก็แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าหน้าผม ยกระดับขึ้น ราวกับมีสไตลิสต์เช่นกัน
นี่คือการพยายามสร้างภาพลักษณ์ให้เป็น “ไอดอล” ของเด็กขบถ (แบบผิดๆ มั่วๆ) ที่อาจลวงหลอกเด็กๆ ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ให้เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นว่าการทำแบบนี้แล้วจะมีแก๊ง มีพวก ไม่โดดเดี่ยว
เป็นความเลวทรามต่ำช้าของผู้ที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง
สารเลวมากๆ
2. ประธานศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคม หรือ “ศชอ.” นายนพดล พรหมภาสิต โพสต์เฟซบุ๊กให้ข้อมูลเกี่ยวกับ “หยก” ระบุว่า
“เพื่อนๆ ในวงการกีบเรียกเธอว่า “สหายนอนน้อย”
เริ่มเคลื่อนไหวทำกิจกรรมต่อต้านสถาบันฯ ร่วมกับกลุ่มนาดสินปฏิวัติ (มิ๊นต์ หรือ เจ๊เขียวกิโยติน) และกลุ่มทะลุวัง (ทานตะวัน, หนอนบุ้ง, แบม...)
โดยในโลกโซเชียลสหายนอนน้อยจะโพสต์ หรือแชร์เรื่องราวที่เกี่ยวกับสถาบันฯไปในทางเสื่อมเสีย ซึ่งได้รับอิทธิพลทางความคิดต่อต้านสถาบันฯมาจากจอมไฟเย็น (หนีคดี 112 ไปทำงานเป็นเกษตรกรอยู่ที่ฝรั่งเศส)
การเคลื่อนไหวของหยกจะมีแนวทางไปทางมิ๊นต์ หรือเจ๊เขียวกิโยติน ที่กล่าวหาว่า... เป็นคู่ความกับตนเอง
จนในที่สุดก็ออกมาเคลื่อนไหวใหญ่ที่เสาชิงช้า (ม็อบ 13 ตุลา 2565) เรียกร้องให้ยกเลิก ม.112 ซึ่งพฤติกรรมในวันนั้นของหยกได้เขียนข้อความที่ใส่ร้าย... ลงบนพื้นลานเสาชิงช้า ซึ่งจากพฤติกรรมดังกล่าวทำให้กลุ่ม ศปปส. โดย นายอานนท์ กลิ่นแก้ว แจ้งความดำเนินคดีม.112 ที่ สน.สำราญราษฎร์
สน.สำราญราษฎร์ ออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหา แต่หยกก็ขอเลื่อนโดยอ้างเหตุผลคือต้องไปโรงเรียน แต่หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ หยกยังออกไปเคลื่อนไหวกับกลุ่มทะลุวังเดินเคียงข้างทานตะวันอย่างต่อเนื่อง
วันที่ 18 ก.พ. 2566 หยกอ่านแถลงการณ์หน้า UN โดยระหว่างการอ่านแถลงการณ์หยกก็ได้ฉีกหมายเรียกต่อหน้าสื่อมวลชน
หยกไม่ได้หยุดแค่นั้น ยังเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะไปเขียนข้อความที่หน้าศาลฎีกา
หรือที่ร้ายแรงสุดก็ร่วมในขบวนการพ่นสีกำแพงวัดพระแก้ว
เมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2566 หยก จึงโดนตำรวจ สน.พระราชวัง จับกุมตัวตามหมายจับของ สน.สำราญราษฎร์
ตำรวจนำตัวหยกส่งศาล หยกไม่รับกระบวนการยุติธรรมโดยนั่งลงกับพื้นแล้วหันหลังให้กับศาล โดยที่เธออ้างว่า ในศาลมีรูปของคู่ความของเธอติดอยู่บนศาล หยกจึงถูกส่งตัวไปบ้านปราณี สามพราน นครปฐม ซึ่งหยกก็ได้ก่อวีรกรรมไว้ในนั้นมากมาย
จนมาสร้างวีรกรรมอีกครั้งที่ รร.เตรียมพัฒน์ จนสังคมต้องเอือมระอากับพฤติกรรมของเธอ”
3. นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเสมอภาคระหว่างเพศ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีพรรคก้าวไกลแถลงข่าวไม่เกี่ยวข้อง ทั้งที่กรณี “หยก” สาเหตุมาจากนโยบายที่พยายามปลุกปั่นให้ยกเลิกชุดนักเรียน เลิกวัฒนธรรมการเคารพครูบาอาจารย์ เลิกเคารพกฎกติกาที่ตนไม่ชอบ
จน“หยก” จากเยาวชนบริสุทธิ์ กลายเป็น“เหยื่อ”ของความเชื่ออย่างก้าวร้าวสุดโต่ง
และเมื่อหยกพยายามทำตามสิ่งที่ได้ปลุกปั่นไว้ โดยมีว่าที่สส.พรรคก้าวไกลออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุน ทั้งการไปถือป้ายที่หน้าโรงเรียนดังกล่าว รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นสนับสนุนอย่างเต็มที่
แต่สังคมสนับสนุนโรงเรียนให้ปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดและเท่าเทียมกัน
นายแทนคุณบอกว่า ตนได้ฟังความคิดเห็นของผู้ปกครองในเรื่องการคงให้ใส่ชุดนักเรียนขึ้นกับความพร้อมแต่ละครอบครัว บางคนห่วงเรื่องความเหลื่อมล้ำ เพราะเด็กไทยชอบถูกเปรียบเทียบ อวดแข่งกันเรื่องยี่ห้อ เรื่องแบรนด์เนม (เห็นและได้ยินกับตัวเองเรื่องการแข่งกันเรื่องยี่ห้อรองเท้า เสื้อผ้า ฯลฯ) บางคนห่วงเรื่องความปลอดภัย จะแยกแยะอย่างไรคนไหนนักเรียนคนไหนคนนอกโรงเรียนที่เข้ามาปะปนหรือตอนออกนอกโรงเรียน บางคนห่วงเรื่องโฟกัส สมาธิต้องมาคิดทุกวันจะแต่งตัวยังไง.ชุดจะซ้ำกันไหมจะมีรสนิยมไหม ตลกไหม สวยไหม อายเพื่อนไหม แมทช์กันไหม เพื่อนล้อไหม
พอหยก โดนสังคมตำหนิมากเข้า เรียกว่า “กระแสตีกลับ” จึงต้องกลับมาดูสิ่งที่พรรคก้าวไกลทำ คือ การแถลงการณ์ว่าพรรคตนไม่เกี่ยวข้องใดๆกับเรื่องของ “หยก”
เหมือนกับคนมีความสัมพันธ์กันจนมีลูก พอมีลูก ลูกทำผิดตามที่พ่อแม่สอนมา คนเป็นพ่อแม่กลับตัดหางทิ้ง และประกาศไม่ใช่ลูกตนเอง
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ในช่วงเลือกตั้ง พรรคก้าวไกลรณรงค์เรื่องนี้และกำหนดเป็นนโยบายพรรคอย่างจริงจัง และมีการสนับสนุนแกนนำผู้ชุมนุม จนต่อเนื่องมาถึงการกระทำของ “หยก” ดังนั้น การกระทำของพรรคก้าวไกล จึงถือเป็นการกระทำที่ไร้สามัญสำนึก ไร้ความรับผิดชอบต่อเยาวชนและสังคม
สะท้อนถึงการกระทำที่เป็นภัยคุกคามต่อสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพอย่างแท้จริง
กล่าวคือ มีการปลุกปั่นหลอกลวง ให้หลงเชื่อ และเมื่อเกิดผลกระทบต่อชีวิตเยาวชนที่หลงเชื่อจนเป็นเหตุให้ละเมิดกฎหมายบ้านเมืองในหลายเรื่อง ทั้งมาตรา 112 และกฎหมายอื่นๆ อันจะกลายเป็นสาเหตุที่บ้านเมืองวุ่นวาย ครอบครัวแตกแยก เยาวชนก้าวร้าวรุนแรงสุดโต่ง โดยถือว่าสิ่งเหล่านี้คือส่วนขยายของลัทธิคลั่งเสรีภาพที่ก้าวร้าวแบบสุดโต่งนั่นเอง
4. น่าเวทนา... ยังมีเอ็นจีโอ นักการเมือง นักวิชาการ สื่อมวลชนอินฟลูฯ เพจดัง จำนวนหนึ่ง คอยให้ท้ายการกระทำของ “หยก”
ไม่เบิกตาดูข้อเท็จจริงว่า พฤติกรรมการเข้าเรียนตามรายวิชาที่ตนเองสนใจเท่านั้น เลือกเข้าเรียนเอง จงใจฝ่าฝืนระเบียบโดยไม่แต่งเครื่องแบบนักเรียน นำมือถือเข้าไปใช้ในโรงเรียนรบกวนผู้อื่นในชั้นเรียนเพื่อเคลื่อนไหวร่วมกับกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลัง การไม่มีผู้ปกครองมามอบตัวตามหลักเกณฑ์ของโรงเรียนที่ใช้เป็นการทั่วไป โดยที่โรงเรียนอนุโลมให้แล้ว ฯลฯ
แต่กลับหลับหูหลับตา ให้ท้าย “หยก” ซ้ำซาก
ราวกับว่า เด็กนักเรียนที่เหลือ ที่ยอมรับกติกา รวมทั้งผู้ปกครองทั้งหลายล้วนแต่เป็นพวกคร่ำครึ ไดโนเสาร์ ไม่หัวก้าวหน้าเหมือนหยก จึงควรหาทางปรับแนวทางส่วนรวมเพื่อรับกับพฤติกรรมป่วนกฎของเด็กที่ถูกผลักดันโดยคนบางกลุ่ม
ใครยังคิดสนับสนุนแนวทางแบบ “หยก” ถือว่าก้าวหน้า สมควรส่งเสริม ก็ไม่ว่ากัน เคารพ
ขออวยพรให้ลูกหลานของคนคนนั้น มีวิธีคิด มีการกระทำต่อพ่อแม่มีพฤติกรรมเหมือน “หยก” เทอญ
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี