สำนักข่าว China News Agency หรือ ซีเอ็นเอเสนอผลวิจัยของอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลียว่าอิทธิพลของสื่อสังคม หรือ โซเชียลมีเดีย เป็นแรงผลักดันให้พรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้งเหนือความคาดหมาย
ผลวิจัยที่ชื่อว่า “ประเทศไทยพรรคก้าวไกลกับการใช้โซเซียลมีเดีย” ซีเอ็นเอ นำมาเสนอว่า “ในขณะที่คนส่วนใหญ่ในประเทศไทยใช้และเสพสื่อออนไลน์ โซเชียลมีเดียไม่ใช่เป็นเพียงหนึ่งทางเลือกในการรณรงค์หาเสียงอีกต่อไป แต่มันเป็นพื้นที่สำคัญที่ผลักดันให้พรรคก้าวไกลได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่ได้ สส.เข้าสภา 151 คน ขอบคุณโซเชียลมีเดียที่เป็นกลไกสำคัญผลักดันให้ก้าวไกลได้เป็นฝ่ายชนะ..
“..ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งแทบพูดได้ว่าพรรคก้าวไกลและนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ครอบงำสื่อสังคมออนไลน์..” อาจารย์มหาวิทยาลัยซิดนีย์ กล่าว ในเวลาเดียวกันที่พรรคการเมืองอื่นก็ใช้สื่อออนไลน์ในการรณรงค์หาเสียงกันอย่างขว้างขวางแต่อิทธิพลความนิยมบนโซเชียลของพรรคก้าวไกลล้ำหน้าคู่แข่งไปหลายช่วงตัว และ ที่เป็นกุญแจสำคัญในความสำเร็จของพรรคก้าวไกลคือผู้สนับสนุนและแฟนคลับของพรรคที่แอ๊กทีฟ หรือ ใช้โซเชียลมีเดียอย่างขะมักเขม้น รวมพลังเข้าด้วยกันทำการโปรโมทพรรคก้าวไกลอย่างเป็นกระบวนการผ่านโซเชียลมีเดีย
ในฐานะที่ประเทศไทยมีผู้ใช้โซเชียลมากที่สุดในโลกประเทศหนึ่งพื้นที่บนโซเชียลมีเดียจึงเป็นอาวุธสำคัญในสมรภูมิประจัญบานการหาเสียงเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา ในสภาวะที่ประชากรกว่า 80% เข้าถึงสื่อออนไลน์การโซเชียลมีเดียรณรงค์หาเสียง จึงไม่ใช่เป็นทางเลือกหนึ่งอีกต่อไปแต่มันได้กลายเป็นแพลตฟอร์มสำคัญเป็นพื้นที่หลักของการหาเสียง
แฮชแท็กที่ขึ้นเทรนด์สูงที่สุดในหน้า เฟซบุ๊กทวิตเตอร์ และ ติ๊กต็อก ก่อนหน้าวันเลือกตั้งคือ #เลือกตั้ง23 (23=2566) และ พรรคก้าวไกลครอบงำการสนทนา ในข้อความ บนบทความที่เกี่ยวเนื่องการเลือกตั้งทางออนไลน์โดยสิ้นเชิง
เปรียบเทียบกับพรรคอื่นๆพบว่าคนไทยสนทนา แลกเปลี่ยน มีปฏิสัมพันธ์ทางออนไลน์กล่าวถึงพรรคก้าวไกลมากที่สุด นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ชุดความคิดของพรรคก้าวไกลกลายเป็นเทรนอันดับหนึ่งบนหน้าแพลตฟอร์มของสื่อออนไลน์ทุกรูปแบบและเป็นเนื้อหาที่ได้รับความนิยมสูงสุดบนเฟซบุ๊กที่แฮชแท็ก#เลือกตั้ง 23 ของก้าวไกลสูงถึง 56%ของผู้ที่กดไลค์กดแชร์และมีปฏิสัมพันธ์กันถึงสิบล้านครั้งถึงแม้ว่า 80% อาจเป็นปฏิสัมพันธ์ทิพย์ (ไลค์ แชร์จาก AI และ Robot) อย่างไรก็ตาม ติ๊กต็อก เฟซบุ๊ก และ ทวิตเตอร์ของก้าวไกล ได้รับปฏิสัมพันธ์มากกว่าพรรคเพื่อไทยที่ชนะเลือกตั้งได้อันดับสองถึงหกเท่าคือการรณรงค์หาเสียงทางโซเชียลของเพื่อไทย ได้รับการไลค์แชร์เพียง 15% หรือมีปฏิสัมพันธ์เพียง1.6 ล้านครั้ง
หัวหน้าพรรคก้าวไกลมีอิทธิพลในโลกโซเชียลมากกว่าและเป็นที่นิยมมากกว่า ถ้าเปรียบเทียบกับคู่แข่งอื่นๆ ถึงแม้ว่าในช่วงเริ่มของการหาเสียงทางออนไลน์ของนายพิธา มีผู้ติดตามกดไลค์กดแชร์น้อยกว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา รักษาการนายกรัฐมนตรีถึง 40% แต่หลังจากรณรงค์หาเสียง 60 วัน เฟซบุ๊กนายพิธา มีฐานผู้สนับสนุนติดตามเติบใหญ่ขึ้นอย่างก้าวกระโดดกว่า 200% และทุกโพสต์ของเขามีปฏิสัมพันธ์กดไลค์กดแชร์ และวิวมากกว่าพรรคอื่นๆ มารวมกัน 300% แต่ละโพสต์ของนายพิธาจะมีปฏิสัมพันธ์ได้รับความสนใจถึง 59,000 ครั้ง และ 99% คอมเมนต์ ออกความเห็นในแง่บวก
อัตราของการมีปฏิสัมพันธ์นี้เอง เป็นปัจจัยสำคัญของความสำเร็จในการนำมาประยุกต์ใช้การรณรงค์หาเสียงออนไลน์ โดยการแยกแยะวางลำดับความสำคัญของเนื้อหาเกี่ยวกับการรณรงค์หาเสียงออนไลน์ของพรรคก้าวไกลและเป็นปัจจัยแห่งชัยชนะอย่างชัดเจน ทวิตเตอร์#พิธา เลือกก้าวไกลบัตร 2 ใบ# มีความสำคัญต่อ #เลือกตั้ง 23 มาก แสดงให้เห็นว่า ผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลใช้ความขยันในการใช้สื่อออนไลน์ ทำให้พรรคก้าวไกลเป็นผู้นำและครอบงำ สื่อออนไลน์ในการหาเสียง
รูปแบบของการแฮชแท็กทุกกิจกรรมของพรรคก้าวไกล ทำได้เหนือชั้นกว่าพรรคอนาคตใหม่ที่ใช้สื่อออนไลน์ระดมพลให้ขบวนการเยาวชนประท้วงใหญ่ในปี 2563 พรรคอื่นๆ ก็มีทวิตเตอร์มีแฮชแท็กเช่นกันโดยเฉพาะผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยและพรรครวมไทยสร้างชาติแต่ทวิทเตอร์ของพรรคอื่นไม่ครอบคลุมในวงกว้างและครอบงำเหมือนก้าวไกลทำ
ติ๊กต็อก เป็นโซเชียลมีเดียที่เติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศไทย และกลายเป็นเพลตฟอร์มใหม่ของการรณรงค์พรรคการเมืองใหญ่และใน
รูปแบบของความนิยมติ๊กต็อก ถือว่า ก้าวไกลชนะแบบแลนด์สไลด์
คีย์เวิร์ดสำคัญ ที่สัมพันธ์กับ “แฮชแท็กการเลือกตั้ง 23” ทั้งหมดเป็นเรื่องของพรรคก้าวไกลในขณะที่ติ๊กต็อกของนายพิธามีคนกดไลค์ 14.7 ล้านครั้งและแฮชแท็กของเขามีผู้เข้าชม 10 ล้านวิว ในขณะที่คอนเทนต์ของพรรคเพื่อไทยและสื่อออนไลน์ของแกนนำพรรคเพื่อไทย ตลอดถึงติ๊กต็อก มีความนิยมน้อยกว่าของพรรคก้าวไกล 20 เท่า
ความนิยมในโซเชียลมีเดียเป็นสาระสำคัญและมีผลต่อการเลือกตั้งหรือไม่? ผลสำรวจพบว่าพรรคการเมืองที่มีฐานเสียง หรือผู้สนับสนุนแอ๊กทีฟ หรือขะมักเขม้นในการใช้สื่อออนไลน์มีแนวโน้มจะได้รับการเลือกตั้งมากกว่าพรรคที่มีฐานเสียงสนับสนุนตามธรรมชาติ
ข้อสังเกตที่สำคัญ คือ เนื้อหาหรือเรื่องเด่นๆ ในสื่อออนไลน์ที่ได้รับความนิยมของพรรคก้าวไกลไม่ว่าจะเป็น ติ๊กต็อก เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และ
อินสตาแกรม ไม่ได้มาจากมันสมอง หรือ รังสรรค์ค้นคิดโดยพรรคก้าวไกล และไม่ได้มาจากมันสมองของผู้สนับสนุนพรรค แต่มันเป็นเนื้อหาสาระที่แชร์ หรือ ก็อบปี้ มาจากอินฟลูเอนเซอร์ ผู้มีอิทธิพลทางความคิดความนิยม และ สื่อมวลชนที่มีอิทธิพลทางความคิดเหนือมวลชนขององค์กรสื่อทรงอิทธิพล เช่น สื่อในเครือข่ายไทยรัฐและมติชนซึ่งรูปแบบเดียวกันนี้ไม่ได้ถูกนำไปใช้ในพรรคอื่นซึ่งบ่งชี้ว่าพรรคก้าวไกลมีแรงผลักดันในพลังสื่อออนไลน์อย่างแข็งขัน นั่นเพราะพรรคก้าวไกลมีผู้สนับสนุนที่แอ๊กทีฟสื่อสารออนไลน์ และ ร่วมมือกันใช้สื่อออนไลน์สนับสนุนพรรคก้าวไกลอย่างเป็นกระบวนการ
นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย ไม่ได้อธิบายว่าพรรคก้าวไกลนำคอนเทนต์จากอินฟลูเอนเซอร์ และ สื่อยักษ์ใหญ่ อย่างไทยรัฐและมติชนมาใช้อย่างไร แต่ผู้เขียนเข้าใจว่า ผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลเลือกวลีเด็ดๆ จากมติชนและไทยรัฐหรือไม่ ก็คำพูดที่หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์สื่อแล้วเลือกเอาวลีที่ถูกใจมาโพสต์ออนไลน์ “เช่นมีทหารไว้ทำไม? ปฏิรูปไม่ใช่ล้มล้าง..แก้ไขไม่ใช่ยกเลิก...มีลุงไม่มีเรา..ปาตานีเป็นเอกราชจากรัฐไทยไม่ใช่แยกดินแดน ฯลฯ เป็นประโยคสั้นๆมาโพสต์แล้วแชร์ต่อๆ กันไปซึ่งถูกใจของแฟนคลับก้าวไกล ตลอดถึงคนไทยส่วนใหญ่ที่อ่านหนังสือไม่เกินหกบรรทัดต่อวัน
พรรคก้าวไกลถึงแม้ชนะเลือกตั้งและรวมรวมเสียงสนับสนุนจาก สส.แปดพรรค ได้ 312 เสียง จึงไม่ผ่านการโหวตของรัฐสภา ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย เพราะสมาชิกรัฐสภาส่วนใหญ่ไม่เพียงแต่รู้จักพรรคก้าวไกลจากสื่อออนไลน์ สส. และ สว. ส่วนใหญ่ติดตามพฤติกรรมของพรรคก้าวไกล และได้ศึกษานโยบายพรรคก้าวไกลมามากกว่าแปดบรรทัด พรรคก้าวไกลถึงชนะการเลือกตั้งมากกว่าพรรคใดๆ เป็นแชมเปี้ยนในโลกออนไลน์แต่ตกม้าตายในสภา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี