นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เคยเป็นเลขาธิการพรรคไทยรักไทย และเป็นอดีตรัฐมนตรีคมนาคมยุครัฐบาลทักษิณ
เคยถูกสอบสวนคดีทุจริตประพฤติมิชอบเกี่ยวกับโครงการสนามบินสุวรรณภูมิหลายเรื่อง
กรณีจัดซื้อเครื่องบินของการบินไทยอีก
แต่ทั้งหมด ก็รอดมาได้
เคยพลาดหวังจากเก้าอี้รัฐมนตรีคมนาคมยุคนายกฯลุงตู่
แต่ในที่สุด ก็มาสมหวังในยุคนายกฯ เศรษฐาในสมัยนี้
เมื่อได้โอกาสเป็นรัฐมนตรีคมนาคมที่หมายปองมานาน แล้วเคยมีประสบการณ์และบทเรียนมาแล้ว ก็ควรจะใช้โอกาสนี้ ทำคุณงามความดี
ควรรีบใช้โอกาสนี้ สร้างผลงานเป็นที่จดจำด้านดีๆ
1. ในการประชุมร่วมรัฐสภา รัฐมนตรีสุริยะ ได้ชี้แจงเกี่ยวกับนโยบายหาเสียงรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
ระบุว่า นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดเส้นทางจะมีการดำเนินการต่อไป และขอยืนยันว่านโยบายนี้จะเริ่มทำทันที โดยจะทำการรวบรวมสัมปทานเดินรถของเอกชนทุกเส้นทาง และแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อเจรจากับผู้ได้รับสัมปทานทุกราย ซึ่งการเจรจามีหลายเรื่องต้องลงรายละเอียดอาจต้องใช้เวลาประมาณ 6 เดือน หลังจากนั้น นโยบาย 20 บาทตลอดเส้นทางจะดำเนินการได้ทันที
“ในส่วนที่เป็นโครงการเส้นทางการเดินรถโครงการของรัฐ ได้แก่
รถไฟฟ้าสายสีแดง จากตลิ่งชันไปรังสิต รวมระยะทาง 41 กิโลเมตร จำนวน 13 สถานี อัตราในปัจจุบันราคา 14-42 บาท
ส่วนรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางซื่อ-คลองบางไผ่ รวมระยะทาง 23 กิโลเมตร 16 สถานี ในราคา 14-42 บาท
ผมจะให้มีการปรับราคาเป็น 20 บาทตลอดเส้นทาง
โดยจะเร่งผลักดันให้ใช้ได้ภายใน 3 เดือน เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ 2567 ให้ประชาชน”- รมต.สุริยะกล่าว
2. ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ ได้ออกมาให้ความเห็นทันทีว่า “20 บาทตลอดสาย “แบบไม่ตรงปก” ทำได้ทันที ไม่ต้องรอถึงปีใหม่”
ระบุว่า ถ้าทำเฉพาะ 2 สายนี้ ไม่สามารถนั่งข้ามสายได้ ซึ่งไม่ “ตรงปก” สามารถลงมือทำได้ทันที ไม่ต้องรอถึงปีใหม่
ส่วน “แบบตรงปก” ซึ่งจะนั่งกี่สาย กี่สีก็ได้ ไม่ควรให้รอนานถึง 2 ปี
“1. รถไฟฟ้าสายสีแดง
รถไฟฟ้าสายสีแดงเป็นการลงทุนทั้งหมดโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) มีเส้นทางจากบางซื่อ-รังสิต ระยะทาง 26 กิโลเมตร และจากบางซื่อ-ตลิ่งชัน ระยะทาง 15 กิโลเมตร รวมระยะทางทั้งหมด 41 กิโลเมตร
ค่าโดยสารในปัจจุบัน 12-42 บาท หรือสูงสุดไม่เกิน 42 บาท ซึ่งจะเดินทางได้ไกลสุดคือระหว่างรังสิต-ตลิ่งชัน ระยะทาง 41 กิโลเมตร
ดังนั้น ค่าโดยสารสูงสุดต่อกิโลเมตรจะเท่ากับ 1.02 บาท (42/41)
2. รถไฟฟ้าสายสีม่วง
รถไฟฟ้าสายสีม่วงเป็นการลงทุนทั้งหมดโดยการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) มีเส้นทางจากเตาปูน-บางใหญ่ ระยะทาง 23 กิโลเมตร
ค่าโดยสารในปัจจุบัน 17-42 บาท หรือสูงสุดไม่เกิน 42 บาท ซึ่งจะเดินทางได้ไกลสุดคือระหว่างเตาปูน-บางใหญ่ (คลองบางไผ่)
ดังนั้น ค่าโดยสารสูงสุดต่อกิโลเมตรจะเท่ากับ 1.83 บาท (42/23)
3. รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย “แบบไม่ตรงปก” สำหรับสายสีแดงและสายสีม่วง จะต้องรอถึงปีใหม่หรือ ?
รมว.คมนาคม ชี้แจงในระหว่างการแถลงนโยบายรัฐบาลว่า จะเร่งผลักดันรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เฉพาะสายสีแดงและสายสีม่วงเป็นสายนำร่องให้ได้ภายใน 3 เดือน เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ 2567 ให้ผู้โดยสาร
กรณีนี้หากผู้โดยสารจ่าย 20 บาท เพื่อใช้สายสีแดง (หรือสายสีม่วง) เมื่อเปลี่ยนไปใช้สายสีอื่นจะต้องจ่ายค่าโดยสารเพิ่มขึ้นตามอัตราค่าโดยสารของสายนั้นๆ ซึ่ง “ไม่ตรงปก”
ก็ยังถือว่าดีที่ช่วยแบ่งเบาภาระค่าเดินทางให้ผู้โดยสารได้บ้าง
แต่ผมเห็นว่าไม่ต้องรอถึงปีใหม่ สามารถเริ่มได้ทันทีเริ่ม 1 ตุลาคม 2566 ก็ได้
เพราะรถไฟฟ้าทั้ง 2 สายนี้เป็นการลงทุนทั้งหมดโดยภาครัฐ ไม่มีเอกชนร่วมลงทุน ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาเจรจากับเอกชน
เพียงแค่ใช้เวลาในการปรับเปลี่ยนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และประชาสัมพันธ์เท่านั้น ซึ่งใช้เวลาไม่นาน
4. รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย “แบบตรงปก” ต้องรอนานถึง 2 ปี หรือ ?
รมว.คมนาคมเคยให้สัมภาษณ์ว่า รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย จะใช้รถไฟฟ้ากี่สายก็ได้ ไม่จำกัดจำนวนสายและจำนวนสี ซึ่งถือว่าเป็น “แบบตรงปก” (แต่ไม่ได้บอกว่าจะสามารถใช้ได้ภายในระยะเวลากี่ชั่วโมง) ผู้โดยสารจะต้องรอถึง 2 ปี
แต่ผมเห็นว่าควรใช้เวลาประมาณ 1 ปีเท่านั้น
และควรแต่งตั้ง “คณะกรรมการกำกับกิจการรถไฟฟ้า” ขึ้นมาเป็นอันดับแรก ตามที่ผมได้ให้สัมภาษณ์หลายรายการไปแล้วก่อนหน้านี้
ผมดีใจที่ รมว.คมนาคมชี้แจงในระหว่างการแถลงนโยบายรัฐบาลว่าจะแต่งตั้งคณะกรรมการฯ ขึ้นมา ซึ่งตรงกับข้อเสนอของผม
คณะกรรมการฯ มีหน้าที่เจรจาต่อรองกับผู้เดินรถไฟฟ้า โดยควรเริ่มเจรจากับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ก่อน เพราะมีส่วนแบ่งการตลาดสูงที่สุด หาก BTSC ยอมรับข้อเสนอจากภาครัฐ คาดว่าผู้เดินรถรายอื่นก็คงยอมเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ ยังมีหน้าที่ในการกำหนดหลักเกณฑ์การจัดสรรรายได้จากค่าโดยสารให้ผู้เดินรถแต่ละราย รวมทั้งหลักเกณฑ์ในการชดเชยส่วนต่างรายได้ให้ผู้เดินรถแต่ละรายอีกด้วย
รมว.คมนาคม เข้าใจว่าหากลดค่าโดยสารลง จะทำให้มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้น แล้วจะส่งผลให้ผู้เดินรถไฟฟ้ามีรายได้เพิ่มขึ้น ภาครัฐจะได้รับส่วนแบ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากผู้เดินรถ ซึ่งเป็นการเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวง
เนื่องจากการเก็บค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย แม้จะทำให้มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นก็ตาม แต่รายได้จะลดลง
เพราะค่าโดยสารลดลงจากอัตราในปัจจุบันมาก ซึ่งจะทำให้รายได้ลดลง
ดังนั้น ภาครัฐจะต้องชดเชยให้ผู้เดินรถ”
3. นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ไม่ปรากฏในถ้อยแถลงนโยบายของรัฐบาลเศรษฐา1
และรัฐบาลเพื่อไทยก็แสดงออกชัดเจนถึงความขัดข้องที่จะทำตามนโยบายหาเสียงที่ประกาศไว้
ทั้งๆ ที่ นายเศรษฐา ทวีสิน ถึงขนาดเคยให้สัมภาษณ์ไว้ชัดเจนช่วงก่อนเลือกตั้ง ว่าภายใน 3 เดือน จะสำเร็จแน่นอน
แต่พอได้เป็นรัฐบาลจริง ก็ออกอาการเหมือนเดิม
ตอกย้ำว่า เป็นนโยบายที่มีไว้ต้มตุ๋นหลอกลวง ล่อเอาคะแนนเสียงจากประชาชนในช่วงเลือกตั้งแบบซ้ำซาก
ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า
สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์เคยนำมาหาเสียง แต่หลังจากนั้นก็ยอมรับว่าทำไม่ได้ เพราะติดสัญญาสัมปทานเอกชน
ตอนเลือกตั้งซ่อม สส. กทม. พรรคเพื่อไทยก็เอานโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายมาหาเสียงอีก
รู้ทั้งรู้ว่าทำไม่ได้ เคยบริหารแล้ว ล้มเลิกไปแล้ว
แม้ในสนามผู้ว่าฯกทม.ผู้ว่าฯชัชชาติ เอาราคารถไฟฟ้ามาหาเสียง (ไม่ได้ประกาศว่า 20 บาทตลอดสาย แต่ก็มีนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้าราคาถูกมาล่อเอาคะแนนเสียง) แล้วจนบัดนี้ ก็ยังทำไม่ได้ เพราะรู้อยู่แล้วว่าติดเงื่อนไขสัญญาอย่างไรบ้าง
เลือกตั้งใหญ่ครั้งล่าสุด พรรคเพื่อไทยก็เอามาหาเสียงอีก ซ้ำซาก
กระทั่งนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว. คมนาคม ออกมาแก้เกี้ยวว่า “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นนโยบายเร่งด่วน แต่ต้องใช้เวลาเจรจา...ไม่น่าจะเกิน 2 ปี”
ล่าสุด ประกาศในที่ประชุมรัฐสภาว่าจะนำร่องก่อน 2 สาย สายสีแดงกับสายสีม่วง
ซึ่งในความเป็นจริง ถ้าเฉพาะ 2 สายนี้ ไม่ต้องรอถึงสิ้นปีก็ทำได้เลย เพราะอยู่ในอำนาจรัฐอยู่แล้ว
สมัยรัฐบาลลุงตู่ ก็ให้นั่งรถไฟฟ้าสายสีแดง 20 บาทอยู่แล้ว
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี