ท่านรัฐมนตรีธรรมนัสกำลังปรามขบวนการปล้นชาติที่ทำลายราคายางของประเทศไทยซ้ำซากดักดานมาเป็นเวลานานแล้วอย่างถึงพริกถึงขิง และประกาศให้เวลาเพียง 10 วัน ที่จะต้องหยุดการปล้นชาติ มิฉะนั้นจะกวาดล้างอย่างเฉียบขาดให้สิ้นซาก ได้สร้างความยินดีปรีดาแก่ชาวสวนยางทั่วประเทศ หลังจากก้มหน้าน้ำตาตกมานานปี
ก็เป็นเวรกรรมของชาวสวนยางที่หลงใหลได้ปลื้มกับขบวนการลิเกออกแขกแหกตาไปวันๆ สร้างความหวังไปเรื่อยๆ แล้วเอาเงินแผ่นดินไปค้ำจุนราคาจนเกิดความเสียหายย่อยยับแก่แผ่นดิน ซึ่งไม่มีวันที่จะทำได้อีกต่อไป ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องสร้างความถูกต้องในเรื่องนี้
เป็นโชคดีของพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางและบ้านเมืองของเราที่มีรัฐมนตรีใจถึงพึ่งได้จริงเอาความจริงที่รู้กันแต่ไม่พูดกันมาแฉให้ฟังกันกลางเมืองถึงสาเหตุที่ทำให้ราคายางตกต่ำถึงขนาด 5 กิโลกรัมต่อ100 บาท ซึ่งไม่พอค่าแรง ไม่ต้องพูดถึงค่าส่วนแบ่งจะหวังเงินรัฐไปจุนเจือเกื้อหนุนก็ลำบากยากเข็ญ เพราะแผ่นดินก็เป็นหนี้สินรุงรัง ไม่สามารถที่จะไปก่อหนี้สร้างสินเอามาค้ำจุนราคายางได้อีกแล้ว
ท่านรัฐมนตรีธรรมนัสได้ฟันธงเปรี้ยงลงไปกลางใจคนโกงว่า สาเหตุที่ราคายางตกต่ำเหลือ5 กิโลกรัม 100 บาท ก็เพราะมีขบวนการลักลอบนำเข้ายางจากเพื่อนบ้าน ซึ่งแทบไม่มีต้นทุนเข้ามาขายในราคาต่ำ จึงทำให้ยางไทยตกต่ำลง ยิ่งมีขบวนการใช้เงินแผ่นดินไปค้ำจุนก็ยิ่งโกงกันสนั่นหวั่นไหว เพราะเอายางเพื่อนบ้านราคาถูกเข้ามาขายราคาสูง แผ่นดินก็ย่อยยับ ชาวสวนยางก็ย่ำแย่ จนต้องมาแก้กันในวันนี้ และเชื่อว่าท่านรัฐมนตรีธรรมนัสคงเอาจริงแน่ ซึ่งจะสามารถแก้ไขได้เพราะเพียงแต่ปรามเท่านั้นราคายางก็พุ่งขึ้นไปกิโลกรัมละ 5 บาทแล้ว
ดังนั้นพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางจะต้องจดจำไว้ให้มั่นคงว่านับแต่นี้ไปอย่าหลงใหลได้ปลื้มกับพวกเล่นลิเกที่โกหกพกลมไปวันๆ มาอยู่กับความเป็นจริง ร่วมมือกันทำให้รายได้จากราคายางสมเหตุสมผล เป็นไปตามราคาตลาดที่แท้จริง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นสดมภ์ใหญ่ในจตุสดมภ์มาตั้งแต่โบราณกาล แม้แบ่งส่วนราชการเป็น 20 กว่ากระทรวง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็ยังคงดำรงสถานะสดมภ์ใหญ่ไม่ได้ต่างกับแต่ก่อน ดังนั้นการได้รัฐมนตรีที่ใจถึงมือถึงจึงเป็นโอกาสของบ้านเมืองและเกษตรกรทั้งหลาย
ซึ่งความจริงก็มีหลายเรื่องที่จะต้องช่วงชิงทำให้ได้ในช่วงเวลาที่ท่านรัฐมนตรีธรรมนัสเป็นรัฐมนตรีเกษตรฯ แต่เฉพาะหน้านี้จะขอให้พิจารณาเรื่องสามปูสักหน่อย สามปูที่ว่านี้คือ ปูแสม ปูม้า และปูทะเล ซึ่งเป็นสัตว์น้ำธรรมชาติคู่บ้านคู่เมืองมาช้านานแล้ว และวันนี้กำลังมีปัญหาใหญ่ จำเป็นต้องอาศัยท่านรัฐมนตรีธรรมนัสช่วยเร่งรัดจัดการเพื่อความอยู่ดีมีสุขของคนไทยโดยทั่วกัน
ปูหนึ่งก็คือปูแสม ซึ่งบางท้องที่เรียกว่าปูเปรี้ยว บางแห่งก็เรียกว่าปูสำหรับทำปูเค็ม แต่เอาเป็นว่าเป็นปูแสม ที่ดองแล้วเอามาตำกับส้มตำได้นั่นแหละ แต่ความจริงก็ทำอาหารได้หลายอย่าง เป็นที่นิยมชมชอบของคนไทยมาแต่โบราณ แต่กำลังจะสูญพันธุ์ไปแล้ว เพราะสาเหตุจากแหล่งที่อาศัยกำลังถูกทำลายขาดแคลน และบริโภคกันไม่บันยะบันยัง ในขณะที่ไม่ได้ฟื้นฟูแหล่งอยู่กินของเขา
เมื่อร่อยหรอลงไปก็ไปซื้อหามาจากเพื่อนบ้านจนเกือบจะเกลี้ยงไปด้วยกันแล้ว ในวันนี้ต้องไปหามาจากแอฟริกาและอินโดนีเซีย ซึ่งวันหนึ่งก็คงจะไม่มีกิน และเพราะราคาสูงจึงคุ้มค่าที่จะฟื้นแหล่งอาศัยของปูแสม แต่ก็ไม่ใช่ง่ายนัก ถึงกระนั้นเรื่องไม่ง่ายนี่แหละก็ต้องไหว้วานท่านรัฐมนตรีธรรมนัสช่วยมอบนโยบายให้จัดการเรื่องนี้
ปูที่สองก็คือปูม้า ที่เคยอุดมสมบูรณ์ทั้งสองฝั่งทะเลของประเทศไทยโดยเฉพาะในอ่าวไทย เพราะปูม้านั้นเป็นปูที่มาตามกระแสน้ำ มีแหล่งกำเนิดตามทะเลชายฝั่ง แล้วออกไปเติบโตยังทะลน้ำลึก พอคลื่นใหญ่ลมแรง ก็ตามน้ำกลับเข้ามาในอ่าวไทยและใกล้ฝั่งทะเลตะวันตก
แต่ปูม้าเป็นที่นิยมมาก นอกจากเอามาต้มกินกันเป็นตัวๆ แล้ว ยังเอามาแกะเนื้อใส่กระป๋องส่งออกอีกดังนั้นจึงเริ่มไม่พอบริโภค ถึงกับต้องนำเข้ามาจากเวียดนามกันแล้ว และทำให้ราคาสูงขึ้นทุกวัน
ดังนั้นในเมื่อธรรมชาติอาจตอบสนองไม่ทันก็จำเป็นที่จะต้องเลี้ยง ซึ่งขณะนี้พี่น้องบางพื้นที่ฝั่งทะเลอ่าวไทยก็ได้ตั้งธนาคารปูและเลี้ยงปูม้ากันแล้ว ขาดอย่างเดียวก็คือการสนับสนุนช่วยเหลือจากรัฐ ซึ่งพวกสายตาสั้นคิดทำมาหากินจากโครงการของรัฐไม่เห็นค่า จึงปล่อยสภาพให้เกิดความขาดแคลนและราคาสูงขึ้นทุกวัน ก็จำเป็นจะต้องพึ่งท่านรัฐมนตรีธรรมนัสช่วยกำหนดนโยบายและสนับสนุนการเลี้ยงปูม้าตลอดทั้งสองฝั่งทะเล และอาจยกระดับการส่งออกเนื้อปูได้อีกทางหนึ่งด้วย
ปูที่สามก็คือปูทะเล ในโลกนี้แม้มีปูลักษณะเดียวกันกับปูทะเลในหลายพื้นที่ แม้ปูที่มีลักษณะพิเศษและราคาแพงเช่นปูทาราบะซึ่งมีราคาตัวละร่วมหมื่นบาทนั้น ว่ากันโดยยุติธรรมแล้วไม่มีปูลักษณะเดียวกันชนิดใดที่จะมีรสหอมหวานอร่อยเหมือนกับปูทะเลไทยเลย
แม้พม่าและเวียดนามจะเลี้ยงได้เป็นจำนวนมากและกำลังขยายการเลี้ยงไปถึงแอฟริกา แต่รสชาติก็สู้ปูทะเลไทยไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงปูทะเลฮ่องกงหรือปูจีนซึ่งจืดชืดและตัวเล็ก
ปูทะลไทยตัวใหญ่ สีสวย รสชาติอร่อยก็เพราะคุณสมบัติพิเศษของน้ำและอาหาร ที่น้ำจากพื้นบกไหลลงไปสมทบกับน้ำทะเลก่อเกิดเป็นอาหารชั้นดีโดยเฉพาะในพื้นที่บางแห่ง เช่น บ้านดอน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ต้องถือว่าปูที่นั่นรสชาติอร่อยที่สุด สีก็สวยที่สุด ขณะนี้ราคากิโลกรัมละร่วมพันบาทแล้ว จึงเป็นผลิตภัณฑ์ทางประมงที่ให้ผลตอบแทนสูง และโอกาสที่ไทยจะเป็นเจ้าแห่งปูทะเลนั้นก็สมบูรณ์ยิ่ง คงขาดแต่ความคิด ความตั้งใจ และความพยายามของคนเท่านั้น
นึกอะไรไม่ออกก็ต้องบอกฝากท่านรัฐมนตรีธรรมนัสช่วยตั้งเป็นนโยบายให้มีการส่งเสริมเลี้ยงปูทะเลตลอดสองฝั่งทะเล และให้มุ่งเน้นพื้นที่ที่มีดินภูเขาที่จะไหลตามน้ำลงทะเลเป็นอาหารชั้นดีให้ปูทะเลก็จะยิ่งเพิ่มความอุดมสมบูรณ์
ก็ต้องขอฝากเรื่องสามปูนี้ไว้คิดพิจารณากัน ซึ่งมั่นใจว่าจะเป็นอาณาประโยชน์แก่บ้านเมืองและพี่น้องชาวประมงไทยสืบไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี