วันพฤหัสบดี ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2568
มนุษย์ทุกคนต้องการเป็นที่รักและมนุษย์ก็คู่ควรที่จะถูกรัก แต่แค่รักกันคงไม่เพียงพออีกต่อไปเงินทอง ความอิ่มท้อง ความปลอดภัย เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อความรักที่ดีของเราเช่นกันบรรยากาศของประเทศที่ไม่เอื้อต่อการที่จะมีความรักและอาจจะทำให้เราไม่สมหวังในความรักได้ด้วยเช่นกัน หลายคนคงรู้สึกว่า ผู้เขียนโยนความผิดและความไม่สมหวังทั้งหมดให้กับประเทศนี้เกินไปจนลืมโทษตัวเอง เพราะถ้าหากเขาจะรักยืนอยู่เฉยๆ เขาก็รัก ผู้เขียนเองไม่ได้โยนความผิดหวังให้กับประเทศนี้เสียทั้งหมดแต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า โครงสร้างทางสังคมในประเทศนี้เป็นจำเลยร่วมในความผิดหวังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“เพราะเราไม่มีเวลามากพอให้สบตากันเพื่อตกหลุมรัก”
ชีวิตของมนุษย์วัยทำงานของหลายๆ คนต้องแข่งกับเวลา ทั้งเวลาทำงาน เวลากิน นอน หรือแม้แต่เดินทาง เราต่างเร่งรีบเพื่อให้ทันกับการใช้ชีวิตเป็นแรงงานขับเคลื่อนการเติบโตของประเทศ จนทำให้เราไม่มีเวลาที่จะเดินให้ช้าลงสักนิด กินข้าวมื้อเที่ยงหรือเย็นให้ช้าลงกว่านี้อีกสักหน่อย ซึ่งนั่นอาจจะทำให้เราได้มีโอกาสสบตาและตกหลุมรักใครสักคนก็ได้ฟังดูโรแมนติกเสียเหลือเกิน (ผู้เขียนเองก็รู้สึกว่าโรแมนติกเกินไป) เหตุผลที่เราอาจจะเคยได้ยินมาบ้างและบางคนอาจจะไม่เคยได้ยินมาก่อนสำหรับการที่เราไม่ตกหลุมรักใครสักทีนั่นอาจจะเป็นเพราะโครงสร้างเมืองและโครงสร้างทางสังคมที่ไม่เอื้อให้เราเป็นผู้ที่ถูกเลือกให้สมหวังในความรักก็ได้ โครงสร้างเมืองในที่นี้ไม่ได้หมายถึงแค่เมืองหลวงเท่านั้น แต่อาจจะหมายถึงทั่วทั้งประเทศ เราไม่ได้สร้างเมืองเพื่อให้ผู้คนได้มีโอกาสมาพบเจอกันมากมายขนาดนั้น ไม่มีพื้นที่ในการพบปะกัน ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่สีเขียว พื้นที่ทางศิลปวัฒนธรรมหรือแม้แต่พื้นที่สำหรับสิ่งบันเทิง (ดนตรี ภาพยนตร์) เรามีสถานที่ในการนัดพบกันอยู่ไม่กี่ที่ ซึ่งสถานที่แรกที่หลายคนนึกออกคงเป็นห้างสรรพสินค้า สิ่งเหล่านี้ยิ่งซ้ำเติมชีวิตของผู้คนที่ต้องทำงาน กลับบ้านกินข้าว นอนและตื่นมาเพื่อทำงานชีวิตวนลูปอยู่เพียงเท่านี้แล้วเราจะมีจังหวะตกหลุมรักได้อย่างไร
ทำไมโครงสร้างเมืองและโครงสร้างทางสังคมถึงไม่เอื้อให้เราเป็นผู้ที่ถูกเลือกให้สมหวังในความรัก
ตัวผู้เขียนเองมองว่า โครงสร้างของเมืองก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบหลักในการทำให้ผู้คนผิดหวังไม่ใช่แค่เรื่องของความรัก เรื่องการใช้ชีวิตอย่างที่ชอบหรืออย่างที่ฝัน เราก็ไม่ค่อยจะสมหวังกันสักเท่าไร การใช้ชีวิตในเมืองอาจจะไม่ได้เหมาะกับพวกเราทุกคน แต่ถ้าเราไม่เข้าเมืองเราจะหาเงินเพื่อมีชีวิตอยู่อย่างไร อันที่จริงแล้วก็คงมีหนทางในการหารายได้อีกมากมาย โดยไม่ต้องมาแย่งกันกินแย่งกันใช้แค่ในเมือง แต่เราต้องยอมรับว่าความเจริญและการทำงานมันอยู่แค่ที่นี่จริงๆ ผู้คนจากทั่วทุกภาคของประเทศต่างเดินทางเข้าเมืองเพื่อแสวงหารายได้ หาโอกาสในการทำงาน หรือแม้แต่การจะมีโอกาสได้พบเจอใครสักคนด้วยเช่นกัน สังคมไทยถูกสร้างให้มันผิดแปลกจนทำให้ประชาชนต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวมากขึ้น เหงามากขึ้น ผิดหวังมากขึ้นและไม่สมหวังในชีวิตมากขึ้น เราลองคิดดูว่า ถ้าจะมีความรักทั้งทีก็อยากจะมีความรักที่ดีไปเลย แล้วการมีความรักในประเทศนี้มันต้องมีส่วนประกอบจากสิ่งใดบ้าง การมีหน้าที่การงานที่ดี มีเงินเก็บ มีรถ มีบ้าน มีคอนโด มีเวลาเหลือสำหรับการออกไปเดต หรือไปทำกิจกรรมร่วมกันก็แทบจะเป็นเรื่องยากตั้งแต่คิดจะเริ่มต้นแล้ว การจะมีความรักมันต้องลงทุนทั้งค่าเดินทางเพื่อไปเจอกัน ค่าอาหาร ค่าเสื้อผ้าหน้าผมต่างๆ ล้วนเป็นค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น แต่พอมาดูเงินเดือนและค่าแรงขั้นต่ำตอนนี้ดูจะสวนทางกับค่าครองชีพมากพอสมควร สาเหตุมีมากมายที่ทำให้คนไทยมีรายจ่ายมากกว่ารายรับ ต้องแบกภาระเรื่องค่าเดินทาง ที่อยู่อาศัย อาหารการกินที่หากคุณต้องการจะมีชีวิตที่ดีก็คงต้องขยับฐานะทางสังคมของตัวเองให้ได้เช่นกัน และพื้นฐานที่ง่ายที่สุดเลย คือ ได้รับการศึกษา หรือบางคนอาจบอกว่าต้องแต่งงานกับคนรวยง่ายกว่า เราลองคิดในความเป็นจริงแล้ว ก็คงจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้แต่คงไม่เหมือนในละครที่เราเคยเห็น และก็คงแอบหวังว่ามันคงเกิดขึ้นกับเราบ้างเช่นกัน หรือบางทีเราอาจจะเข้าใกล้โอกาสของการได้พบเจอกันจากการที่เราได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมกันถ้วนหน้าก็ได้ ไม่เพียงแค่ในการศึกษาภาคบังคับเท่านั้นแต่ในระดับอุดมศึกษาก็ควรเป็นสิ่งที่เราทุกคนสามารถเข้าถึงได้เช่นกัน ไม่ใช่เป็นการตั้งกฎเกณฑ์ กฎระเบียบมากมายจนทำให้หลายคนต้องออกจากระบบการศึกษา ทำให้เขาหมดโอกาสที่จะได้ขยับฐานะทางสังคมให้ตัวเอง หมดโอกาสที่จะได้พบเจอสิ่งที่ดี มีโอกาสในการทำงานที่ดีหรือแม้แต่โอกาสที่จะเจอคนที่เหมาะสมสำหรับการได้รักและถูกรัก
หากหมดสิ้นความเหลื่อมล้ำ เราคงรักกันง่ายกว่านี้
ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมทำให้คนไทยห่างไกลกับคำว่า “สมหวัง” ในชีวิตเหลือเกิน เราเห็นถึงความตั้งใจที่รัฐพยายามลดความเหลื่อมล้ำนี้มาอย่างยาวนาน หลายๆ พรรคมีนโยบายเรื่องนี้เกือบทุกสมัยของการเลือกตั้งแต่เราก็ยังเห็นว่ารัฐเองก็เป็นผู้สร้างความเหลื่อมล้ำให้สังคมนี้เช่นกัน มีเด็กหลายคนถูกผลักออกจากระบบการศึกษาเพราะไม่มีค่าเทอม ไม่มีเงินค่าชุดนักเรียน ไม่มีเงินพอสำหรับไปโรงเรียน พนักงานออฟฟิศ พ่อค้าแม่ค้า ผู้รับเหมาหรือแม้แต่ผู้รับจ้างที่ต้องแบกรับภาระค่าครองชีพอันแสนแพงสวนทางกับรายได้ เกษตรกร ชาวนา ที่ยังต้องขายผลผลิตทั้งที่บางครั้งก็ขาดทุนไม่ได้กำไร หากรัฐสามารถจัดการประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใส่ใจในทุกด้านของชีวิตประชาชนมากกว่านี้เราคงไม่เห็นเหตุการณ์แบบนี้อยู่ซ้ำๆ หากรัฐทำให้เรากินอิ่ม นอนหลับ มีชีวิตที่ปลอดภัย เข้าถึงสวัสดิการได้อย่างทั่วถึงเราคงมีชีวิตที่ง่ายกว่านี้ ดูเหมือนว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่เกี่ยวข้องอะไรจากเรื่องราวความรักที่ไม่สมหวังเลยสักนิด ผู้เขียนอยากลองชวนผู้อ่านทุกท่านคิดไปพร้อมกันว่าสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นนั้นทำให้เรายังต้องดิ้นรนเพื่อให้ท้องอิ่ม เพื่อให้มีที่อยู่อาศัย เพื่อให้ได้นอนหลับฝันดี และมีชีวิตที่ปลอดภัยอยู่หรือเปล่า เพื่อการมีชีวิตรอดในประเทศนี้ที่เร่งรีบและไม่เคยมีเวลาให้เราได้ค้นหาตัวเองหรือค้นหาใครสักคนเลยหรือเปล่า โครงสร้างสังคมที่บีบให้เราต้องทำงาน ทำงาน ทำงาน เพื่อที่จะมีชีวิตรอดจนเราหมดแรงที่จะฝัน หมดแรงที่จะออกไปค้นหาชีวิต หมดแรงที่จะหยุดสบตาใครสักคนด้วยซ้ำไป เรากลายเป็นฟันเฟืองที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ประเทศแต่อาจจะไม่มีโอกาสขับเคลื่อนชีวิตที่สมหวังในความรักเลยด้วยซ้ำ ท้ายที่สุดนี้ผู้เขียนขอเป็นแค่คนที่ถูกเลือกให้เป็นแค่คนปวดหลังและขอเป็นคนสมหวังในความรักสักครั้งก็พอแล้วค่ะ
กาญจนา มะลิงาม

ธปท.เผยQ3ศก.ติดลบ0.5% เล็งผ่อนคลายนโยบายการเงินช่วยพยุง
‘MOUSE’ ซีรีส์เวอร์ชั่นไทย สุดปัง! คว้าซีรีส์ยอดเยี่ยม
รถEVดันยอดผลิตพุ่ง หลายค่ายแห่หั่นราคาแข่งกันขาย
‘เอ๊ะ อิศริยา’ผุดโปรเจกต์ วิดีโอพอดแคสต์ ‘คนโสด’ เปิดตัวรายการ ‘โสดโซไซตี้ (Single Society)’
‘Meyou’ คว้า Shining Artist of The Year จาก JTMN2025!

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี