วันอาทิตย์ ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / เขียนให้คิด
เขียนให้คิด

เขียนให้คิด

เฉลิมชัย ยอดมาลัย
วันอาทิตย์ ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2567, 02.00 น.
ไทยยุคปัจจุบันกับการเป็นอาณานิคมจีน

ดูทั้งหมด

  •  

เป็นเวลาประมาณ 10 ปีมาแล้วที่มีข่าวว่าเงินจากนักลงทุนจีนไหลเข้ามาในไทย แล้วกว้านซื้อกิจการต่างๆ ของไทยไปครอบครอง ทำให้พ่อค้าแม่ขายชาวไทย หรือแม้กระทั่งคนไทยเชื้อสายจีนต่างหมดหนทางทำมาค้าขายไปแล้วหลายร้อยหลายพันราย

ทุนจีนสารพัดชนิด ทั้งทุนจีนที่ไม่น่าจะผิดกฎหมาย และทุนจีนที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย ที่เรียกว่าทุนจีนสีเทาหลั่งไหลเข้ามาในไทยมากขึ้น และมากขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลจีนเข้มงวดกับการทำธุรกิจของคนจีนในประเทศจีนมากขึ้น ดังนั้น จึงทำให้คนจีนบางกลุ่มตั้งใจออกไปทำมาหากินนอกประเทศ ดังจะพบว่ามีคนจีนออกจากจีนไปทำมาค้าขายทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมายในประเทศต่างๆ เช่น ไทย กัมพูชา ลาว รวมถึงอีกหลายประเทศในแอฟริกา


สำหรับประเทศไทยนั้น เมื่อหลายปีก่อน เราจะได้ยินว่าคนจีนเข้ามาทำธุรกิจล้งผลไม้ เช่น ล้งทุเรียน ล้งเงาะ ล้งลำไย และล้งมังคุด รวมถึงเข้าไปทำธุรกิจแพปลาอีกด้วย เพราะในยุคนั้นคนจีนจำนวนมากหลายสิบล้านคนนิยมเข้ามาเที่ยวในไทย เมื่อคนจีนแห่เข้าไทยมากขึ้น ก็ทำให้พ่อค้าจีนเข้ามาทำธุรกิจมากขึ้นตามไปด้วย ดังเราจะพบว่ามีทัวร์ศูนย์เหรียญเกิดขึ้น แล้วก็ตามมาด้วยการทยอยเข้ามาเปิดกิจการต่างๆ เช่น ร้านขายของที่ระลึก ร้านขายอาหาร เครื่องดื่ม และธุรกิจบริการต่างๆ 

จนมาในระยะ 3-4 ปีที่ผ่านมานี้ จะพบว่าคนจีนเข้ามาเปิดร้านอาหาร ภัตตาคาร ร้านนวดSuper Market และร้านขายของต่างๆ ในเขตห้วยขวาง โดยเฉพาะบนถนนประชาราษฎร์อุทิศอย่างแน่นขนัด จนสองฝั่งถนนดังกล่าวมีแต่ร้านของคนจีน ทำให้ย่านดังกล่าวได้รับการกล่าวขานว่าเป็น New China Town 

แล้วมาในยุคปัจจุบัน จะพบว่าทุนจีนได้ขยายกิจการไปนอกย่านถนนประชาราษฎร์อุทิศ โดยกระจายไปบนย่านพระรามเก้า สุทธิสาร ดินแดง แล้วกระจายไปยังสำเพ็ง และเยาวราชด้วย

ถามว่าทุนจีนที่เข้ามาทำกิจการค้าขายต่างๆ นานาในไทย เป็นทุนที่ขาวสะอาดทั้งหมดหรือไม่ ตอบได้เลยว่าไม่ใช่ เพราะบางรายก็เป็นทุนสีเทา ที่มีกิจการผิดกฎหมาย อีกทั้งคนจีนที่เข้ามาเปิดกิจการในไทยในยุคนี้ไม่ได้ต้องการเข้ามาลงหลักปักฐานในไทยอย่างถาวรเหมือนกับชาวจีนในยุคโบราณ แต่คนจีนยุคใหม่ต้องการเข้ามาทำมาหากินแบบชั่วคราว เข้ามาทำธุรกิจแล้วขนเงินกลับไปประเทศจีน

เป็นเรื่องแสนมหัศจรรย์ที่คนจีนที่เข้ามาทำมาหากินในไทยในยุคนี้ หลายคนมีเพียงวีซ่านักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่สามารถเปิดร้านค้า และเปิดกิจการในไทยได้ สามารถซื้อตึกแถวได้ และสามารถทำกิจการการค้าได้ จนอาจจะกล่าวได้ว่าทุนจีนได้เข้ามายึดกิจการของไทยไปแล้วหลายพื้นที่ 

ถามว่าเรื่องเหล่านี้ รัฐบาลไทยไม่เคยเข้าไปตรวจสอบ ตรวจตราบ้างหรือ ทำไมปล่อยให้ทุนจีนที่ไม่ถูกกฎหมายเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงเทพฯ ซึ่งถือเป็นเขตที่อยู่ใกล้อำนาจรัฐมากที่สุด

ทำไมรัฐบาลไทยปล่อยให้เรื่องผิดกฎหมายเช่นนี้เกิดขึ้นได้ หรือเป็นเพราะว่ารัฐบาลไม่นำพากับเรื่องนี้หรือเพราะว่ารัฐบาลสนับสนุนให้ทุนจีนผิดกฎหมายเข้ามายึดกุมกิจการต่างๆ ของไทย แล้วทำให้คนไทยต้องหมดอาชีพไปในที่สุด เรื่องแบบนี้หากรัฐบาลเข้มงวดกวดขันจริงจัง รับรองว่าไม่มีทางที่ทุนจีนผิดกฎหมายจะเกิดขึ้นได้ และไม่มีทางที่ข้าราชการไทยบางจำพวกจะสามารถแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบกับทุนจีนผิดกฎหมายได้เป็นอันขาด

ไม่ใช่เรื่องผิดที่คนจีนอยากเข้ามาทำมาหากินบนแผ่นดินไทย หากเข้ามาโดยถูกกฎหมาย และไม่ได้เข้ามาเพื่อก่ออาชญากรรมใดๆ แต่ต้องบอกว่าทุกวันนี้มีทุนจีนผิดกฎหมายเข้ามาหากินบนแผ่นดินไทยมากมาย ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นได้เพราะว่ารัฐบาล (ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันเท่านั้น) ไทยหละหลวม เลินเล่อ และเพิกเฉยกับการเข้มงวดกวดขันทุนจีนสีเทา  

คนจีนจำนวนไม่น้อยไม่มีใบอนุญาตทำงานในไทย บางคนมีเพียงวีซ่านักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่เข้ามาเปิดร้านค้าในไทยโดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (nominee) โดยจ้างคนไทยที่ไม่น่าจะมีเงินทุนเปิดร้านทำกิจการใดๆ เป็นตัวแทนอำพราง เช่น จ้างคนขับจักรยานยนต์รับจ้างในซอยต่างๆ จำนวน 3-4 คนให้เป็นนอมินี ถือหุ้นอำพรางจำนวนรวมกัน 51 เปอร์เซ็นต์ แล้วคนจีนเพียงคนเดียวถือหุ้น 49 เปอร์เซ็นต์ นั่นก็หมายความว่าคนจีนกลายเป็นผู้ถือหุ้นกิจการส่วนใหญ่ แม้จะไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ต้องนับว่าเป็นหุ้นใหญ่กว่าคนไทยที่ถือหุ้น 51 เปอร์เซ็นต์รวมกัน

คนจีนที่ใช้กลอุบายนี้ จะนำเงินกลับประเทศจีนเมื่อทำกิจการจนได้กำไรแล้ว และที่สำคัญคือเมื่อเปิดบริษัทในไทยได้แล้วก็จะขอใบอนุญาตทำงานในไทยต่อไป แล้วพำนักในไทยได้ยาวนานขึ้น โดยเปลี่ยนสถานะจากนักท่องเที่ยวเป็นผู้เข้ามาทำงานในไทย

ถามว่าคนจีนกลุ่มนี้ใช้เงินลงทุนมากน้อยเพียงใด ตอบได้ว่าใช้เงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 2 ล้านบาทเท่านั้น เมื่อเข้ามาทำกิจการในไทยแล้ว ก็ใช้กลอุบายขายของตัดราคา จนทำให้ผู้ค้าขายที่เป็นคนไทยในท้องที่ไม่สามารถขายของแข่งขันได้ อีกทั้งยังพบว่าคนจีนกลุ่มดังกล่าวใช้กลอุบายจ่ายค่าเช่าอาคารหรือแผงค้าขายแพงกว่าราคาเดิมที่คนไทยเช่ากัน เช่นพบว่าบางตึกแถวนั้น คนจีนยอมจ่ายค่าเช่าเป็นเงิน 5 หมื่นบาทต่อเดือน ทั้งๆ ที่แต่เดิมค่าเช่าอยู่ที่ระดับ 2 หมื่นบาทต่อเดือนเท่านั้น หรือบางตึกก็ถูกซื้อขายกันในราคา 16-17 ล้านบาท ทั้งที่ราคาขายเดิมอยู่ที่เพียง 12-13 ล้านบาทเท่านั้น นี่คือกลอุบายทำให้เกิดราคาค่าเช่า หรือค่าเซ้งตึกแบบฟองสบู่  

จากข้อมูลที่ได้จากผู้ค้าขายชาวไทยเชื้อสายจีนในย่านสำเพ็ง บอกกับผู้เขียนว่า ในระยะสองปีมานี้พบว่ามีทุนจีนไหลเข้าไปในย่านสำเพ็งมากขึ้น โดยเข้าไปซื้อตึกในราคาแพงกว่าปกติ หรือไม่ก็เข้าไปเช่าตึกในราคาแพงกว่าปกติ แล้วจ้างคนไทยหรือคนพม่าให้ขายสินค้าโดยยอมจ่ายค่าเช่าตึก 5 หมื่นบาท แต่ขายสินค้าเพียงราคาชิ้นละ 10-15 บาท แต่ที่น่าสังเกตคือเปิดร้านสายมาก เช่น เปิดเวลา 10 โมงเช้า แล้วปิดร้านช่วงบ่ายสองโมงซึ่งหากคิดกันตามจริงแล้วไม่คุ้มค่ากับการลงทุนเช่าห้องแพงๆ แล้วขายของราคาชิ้นละไม่กี่บาท ซึ่งน่าสงสัยว่าเป็นการฟอกเงินหรือไม่ 

ถามต่อไปว่า ทำไมคนจีนจึงขายสินค้าราคาถูกแล้วยอมจ่ายค่าเช่าตึกในราคาแพงมากๆ คำตอบคือ เพราะเขาได้สินค้าราคาถูกมากๆ มาจากจีน แล้วรัฐบาลจีนก็ให้การสนับสนุนด้วยการลดภาษีให้สินค้าจีนที่ถูกนำไปขายนอกประเทศจีน แถมรัฐบาลจีนยังสนับสนุนค่าขนส่งสินค้าให้อีกด้วย ส่วนพ่อค้าแม่ค้าคนไทยต้องเสียภาษีให้รัฐบาลไทยในอัตราที่สูงกว่ารัฐบาลจีนเรียกเก็บจากพ่อค้าคนจีนที่เข้ามาค้าขายในไทย ทำให้พ่อค้าแม่ค้าไทยค้าขายแข่งขันไม่ได้ จนสุดท้ายก็ต้องปิดกิจการไป

เมื่อพูดถึงปัญหานี้แล้วก็ต้องตั้งคำถามไปยังรัฐบาลไทยเหมือนเดิมว่า ตั้งใจปกป้องผลประโยชน์ให้คนไทยจริงหรือไม่ หรือรัฐบาลไทยสมยอม หรือสมรู้ร่วมคิดกับทุนจีน เมื่อรัฐบาลไทยไม่เอาจริงเอาจังกับการเข้มงวดกวดขัน ก็ทำให้ข้าราชการไทยที่เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัวแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบกับกลุ่มทุนจีนสีเทาได้โดยง่าย

นอกจากนี้ยังพบว่าร้านของคนจีนกลุ่มดังกล่าวยังขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก เพราะทำให้ต่างชาติมองเห็นว่าประเทศไทยเต็มไปด้วยสินค้าที่ละเมิดลิขสิทธิ์

นอกจากเปิดร้านขายสินค้าเบ็ดเตล็ด Gift Shop, Super Market ร้านอาหาร ร้านนวด ร้านทำเล็บและแผงขายของแล้ว ยังพบว่าคนจีนยังเปิดร้านขายดอกไม้แข่งกับคนไทยด้วย โดยไปเช่าที่ในย่านปากคลองตลาดเพื่อค้าขายแข่งกับคนไทย ทำให้พ่อค้าแม่ค้าขายดอกไม้คนไทยต่างบ่นว่าถูกคนจีนแย่งขายสินค้าจนทำให้ขายของได้ไม่ดีเหมือนสมัยก่อน

ไม่ใช่แค่ทุนจีนจะบุกเข้าไปครอบครองย่านการค้าในกรุงเทพฯตามที่ระบุข้างต้นเท่านั้น แต่ยังพบว่าทุนจีนยังบุกไปยึดพื้นที่ค้าขายบนเกาะสมุย พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่อีกด้วย

ก็ต้องถามคำถามเดิมๆ คือกรมการค้าภายใน และกรมพัฒนาเศรษฐกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ทำไมรัฐบาลและข้าราชการจึงปล่อยปละละเลยเรื่องนี้

รัฐบาลต้องการทุนจีนมากเสียจนละเลยเรื่องความถูกต้องกระนั้นหรือ หรือรัฐบาลไม่สนใจเรื่องทุนจีนสีเทาที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน ค้ามนุษย์ และประเด็น
ยาเสพติด รัฐบาลต้องการเงินทุนจากจีนโดยไม่สนใจความมั่นคงปลอดภัยของประเทศชาติหรือ

ต้องบอกว่าทุกวันนี้ทุนจีนเข้ามาครอบครองกิจการต่างๆ ของไทยโดยไม่เว้นแม้กระทั่งการเข้ามาซื้อมหาวิทยาลัยเอกชนของไทยไปแล้วกว่า 10 แห่ง

รัฐบาลยินดีจะให้ประเทศไทยเป็นดินแดนในอาณัติหรือเป็นอาณานิคมสมัยใหม่ของทุนจีนใช่หรือไม่

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
16:09 น. 'ดิว อริสรา'ลุยหาเงินใช้หนี้ เปิดไลฟ์ขายของ 2 วันยอดทะลุ 2 ล้าน
16:01 น. (คลิป) อดีตฝ่ายแค้น'พรรคส้ม'ร้อนรน! เมื่อคนรุ่นใหม่เริ่มตาสว่าง! ตัวปัญหาคือ'ทักษิณ'ไม่ใช่'ทหาร'
15:50 น. (คลิป) เจาะลึก! เล่ห์เหลี่ยม'พรรคส้ม' วาทกรรมลอยๆ ร่างนิรโทษกรรม ม.112
15:32 น. เลย์ออฟครั้งใหญ่! 'กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ'ปลดเจ้าหน้าที่ 1,350 คน
15:29 น. เก๋งเสียหลักตกคลอง มุดท่อระบายน้ำ ดับสลด 2 เจ็บ 2
ดูทั้งหมด
โปรดเกล้าฯ 'พล.อ.' พ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ นายทหารราชองครักษ์พิเศษ
พอที'เพื่อไทย'!! อดีตเด็ก พท.หอบผ้าซบพรรคลุงป้อมพรึ่บ อีสานมาเพียบ! (คลิป)
อื้อหือ! เพจดังเปิดภาพ 'สีกากอล์ฟ' ย้อนอดีต 10 ปี ไม่แปลกใจทำไมพระหวั่นไหว
'หมอวรงค์'บอกหนาวเลย! หลังฟังการไต่สวนคดี'ทักษิณ'ชั้น 14 รพ.ตร. ครั้งที่ 3
ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 8 ต่อ 1 หญิงหย่าสามีต้องกลับไปใช้นามสกุลเดิม
ดูทั้งหมด
การดูแลรักษาสุนัขมีค่าเอนไซม์ตับสูงกว่าปกติ
ผู้ว่าฯแบงก์ชาติต้องมีกระดูกสันหลัง
บุคคลแนวหน้า : 13 กรกฎาคม 2568
ชีวิตประจำวันของผม-ความเก่ง
บทบรรณาธิการ : 13 กรกฎาคม 2568
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

'ดิว อริสรา'ลุยหาเงินใช้หนี้ เปิดไลฟ์ขายของ 2 วันยอดทะลุ 2 ล้าน

เลย์ออฟครั้งใหญ่! 'กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ'ปลดเจ้าหน้าที่ 1,350 คน

รวบหนุ่มไทยมุดชายแดน! ขายบัญชีม้าให้แก๊งคอลฯ พบมีคดีออนไลน์17คดี

รัฐผ่อนปรนรถบัสสองชั้นวิ่ง‘6 เส้นทางเสี่ยง’ได้180วัน เริ่ม 21 ก.ค.

เกมเศรษฐี’เชลซี’vs‘เปแอสเช’:ใครจะครองแชมป์ทีมโลก2025

เก๋งเสียหลักตกคลอง มุดท่อระบายน้ำ ดับสลด 2 เจ็บ 2

  • Breaking News
  • \'ดิว อริสรา\'ลุยหาเงินใช้หนี้ เปิดไลฟ์ขายของ 2 วันยอดทะลุ 2 ล้าน 'ดิว อริสรา'ลุยหาเงินใช้หนี้ เปิดไลฟ์ขายของ 2 วันยอดทะลุ 2 ล้าน
  • (คลิป) อดีตฝ่ายแค้น\'พรรคส้ม\'ร้อนรน! เมื่อคนรุ่นใหม่เริ่มตาสว่าง! ตัวปัญหาคือ\'ทักษิณ\'ไม่ใช่\'ทหาร\' (คลิป) อดีตฝ่ายแค้น'พรรคส้ม'ร้อนรน! เมื่อคนรุ่นใหม่เริ่มตาสว่าง! ตัวปัญหาคือ'ทักษิณ'ไม่ใช่'ทหาร'
  • (คลิป) เจาะลึก! เล่ห์เหลี่ยม\'พรรคส้ม\' วาทกรรมลอยๆ ร่างนิรโทษกรรม ม.112 (คลิป) เจาะลึก! เล่ห์เหลี่ยม'พรรคส้ม' วาทกรรมลอยๆ ร่างนิรโทษกรรม ม.112
  • เลย์ออฟครั้งใหญ่! \'กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ\'ปลดเจ้าหน้าที่ 1,350 คน เลย์ออฟครั้งใหญ่! 'กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ'ปลดเจ้าหน้าที่ 1,350 คน
  • เก๋งเสียหลักตกคลอง มุดท่อระบายน้ำ ดับสลด 2 เจ็บ 2 เก๋งเสียหลักตกคลอง มุดท่อระบายน้ำ ดับสลด 2 เจ็บ 2
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

ผู้ว่าฯแบงก์ชาติต้องมีกระดูกสันหลัง

ผู้ว่าฯแบงก์ชาติต้องมีกระดูกสันหลัง

13 ก.ค. 2568

ต้องเลือกตั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหรือ

ต้องเลือกตั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหรือ

5 ก.ค. 2568

ทายาท (อสูร) การเมืองไทย

ทายาท (อสูร) การเมืองไทย

29 มิ.ย. 2568

อยู่เพื่อทำลายประเทศไทย

อยู่เพื่อทำลายประเทศไทย

22 มิ.ย. 2568

แพทองธาร : ความเจริญ-ความวิบัติของประเทศไทย

แพทองธาร : ความเจริญ-ความวิบัติของประเทศไทย

15 มิ.ย. 2568

อย่ารักชาติแบบศาสตราจารย์ไร้สาระบางจำพวก

อย่ารักชาติแบบศาสตราจารย์ไร้สาระบางจำพวก

8 มิ.ย. 2568

งบประมาณฯ ผลาญชาติ???

งบประมาณฯ ผลาญชาติ???

1 มิ.ย. 2568

แพทองธารไปอังกฤษ ไปพบยิ่งลักษณ์???

แพทองธารไปอังกฤษ ไปพบยิ่งลักษณ์???

25 พ.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved