หนึ่งในการตัดสินใจที่ถูกต้องของรัฐบาลปัจจุบัน คือ การไม่ทำโครงการจำนำข้าว แบบที่เคยทำสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์
เพราะจนบัดนี้ รัฐบาลยังต้องตั้งงบประมาณใช้คืนหนี้แก่ ธ.ก.ส. จากการที่ให้ ธ.ก.ส.ออกเงินดำเนินการโครงการการจำนำข้าวไปก่อน
ปัจจุบัน ก็ยังเหลือหนี้สินอีกกว่าสองแสนล้านบาท
1. ล่าสุด องค์การคลังสินค้า (อคส.) เตรียมเปิดประมูลข้าวลอตสุดท้าย ที่ผู้ชนะประมูลไม่มาชำระเงิน บอกเลิกสัญญา ยื่นดำเนินคดี และนำมาประมูลใหม่ โดยเปิดให้ผู้สนใจเข้าดูสภาพข้าวถึง 29 ม.ค.นี้ ยื่นซองคุณสมบัติ 31 ม.ค. เปิดซอง 8 ก.พ. และส่งมอบข้าวให้เสร็จภายใน 31 มี.ค.นี้
นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) ระบุว่า “หากสำเร็จ จะเป็นการปิดจ๊อบระบายข้าวที่จำนำมาทั้งหมด”
น่าสังเกตว่า ที่ผ่านมา เคยมีการประมูลข้าวเหล่านี้ไปแล้ว 3 ครั้ง แต่ก็มีปัญหาการชำระเงิน ในปี 2557,2558 และ 2563 ทุกครั้งมีปัญหาการชำระเงินก่อนรับมอบสินค้า จนต้องบอกเลิกสัญญาพร้อมดำเนินคดีและประมูลใหม่
กรณีนี้ สะท้อนชัดถึงปัญหาและภาระในการบริหารจัดการจากโครงการจำนำข้าวในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ซึ่งสร้างภาระและบางส่วนก็เกิดการทุจริตในการระบายข้าวแบบจีทูจีเก๊ ทำให้โครงการขาดทุนมากกว่าที่ควรจะเป็น เกิดความเสียหายร้ายแรง เกิดภาระทางการคลังที่รัฐบาลชุดต่อๆ มา ต้องใช้เงินแผ่นดินไปไปจ่ายชดเชยภาระหนี้สินจากโครงการจำนำข้าวจนถึงปัจจุบัน
2. อดีตนายกฯ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยชี้แจงในสภาว่า โครงการจำนำข้าวในอดีตสร้างภาระหนี้ไว้ 957,000 ล้านบาท
เมื่อหมดสมัยรัฐบาลลุงตู่ ยังคงเหลือหนี้จำนำข้าวอยู่กว่า 2 แสนล้านบาท
โดยรัฐบาลลุงตู่ใช้หนี้ไปแล้วกว่า 6.6 แสนล้านบาท (ทั้งระบายข้าวใช้หนี้ และตั้งงบประมาณใช้หนี้)
รัฐบาลปัจจุบันก็ต้องตั้งงบ ทยอยชำระหนี้ต่อไปจนกว่าจะหมด
และถ้ายังไม่สามารถระบายข้าวหมดเสียที ก็จะมีภาระค่าใช้จ่ายค่าเช่าโกดัง ค่าเก็บรักษาข้าว ฯลฯ
3. ทักษิณ ชินวัตร ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกแจ้งข้อหาทุจริตข้าวจีทูจีเก๊ ลอตสอง แต่สุดท้าย ป.ป.ช.ยกคำร้อง
แต่นักการเมืองและพ่อค้าข้าว กลุ่มที่โดนศาลพิพากษาคุกไปแล้วในลอตแรก ก็โดนคดีกันระนาว
4. กรณีอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
นักการเมืองบางกลุ่มพยายามจะบิดเบือนผสมโรงมั่วนิ่ม ฟอกขาวให้อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ หลังศาลปกครองกลางพิพากษาเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ให้ยิ่งลักษณ์ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน จำนวนกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท
อ้างทำนองว่า ยิ่งลักษณ์ไม่มีความผิด ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ไม่ต้องรับโทษจำคุก 5 ปีแล้ว
บางคนมั่วไปไกลถึงขนาดฟอกขาวว่า โครงการจำนำข้าวไม่มีการทุจริต ที่ผ่านเป็นการปั้นเรื่องใส่ร้าย ฯลฯ
ในความเป็นจริง ที่ศาลปกครองกลางพิพากษาไปนั้น (คดียังไม่ถึงที่สุด) เป็นเรื่องค่าสินไหมทดแทน
ส่วนคดีความผิดทางอาญา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาลงโทษจำคุกยิ่งลักษณ์ 5 ปี ไปก่อนหน้านี้ (คดีถึงที่สุดแล้ว)
การที่ศาลปกครองกลางสั่งให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลัง และคำสั่งอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่อง ศาลปกครองกลางไม่ได้เพิกถอนคำพิพากษาศาลฎีกาฯ และไม่มีอำนาจจะไปเพิกถอน ซึ่งศาลปกครองไม่มีอำนาจชี้ขาดว่าใครโกงหรือไม่โกง
หลังจากนี้ ยังต้องคอยดูว่าศาลปกครองสูงสุดจะพิพากษายืนตามศาลปกครองกลาง หรือแก้คำพิพากษาของศาลปกครองกลาง
5. ทำไมศาลฎีกาฯ จึงพิพากษาลงโทษจำคุกยิ่งลักษณ์ 5 ปี?
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อม.22/2558 กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ลงโทษจำคุกยิ่งลักษณ์ 5 ปี คดีถึงที่สุดแล้ว
ศาลฎีกาฯ ชี้ว่า การดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกทั้ง 5 ฤดูกาลผลิต แม้ว่าจะพบความเสียหายหลายประการ เช่น การสวมสิทธิ์การรับจำนำ, การนำข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านมาสวมสิทธิ์, ข้าวสูญหาย, การออกใบประทวนให้ชาวนาอันเป็นเท็จ, การใช้เอกสารปลอม, การโกงความชื้นและน้ำหนัก เพื่อกดราคารับซื้อจากชาวนา, ข้าวสูญหายจากโกดัง, ข้าวเสื่อมสภาพ, ข้าวเน่าและข้าวไม่ตรงตามมาตรฐานกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมีรายงานจากการดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศรวม 105 คดีแต่เป็นความเสียหายที่เกิดจากฝ่ายปฏิบัติ จำเลยในฐานะประธาน กขช.ได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อป้องกันความเสียหายไว้ตั้งแต่ตอนเริ่มโครงการ อีกทั้งเมื่อพบความเสียหายดังกล่าวในขณะดำเนินโครงการก็ได้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเป็นระยะๆ เพื่อป้องกันความเสียหายแล้ว กรณีความเสียหายในส่วนนี้ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตหรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ
แต่ในกรณีการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ในสัญญา 4 ฉบับ พบว่า มีการแก้ไขสัญญาในยุคที่มีนายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายบุญทรง
เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานคณะอนุกรรมการระบายข้าวและยังทำในรูปแบบซื้อขายหน้าคลังสินค้า ซึ่งไม่ใช่การซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ
และยังใช้สกุลเงินบาทในการซื้อขาย ซึ่งเป็นพิรุธ ประกอบกับไม่พบว่ามีการส่งข้าวไปยังจีน แต่ในสัญญากลับระบุการซื้อขายข้าวนับล้านตัน ทั้งที่มีการนำข้าวออกไม่เท่ากับที่สัญญาระบุไว้ และเป็นการขายในราคาที่ต่ำกว่าราคาที่รับจำนำ ทำให้เอกชนได้รับประโยชน์จากส่วนต่างในราคากว่า 3 พันบาทต่อตัน โดยยังปรากฏ
ข้อเท็จจริงว่า บริษัทเอกชนในกลุ่มของ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง ที่มีความสนิทกับนายทักษิณ พี่ชายของจำเลย ก็ได้รับประโยชน์จากพฤติการณ์ที่สมอ้างว่าสัญญาระบายข้าวเป็นแบบรัฐต่อรัฐ
“...สําหรับความเสียหายอันเกิดขึ้นจากการทุจริตในขั้นตอนระบายข้าว โดยการแอบอ้างทําสัญญาขายแบบรัฐต่อรัฐข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติได้ว่า จําเลยรับรู้จากการแจ้งเตือนจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง การตั้งกระทู้ถามสด กระทู้ทั่วไป การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ของฝ่ายข้าราชการการเมือง และข่าวสารจากสื่อมวลชน
ยิ่งกว่านี้ ก่อนเริ่มโครงการรับจํานําข้าว ทั้งสํานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สํานักงาน ป.ป.ช. ได้มีหนังสือแจ้งเตือนและให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับ การนําเอานโยบายรับจํานําข้าวไปดําเนินการปฏิบัตินั้นจะมีผลกระทบต่องบประมาณแผ่นดิน และการทุจริตในขั้นตอนต่างๆ ให้จําเลยทราบเป็นระยะๆ แต่จําเลยกลับไม่ได้ติดตามกํากับดูแล อย่างใกล้ชิด
...ในส่วนการระบายข้าว ที่แอบอ้างว่าเป็นการขายแบบรัฐต่อรัฐก็เช่นเดียวกัน จําเลยมีเวลาเพียงพอที่จะระงับยับยั้งการส่งมอบข้าวตามสัญญาที่ยังไม่ได้ส่งมอบไว้ก่อนก็ย่อมกระทําได้ตามอํานาจหน้าที่ แต่จําเลยในฐานะนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้ารัฐบาลและประธาน กขช. ซึ่งมีอํานาจหน้าที่โดยตรงในการควบคุมตรวจสอบกํากับดูแล การปฏิบัติตามนโยบาย วางมาตรการโครงการที่อนุมัติไปแล้วทั้งมีอํานาจสั่งการข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม ในการกํากับดูแล การระงับยับยั้งหรือแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะการทุจริตในขั้นตอน การระบายข้าว
แต่จําเลยกลับมีพฤติการณ์ในการละเว้นหน้าที่ตามกฎหมาย ส่อแสดงเจตนาออกโดยแจ้งชัดอันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่ นายบุญทรง กับพวกแสวงหาผลประโยชน์จากโครงการรับจํานําข้าว โดยการแอบอ้างนําบริษัท GSSG และบริษัท Hainan grain เข้ามาทําสัญญาซื้อข้าวในราคาที่ต่ํากว่า ท้องตลาดตามประกาศของกรมการค้าภายใน แล้วมีการหาประโยชน์ที่ทับซ้อนโดยทุจริตได้ข้าวส่วนต่าง จากราคาข้าวตามสัญญาซื้อขาย ๔ ฉบับ อันเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบการเงินการคลังของประเทศและเกิดผลกระทบต่องบประมาณแผ่นดินโดยตรง
ถือได้ว่าเป็นการกระทําทุจริตต่อหน้าที่ในความหมายตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๔ ซึ่งบัญญัติให้ ความหมายคําว่า “ทุจริตต่อหน้าที่” คือ การปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตําแหน่งหรือหน้าที่ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่อาจทําให้ผู้อื่นเชื่อว่า มีตําแหน่งหรือหน้าที่ทั้งที่ตนมิได้มีตําแหน่งหรือหน้าที่นั้น หรือใช้อํานาจในตําแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งนี้ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ ที่มิควรได้โดยชอบสําหรับตนเองหรือผู้อื่น
ดังนั้น การกระทําของจําเลยจึงเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในตําแหน่งโดยทุจริต เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่กระทรวงการคลัง ประเทศชาติ หรือผู้หนึ่งผู้ใด อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๒๓/๑…”
กล่าวโดยสรุป จำนำข้าวยุคยิ่งลักษณ์ เป็นโครงการโคตรโกง
บัดนี้ หากสามารถระบายข้าวเม็ดสุดท้ายออกไปได้ ก็จะเป็นการปิดฉากโครงการอภิมหาทุจริตไปเสียที เพราะจะได้หมดสิ้นภาระค่าใช้จ่ายดูแลข้าวต่อไป คงเหลือ คือ อัตราดอกเบี้ยหนี้สินจำนำข้าวที่จะต้องตามใช้หนี้คืน ธ.ก.ส.ต่อไปรวมอีกกว่าสองแสนล้านบาท (ทยอยใช้หนี้ปีละ 2-3 หมื่นล้านบาท ทุกๆ ปี)
เป็นโครงการคิดใหญ่ โกงคำโต ส่งหลายคนเข้าคุก
บางคนสงสัยว่า หากปล่อยให้ทำโครงการจำนำข้าว “ทักษิณคิดเพื่อไทยทำ” ไปเรื่อยๆ ผลจะเป็นอย่างไร
แน่นอนว่า ยอดผลขาดทุนก็จะบานปลายไปเรื่อยๆ เพราะเอาเงินไปซื้อข้าวมาในราคาแพงกว่าตลาดทุกๆ ปี แล้วก็ขายข้าวในราคาต่ำกว่าราคาตลาดทุกๆ ปี
นับวัน จะยิ่งตูดขาด ภาระหนี้สินที่ติดค้าง ธ.ก.ส.ก็จะมากขึ้นทุกปีๆ (มากกว่านี้อีก)
ส่วนราคาข้าวในตลาดโลก หากไม่มีข้าวจากไทยส่งออกไป ก็มีข้าวจากประเทศอื่นๆ ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่กว่าไทย พร้อมเพิ่มการส่งออกไปทดแทนประเทศไทย และตลาดคาร์โบไฮเดรตในโลกก็พร้อมจะเปลี่ยนไปบริโภคอย่างอื่นทดแทนข้าวได้อย่างรวดเร็วง่ายดาย
ผลต่อประเทศไทย จึงมีแต่จะเจ๊ง กับเจ๊ง อย่างไม่ต้องสงสัย
ยิ่งปล่อยให้มีการทุจริตโกงกิน ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ยิ่งเพิ่มผลขาดทุน และความเสียหายแก่ประเทศชาติส่วนรวม
จนวันนี้ รัฐบาลยังต้องทยอยใช้หนี้ติดค้างจากโครงการเพื่อไทยคิดใหญ่สมัยจำนำข้าว อีกกว่า 2 แสนล้านบาท ปีละ 2-3 หมื่นล้านบาท ทุกๆ ปี
สังคมไทยควรเรียนรู้ และยกให้เป็นอุทาหรณ์ ว่าอย่าให้มีโครงการทุจริตโกงกิน สร้างความเสียหายแก่ประเทศชาติเช่นนี้อีกเป็นอันขาด
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี