วันอังคาร ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2568
รัฐธรรมนูญฉบับ 10 ธันวาคม ที่คนรู้จักกันดีนั่นยังมีคนไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้บ้าง ทั้งๆ ที่ผู้ร่างชุดนี้ได้มีบทบาทอยู่ในการเมืองไทยต่อมาหลายช่วงเวลา ย้อนไปเมื่อ 92 ปีที่แล้ว ในสภาผู้แทนราษฎร หลวงประดิษฐ์ได้เสนอว่า“ธรรมนูญการปกครองแผ่นดินฉบับนี้เป็นธรรมนูญชั่วคราว เพราะได้สร้างขึ้นด้วยเวลากะทันหัน อาจมีข้อบกพร่องได้ …”
สภาฯได้เลือกอนุกรรมการสภา 7 นาย มีพระยามโนฯ พระยาเทพวิฑูรฯ พระยามานวราชเสวีพระยานิติศาสตร์ฯ พระยาปรีดานฤเบศร์หลวงประดิษฐ์ฯ และหลวงสินาดโยธารักษ์คณะอนุกรรมการชุดนี้ก็น่าจะเสมือนคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญสมัยนี้ มาดูพื้นฐานและประสบการณ์ของแต่ละท่าน คนแรกหัวหน้ารัฐบาล เป็นนัก กฎหมายไทย เรียนจบกฎหมายจากกระทรวงยุติธรรมแล้วได้ทุนไปศึกษาต่อจบเนติบัณฑิตจากอังกฤษ มีประสบการณ์ในการทำงานมากทั้งในและนอกกระทรวงยุติธรรมคนที่ 2 เป็นอธิบดีศาลฎีกา เรียนจบกฎหมายจากกระทรวงยุติธรรมและได้ทุนไปเรียนอังกฤษจบเป็นเนติบัณฑิตจากอังกฤษ คนที่ 3 เป็น อธิบดีกรมอัยการเรียนจบในประเทศเป็นนิติบัณฑิตทางกฎหมาย และได้รับทุนไปศึกษาต่อที่อังกฤษได้เนติบัณฑิตจากอังกฤษเช่นกันคนที่ 4 เป็นอธิบดีศาลอาญา จบทั้งเนติบัณฑิตไทยและเนติบัณฑิตอังกฤษ คนที่ 5 ศึกษาจบเป็นเนติบัณฑิตไทยทำงานในกระทรวงยุติธรรมเคยเป็นตุลาการ ต่อมาได้ลาออกจากราชการมาทำงานทางด้านกฎหมาย รับงานเป็นทนายความที่มีชื่อเสียงมาก คนที่ 6 ทำงานเป็นตุลาการอยู่ที่กระทรวงยุติธรรม เป็นนักเรียนฝรั่งเศสคนเดียวในคณะอนุกรรมการ และเป็นอนุกรรมการคนเดียวที่เป็นสมาชิกคณะราษฎร คนที่ 7 เป็นนายทหารคนเดียวในคณะอนุกรรมการ มียศทหารบกเป็นนายพันตรีไม่ได้เป็นสมาชิกของคณะราษฎรแต่อย่างไร ไม่มีข้อมูลด้านความรู้ทางกฎหมาย มีคนเล่ากันว่าท่านเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับนายพันตรีหลวงพิบูลสงครามเท่านั้น ดังนั้นในคณะอนุกรรมการชุดนี้ เสียงข้างมาก 4 คน จึงเป็นผู้ที่ศึกษามาจากอังกฤษ และมีพระยาหนึ่งคนเป็นนักเรียนกฎหมายในประเทศ ที่เคยทำงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน มีนักเรียนฝรั่งเศสหนึ่งคน มีนายทหารระดับกลางหนึ่งคน พอคาดคะเนได้ว่ารูปแบบระบบการเมืองของสยามน่าจะเป็นแบบรัฐสภาที่มีกษัตริย์เป็นประมุขแบบอังกฤษ
การตั้งคณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญตั้งแต่วันแรกที่มีการตั้งรัฐบาลเช่นนี้ แสดงว่าทั้งรัฐบาลและคณะราษฎรถือว่าการทำรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นเรื่องเร่งด่วนเป็นอย่างมาก เพราะแม้แต่การเปลี่ยนตำแหน่งเสนาบดีในกระทรวงต่างๆ ยังมิได้ทำในวันแรกนี้ หากแต่ทำต่อมาในวันรุ่งขึ้นคือ วันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2475 เมื่อหัวหน้ารัฐบาลเป็นอนุกรรมการอยู่ด้วย
ที่ประชุมฯ จึงได้เลือกท่านเป็นประธาน
การร่างรัฐธรรมนูญนี้ ต่อมาในเดือนกันยายน พ.ศ. 2475 ได้มีสมาชิกสภาฯลาออก และสภาฯได้ตั้งนายพลเรือโท พระยาราชวังสัน เข้ามาเป็นแทน พระยามโนฯ ประธานคณะกรรมการราษฎรได้เสนอชื่อบุคคลเพิ่มเติม และสภาฯได้แต่งตั้งสมาชิกสภาฯ 2 ท่าน คือพระยาศรีวิสารวาจา กับพระยาราชวังสันเป็นอนุกรรมการร่างฯในวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2475 พระยาศรีวิสารฯนั้นจบเนติบัณฑิตจากอังกฤษ เป็นเสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศ และเป็นกรรมการราษฎรอยู่ด้วย ส่วนพระยาราชวังสันเป็นพี่ชายนาวาตรี หลวงสินธุสงครามชัย ผู้นำฝ่ายทหารเรือของคณะราษฎร มีข้อมูลว่าท่านสนใจทางด้านกฎหมายและเป็นผู้บรรยายของกองทัพเรือ เมื่อตั้งเพิ่มอีกสองคนเสียงส่วนมากในคณะอนุกรรมการก็ยังเป็นนักกฎหมายจากอังกฤษเหมือนเดิม
ที่น่าบันทึกไว้ก็คือมือร่างรัฐธรรมนูญชุดนี้ร่างรัฐธรรมนูญได้เร็วทันตามเวลา ใช้เวลาทั้งหมดตลอดจนนำเสนอสภาฯในตอนกลางเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2475 และสภาฯได้พิจารณาแก้ไขจนผ่านออกมาประกาศใช้ได้ในวันที่10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 ใช้เวลาประมาณห้าเดือนกับอีกไม่กี่วันเท่านั้นเอง
นรนิติ เศรษฐบุตร

กรมสมเด็จพระเทพฯ พระราชทานพรปีม้า เรี่ยวแรงดี เข้มแข็ง แข็งแรงทั้งกาย-ใจ
ป.ป.ช. รับทราบข่าวให้สินบน เดินหน้าดำเนินการตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช.
กัมพูชารอเก้อ ผู้ว่าฯไพลินโวยไม่ได้รับการติดต่อจากไทย ปมปล่อยตัว18ทหารเชลยศึก
เคลมเก่ง! ชาวเน็ตจับโป๊ะ 'เท้ง' ก๊อป 'ดาต้าบูโร' เอกนิติ
เนเน่ รัดเกล้า สอนมวย โดม ปกรณ์ ลัม ปมคอมเมนต์คุกคาม 'จินนี่ ยศสุดา' พร้อมหนุนดำเนินคดี

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี