ผู้ที่ติดตามความเคลื่อนไหวของประเทศในประชาคมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือที่เรียกกันว่า “อาเซียน” ตลอดเวลาสี่ทศวรรษที่ผ่านมาจะพบว่าวุฒิภาวะของผู้นำอาเซียนยังต่ำและต้องเดินตามก้นสหรัฐอเมริกาตั้งแต่เรื่องสงครามเศรษฐกิจการค้าจนถึงวัฒนธรรมการร้องเล่นเต้นรำ
ตั้งแต่ยุคสงครามเย็นจนถึงสงครามยุคใหม่ที่ใช้ดิจิทัลเป็นเครื่องมือสื่อสารเป็นอาวุธห้ำหั่นกัน ผู้นำอาเซียนส่วนใหญ่เต้นตามอเมริกาตั้งแต่การแก้ปัญหาที่ตามมาจากสงครามอินโดจีนโดยเฉพาะสงครามกลางเมืองในกัมพูชา มาถึงปี 2564 ผู้นำอาเซียนแบ่งเป็นสองฝ่าย อาเซียนที่อยู่ไกลออกไปเดินตามก้นอเมริกาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ในประเด็นวิกฤตการเมืองในสหภาพเมียนมา ส่วนสมาชิกอาเซียนในสุวรรณภูมิ อาทิ กัมพูชา สปป.ลาวและประเทศไทย เข้าใจถึงบริบทสังคมการเมืองในเมียนมาเพราะได้ร่วมประวัติศาสตร์กันมานานจึงโอนอ่อนผ่อนปรนไม่เกรี้ยวกราดกดดันฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดที่มีส่วนได้ส่วนเสียในเมียนมา ส่วนสมาชิกอาเซียนไกลออกไปอาทิ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ มาเลเซีย ซึ่งเป็นหัวอกเดียวกันในการตกเป็นเมืองขึ้นฝรั่งมังฆ้องกันมายาวนาน ความคิดความอ่านจึงติดไปทางฝรั่งตัวอย่างเช่น ประเด็นวิกฤตการเมืองในเมียนมาประเทศในอาณานิคมเหล่านี้ จึงตามก้นอเมริกาในการแซงก์ชั่น คว่ำบาตรเมียนมาตามก้นอเมริกา ชนิดเรียกว่า วอชิงตันชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม่ได้
ที่ร่ายมายาว เพราะต้องชี้ให้เห็นว่าอเมริกามีอิทธิพลทางความคิดต่อประเทศอาเซียนเหล่านี้อย่างไรเมื่อว่ากันด้วยเรื่อง “เทย์เลอร์ สวิฟต์ นักร้องอเมริกัน” ที่วอชิงตันทำโฆษณาชวนเชื่อว่า นักร้องคนนี้เป็นตัว (ทำ) เงินตัวทองเธอไปประเทศไหน สร้างความร่ำรวยให้ประเทศนั้นแบบเห็นทันตา ประเทศสิงคโปร์ผู้ยกให้อเมริกาเป็นพ่อพระของอดีตเมืองขึ้นอังกฤษ เพราะสิงคโปร์เพียงเอ่ยปากว่าอยากได้เครื่องบินรบ F-35A คุณพ่ออเมริกาก็จัดให้เอาไปเลยสองฝูง 34 ลำ และ เมื่อคุณพ่ออเมริกา ต้องการกลบเกลื่อนเรื่องฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ปาเลสไตน์และกำลังเพลี่ยงพล้ำสงครามในยูเครน คุณพ่ออเมริกาต้องการเบี่ยงเบนความสนใจโดยปั่นกระแสให้นักร้องอเมริกันนางฟ้าสร้างกระแสว่านางฟ้าไปถึงไหนทำให้ประเทศนั้นรวยทันตาเห็น อดีตเมืองขึ้นอังกฤษเลยคิดการใหญ่ทำข้อตกลงพิเศษไว้ล่วงหน้าว่า Erad Tour ของ เทย์เลอร์สวิฟต์ เที่ยวนี้เธอแสดงที่สิงคโปรแห่งเดียวนะ และจะได้เงินโบนัสนอกจากขายบัตรโกยเข้ากระเป๋าอีกราว 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 641 ล้านบาทไทย (ข้อมูลนี้มาจาก สกายนิวส์)
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีไทย ผู้ได้รับการปลูกฝังแบบฝรั่งมั่งฆ้องมาจากอเมริกาที่พูดได้ว่า เข้าใจวัฒนธรรมการกินอยู่ตลอดถึงการร้องรำทำเพลงอเมริกามากกว่ารู้เรื่องเมืองไทย นายเศรษฐาคับข้องใจมานานว่า ทำไมๆ เทย์เลอร์ สวิฟต์ ไม่มาเต้นแร้งเต้นกาในเมืองไทย แต่พอโปรโมเตอร์ ฝ่ายจัดการของเธอแจ้งกับนายกรัฐมนตรีไทยว่า นางได้ทำข้อตกลงพิเศษไว้กับรัฐบาลสิงคโปร์ล่วงหน้าจะจัดโปรแกรมพิเศษให้สิงคโปร์เท่านั้น นายเศรษฐากัดฟันกรอดเสียงพูดลอดออกว่า “สิงคโปร์ฉลาดมาก” นายเศรษฐาซึ่งพูดจนปากจะฉีกถึงหูแล้วว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญหน้าวิกฤตเศรษฐกิจ แต่หลุดคำพูดย้อนแย้งออกมาว่า “รู้งี้ให้เงินติดสินบน เทย์เลอร์ สวิฟต์ 500 ล้านบาทมาโชว์ในเมืองไทยก็คุ้มค่านะ การแสดงคอนเสิร์ตของเธอมันสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ”
ส่วนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฟิลิปปินส์ถึงกับแสดงอาการฉุนเฉียวสิงคโปร์ออกมาว่า“มิตรประเทศที่ดีเขาไม่ทำอย่างนี้กัน” คือ ไม่ผูกขาดนักร้องตัวทำเงินทำทองไว้เพียงผู้เดียว ด้านสื่ออินโดนีเซียปั่นกระแส แฟนเพลง เทย์เลอร์ สวิฟต์ โพสต์ภาพบร้องไห้เหมือนญาติตายจากที่ถูกหลอกขายตั๋วจ่ายเงินไปล่วงหน้า จองตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรมแล้ว พอถึงเวลาคนหลอกขายตั๋วที่อ้างว่าเป็นเอเย่นต์ขายตั๋ว เทย์เลอร์ สวิฟต์ หายเข้ากลีบเมฆ สื่อเวียดนามไม่น้อยหน้าเสนอข่าวแฟนเพลงเวียดนามแห่กันไปชมคอนเสิร์ตในประเทศสิงคโปร์
ด้านนายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ที่ไปร่วมประชุมครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์อาเซียนออสเตรเลีย ณ นครเมลเบิร์น ฉวยโอกาสที่ได้พบหน้าคาดตากับผู้นำอาเซียนได้แสดงความเหนือชั้นกล่าวว่า “สิงคโปร์ได้ตกลงพิเศษกับเทย์เลอร์ สวิฟต์ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว และคิดว่า ประเทศไหนๆ ก็ต้องทำอย่างนี้ เมื่อมีโอกาสได้ฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังจากโควิด-19 ระบาดใหญ่..” นายลี ไม่ได้แจงว่าจ่ายเงินพิเศษให้เธอตามที่สกายนิวส์เสนอข่าวหรือไม่
อย่างไรก็ตาม สื่อออสเตรเลียเสนอข่าวว่าเทย์เลอร์ สวิฟต์ ขณะที่ทัวร์คอนเสิร์ตในออสเตรเลียนั้นปรากฎว่า มีคนต่างชาติซื้อตั๋วเข้าชมคอนเสิร์ตเธอเพียง 2% หากคนต่างชาติซื้อตั๋วเข้าชมคอนเสิร์ตเธอเพียง 2% แสดงว่า เทย์เลอร์ สวิฟต์ ไม่ใช่ตัวทำเงินทำทองสร้างความร่ำรวยให้ประเทศที่เธอไปแสดงตามที่ปฏิบัติการข่าวโปรโมเตอร์คุยจริง ตรงกันข้ามเธอและโปรโมเตอร์โกยเงินไปจากประเทศที่เธอแสดงกลับบ้านบานเบอะ
ประเทศออสเตรเลียถึงแม้จะเป็นประเทศในเอเชีย แต่คนที่นั้นเป็นตะวันตกเต็มตัว ดังนั้น 2% ที่ซื้อบัตรเข้าชมคอนเสิร์ต อาจเป็นต่างชาติเช่นฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนามและอื่นๆ ดังนั้น เมื่อเทย์เลอร์สวิฟต์ แสดงคอนเสิร์ต 6 รอบในประเทศสิงคโปร์ ที่มีคนเชื้อสายจีน เชื้อสายอินเดีย เป็นพลเมืองส่วนใหญ่ที่พยายามทำให้มีวัฒนธรรมเหมือนตะวันตก จึงอนุมานว่าผู้ซื้อบัตรเข้าดูคอนเสิร์ตส่วนใหญ่เป็นคนสิงคโปร์และชาวตะวันตกที่ทำมาหากินถาวรอยู่ที่นั่น ส่วนคนต่างชาติที่เป็นแรงงานเมียนมา กัมพูชา อินโดนีเซีย เวียดนาม และแรงงานจากประเทศไทย นอกจากไม่มีเงินซื้อตั๋วเข้าชมแล้ว ยังมีอุปสรรคสำคัญในการเหยียดเชื้อชาติที่กีดกัน ไม่ให้แรงงานนับแสนคนได้ยลโฉมนักร้องอเมริกัน
การแสดงคอนเสิร์ต 6 รอบของเธอในสนามกีฬาแห่งชาติ ที่มีข่าวว่า ขายตั๋วล่วงหน้าหมดแล้ว 300,000 ใบ โดยราคาบัตร (Pre-sale) ต่ำสุดจะอยู่ที่ราคาประมาณ 50 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,758 บาท)ส่วนราคาสูงสุด (VIP Package) จะอยู่ที่ประมาณ 899 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 31,619 บาท)
ทางฝ่ายจัดการ ไม่ได้แจ้งว่า Package 899 ดอลลาร์มีกี่ที่ แต่จากประสบการณ์ทำข่าวคอนเสิร์ต ไมเคิล แจ็กสัน เชื่อว่าบัตรราคา 31,619 บาท มีไม่เกิน 3,000 ใบ ที่เหลือส่วนใหญ่ เป็นบัตรราคา 1,758 บาทเมื่อประเมินคร่าวๆ จะเป็นเงินไทยประมาณ 522,126,000 บาท ส่วน Package 31,618 บาท ประมาณ3,000 ที่นั่งนั้นตามธรรมเนียมแล้ว มันเป็นสปอนเซอร์ซึ่งมาจากทุนใหญ่
ประมาณการแบบชาวบ้านๆ จะพบว่าการแสดงคอนเสิร์ต 6 รอบในสิงคโปร์ของ เทย์เลอร์ สวิฟต์ ฝ่ายจัดการและนักร้องอเมริกันคนนี้ โกยเงินไปจากคนสิงคโปร์ส่วนใหญ่ บางส่วนจากคนฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนามและคนไทยไปกว่า 522 ล้านบาท จึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่า เทย์เลอร์ สวิฟต์ เป็นตัวทำเงินทำทองให้ดินแดนที่เธอไปเหยียบร่ำรวยขึ้นตรงไหน แน่นอนการนำนักร้องดังมาปรากฏตัวอาจทำให้ประเทศเป็นที่รู้จักมากขึ้น แต่ไม่แน่ใจว่า มันดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากขึ้นหรือไม่
เพราะอุตสาหกรรมท่องเที่ยว มีปัจจัยประกอบหลายอย่างตั้งแต่ ศิลปวัฒนธรรมประจำชาติ ธรรมชาติสวยงาม ทะเลน้ำใส หาดทรายขาวนวล และที่สำคัญการโอบอ้อมอารี มี Service Mind ของคนในประเทศจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวตั้งเป้าหมาย ซึ่งประเทศไทยมีสิ่งเหล่านั้นไว้ดึงดูดนักท่องเที่ยวครบครัน
ดังที่ภาพรวมการท่องเที่ยวในปีนี้ ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 26 ก.พ. 2567 พบว่า ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสม ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-25 ก.พ. 2567 ที่ผ่านมา ทั้งสิ้น 5,981,234 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 290,921 ล้านบาท โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน 126,375 คน มาเลเซีย 118,223 คน รัสเซีย 49,169 คน เกาหลีใต้ 46,298 คน และอินเดีย 34,860 คน แน่นอนว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่ได้ตั้งเป้าหมายมาดู เทย์เลอร์ สวิฟต์ เต้นแร้งเต้นกา โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนและนักท่องเที่ยวรัสเซียอาจต่อต้านนักร้องคนนี้ด้วยซ้ำ
ดังนั้นจึงสรุปว่าผู้นำอาเซียนที่หาแสงกับนักร้องดังอเมริกันถึงขนาดใช้เงินร้อยล้านพันล้านติดสินบนให้เธอมาสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจนั้นไร้วุฒิภาวะขาดการศึกษาค้นคว้าว่าพลเมืองของภูมิภาคนี้ส่วนใหญ่มีรายได้ 234 ถึง 362 บาทต่อวันซึ่งแทบไม่พอยาไส้จะเอาปัญญาที่ไหนหาเงินไปซื้อตั๋วเข้าไปดู เทย์เลอร์ สวิฟต์
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี