การเดินทางกลับบ้านเก่าบ้านเกิดที่จังหวัดเชียงใหม่ของนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร โดยเครื่องบินเจ๊ตส่วนตัวในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เหมือน“ช้างเหยียบนา พระยาเหยียบเมือง” คือไม่เหมือนนักโทษที่อยู่ระหว่างการพักโทษและได้ขออนุญาตกรมคุมประพฤติเพื่อไปทำบุญกราบไหว้บรรพบุรุษ ระหว่างวันที่ 14-16มีนาคม
เพราะนักโทษรายนี้ทำตัวไม่ต่างจากผู้มียศถาบรรดาศักดิ์หรือผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ออกไปตรวจราชการและเยี่ยมเยียนราษฎรในหัวเมือง ซึ่งตามตารางกำหนดการ นอกจากจะไปกราบไหว้อัฐิบรรพบุรุษ ทั้งที่ฮวงซุ้ยฝังศพนายเลิศ ชินวัตร และนางยินดี ชินวัตรผู้เป็นบิดาและมารดา ที่อำเภอแม่ออน และที่วัดโรงธรรมสามัคคี อำเภอสันกำแพง พร้อมทั้งมีคิวพบแพทย์ทางเลือกตามที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเปิดเผยแล้ว ยังมีช่วงเวลาไปดูงานคล้ายไปตรวจราชการ เช่น ดูคลองแม่ข่า, เยี่ยมชมโครงการแก้มลิงหนองเขียว (หนองเขียวห้วยหยวก) และดูหน่วยจัดการต้นน้ำแม่สา อำเภอแม่ริม
อย่างไรก็ตาม “ทักษิณ ชินวัตร” หลบหนีคดีไปอยู่ต่างแดนเป็นเวลากว่า 15 ปีก่อนจะยอมกลับเข้ามารับโทษโดยติด “คุกทิพย์” บนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม 2566 ตามโทษที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 3 คดี รวมกำหนดโทษ 8 ปี ต่อมาได้รับพระราชทานอภัยลดโทษเหลือโทษจำคุก 1 ปี จนกระทั่งได้รับการพักโทษกลับไปอยู่ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 แขวงบางพลัดอย่างเปิดเผยโดยไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และนี่จึงเท่ากับเป็นการกลับบ้านเก่าบ้านเกิดครั้งแรกของทักษิณหลังจากหลบหนีไปจากประเทศไทย
นอกจากไปดูงานของหน่วยราชการดังที่กล่าวแล้ว คิวอื่นๆ ของ “ทักษิณ ชินวัตร” ตามตารางเวลาของที่เปิดออกมา ส่วนใหญ่เข้ากราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดเชียงใหม่ ไปเดินตลาด และพักผ่อน-กิน-เที่ยว หลังจากที่ต้องหนีระเห็จจากแผ่นดินถิ่นเกิดและแผ่นดินไทยไปหลายสิบปี เรียกได้ว่าเป็นการกลับมาเติมเต็มสิ่งที่โหยหาให้สมใจอยาก
ถ้าจะว่าไปแล้วคิวตารางเวลาของ “ทักษิณ ชินวัตร”เริ่มมาตั้งแต่บ่ายสามโมงวันที่ 13 มีนาคม เหมือนเอาฤกษ์เอาชัยเพื่อเสริมสิริมงคลของชีวิตให้กับตนเองหลังจาก “ฟื้นอำนาจ”กลับคืนมาได้อีกครั้ง โดยได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามฯซึ่งมีภาพข่าวปรากฏว่า ทักษิณสวมใส่ชุดสูทสีเข้ม คาดหน้ากากอนามัย มิได้ใส่เฝือกที่คอและไม่ได้ใส่ผ้าคล้องแขนด้านขวา เดินเหินด้วยท่าทางปกติ ไม่เหมือนคนป่วยในขั้นวิกฤตที่อยู่ระหว่างพักฟื้นตามที่กรมราชทัณฑ์และกระทรวงยุติธรรมอ้างก่อนหน้านี้
ในเช้าวันต่อมาคือวันที่ 14 มีนาคมเมื่อวานนี้ เริ่มตั้งแต่เช้ามืดตอนตีห้า ออกจากบ้านจันทร์ส่องหล้าด้วยรถตู้เมอร์เซเดสเบนซ์สีดำคันเดียวกับที่นั่งออกจากโรงพยาบาลตำรวจ โดยเดินทางมาพร้อมกับนางสาวแพทองธารชินวัตร บุตรสาว-หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายปิฎก สุขสวัสดิ์ บุตรเขย เข้าสักการะศาลหลักเมืองกรุงเทพฯ ตามฤกษ์เวลา 05.19 น.
การปรากฏตัวของ “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ศาลหลักเมืองมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจ (สน.) สำราญราษฎร์คอยอำนวยความสะดวกการจราจรโดยรอบ พร้อมนำแผงเหล็กมาปิดกั้นบริเวณทางเข้าถนนหลักเมือง เพื่อไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในศาลหลักเมือง โดยมีข้อสังเกตว่า น.ช.ทักษิณซึ่งสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีน้ำเงินนุ่งกางเกงยีนส์ที่คอมีการสวมเฝือกอ่อนดังเดิมพร้อมกับคาดหน้ากากอนามัยและไม่ได้ใส่ผ้าคล้องแขนด้านขวา โดยใช้เวลาประกอบพิธีประมาณ 26 นาที ในการไหว้ศาลหลักเมืองรวม 5 จุด เช่นบวงสรวงองค์พระหลักเมืององค์จริง และเติมน้ำมันตะเกียงพระประจำวันเกิด นัยว่าเป็นการสะเดาะเคราะห์เสริมดวงชะตาเพื่อความสว่างไสวในชีวิตและไล่สิ่งไม่ดีออกไปจากตัว
“ทักษิณ ชินวัตร” พร้อมด้วยลูกสาวและลูกเขยเดินทางถึงท่าอากาศยานเชียงใหม่ เมื่อเวลา 09.28 น.ในเวลาต่อมา โดยผู้มาต้อนรับนอกจากมวลชนคนเสื้อแดงแล้วคนแรกชนิดที่พลาดไม่ได้ก็คือ “บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” รองผบ.ตร. นอกจากนั้นก็มี นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์
และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวและน้องเขยของทักษิณ, นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ และนายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นต้น
หลังออกจากสนามบินเชียงใหม่ ก็เป็นไปตามตารางคิวที่ได้มีการเผยแพร่ข่าว เช่น ออกจากสนามบินก็เดินทางไปอุทยานหลวงราชพฤกษ์ และต่อด้วยไปกินอาหารกลางวันที่ “ร้านช้างม่อยกาแฟ” ซึ่งเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อเจ้าอร่อยและเจ้าเก่าแก่ระดับตำนานคู่เมืองเชียงใหม่ เสร็จจากกินก็ไปคลองแม่ข่า น้ำตกแม่สา และกินอาหารเย็นที่ภัตตาคารจีน “เจี่ยท้งเฮง” ก่อนเข้าที่พักในสนามกอล์ฟ “ซัมมิท กรีนวัลเล่ย์ เชียงใหม่ คันทรีคลับ” ตำบลแม่สา อำเภอแม่ริม
สนามกอล์ฟ “ซัมมิท กรีนวัลเล่ย์ เชียงใหม่ คันทรีคลับ” แห่งนี้เป็นสนามกอล์ฟ 18 หลุม เล่นได้ทั้งกลางวันและกลางคืน เจ้าของคือ “สรรเสริญ จุฬางกูร” พี่ใหญ่แห่งตระกูลจึง ซึ่งเป็นพี่ชายแท้ๆ ของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และเป็นลุงของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” โดยบิดาของนายธนาธรคือ “ฮั้งฮ้อ แซ่จึง” ก่อนจะมาใช้ชื่อไทยว่า “พัฒนาจึงรุ่งเรืองกิจ” ที่ปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้วเป็นน้องชายนายสรรเสริญหรือ “ฮั่นตง แซ่จึง” จึงน่าคิดว่าสนามกอล์ฟที่ได้มาตรฐานระดับนานาชาติ จะทำให้นักโทษที่ป่วยปลอมๆอย่าง “ทักษิณ ชินวัตร” และพักค้างคืนในสถานที่แห่งนี้อดใจไม่เล่นได้อย่างไร
ที่ต้องบันทึกไว้อีกประการหนึ่ง ก็คือ บุตรชายคนที่สองของนายสรรเสริญ จุฬางกูร ที่ชื่อ “ทวีฉัตร จุฬางกูร” และมีศักดิ์เป็นพี่ชายของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” เป็นผู้ที่ได้รับการจัดสรรหุ้นมากที่สุดจากการแปรรูป “การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย” เป็นบริษัท ปตท. จำกัด มหาชน
ในปี 2544 สมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ที่มี “ทักษิณชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรี และมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมที่คุมด้านพลังงานชื่อ“สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” โดยนายทวีฉัตรได้รับการจัดสรรหุ้นถึง 2.2 ล้านหุ้น มูลค่า 77 ล้านบาท ขณะที่หุ้น PTT หรือ ปตท. ถูกจองหมดเกลี้ยงด้วยเวลาเพียง 1.07 นาทีเท่านั้น
สรุปแล้ว การเดินทางไปไหว้บรรพบุรุษของ“ทักษิณ ชินวัตร” ที่จังหวัดเชียงใหม่ครั้งนี้ ก็คือการแสดงอำนาจของนักโทษเด็ดขาดชายที่กลับมามีอำนาจอีกครั้ง โดยใช้บ้านเกิดเป็นเมืองหลวง “ปักธง” เพื่อประกาศให้โลกรู้ว่า “ระบอบทักษิณ” ได้ฟื้นคืนชีพแล้ว !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี