การถ่อสังขารไป “กินข้าวโชว์” ถึงจังหวัดสุรินทร์ เป็นข้าวค้างเก็บในโกดังมาเป็น 10 ปี ของนายภูมิธรรมเวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์นั้น ดูไม่ชอบมาพากล
1.นายภูมิธรรมให้สัมภาษณ์อยู่บ่อยครั้ง ว่ามีผู้ร้องเรียนมา ว่ายังมีข้าวคาโกดังอยู่ 2 โกดัง เป็นข้าวในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ชินวัตร เอกชนต้องการให้นำออกไป จะได้ใช้โกดังทำประโยชน์อย่างอื่นต่อ
2.โดยอำนาจหน้าที่ นายภูมิธรรมผู้เป็นรัฐมนตรี ควรเริ่มจากการสอบถาม “องค์การคลังสินค้า” (อคส.)ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ และสั่งการให้ไปดำเนินการเสีย เรื่องก็จบ ทำไมต้อง “ออกโรง” เอง และ “เล่นใหญ่เกินเบอร์” ด้วยการจัดมหกรรม “กินข้าวโชว์” โดยลากเอาอธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัด และสื่ออย่าง ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ไปกินด้วย
3.โดยสมการที่ควรจะเป็นคือ รับเรื่องร้องเรียน สอบถามข้อเท็จจริง และสั่งการให้ อคส. เปิดประมูลข้าวลอตนี้ เหมือนกับโกดังอื่นๆ ที่ อคส. ทำมาในรอบหลายปี ก็จบ
4.นายภูมิธรรมถูกฝึกมาเหมือน “สุนัข K9” หรือ จึงใช้เป็น “เครื่องมือตรวจสอบคุณภาพข้าว” เหมือนสุนัขที่ช่วยดมกลิ่นหายาเสพติด หรือหาตัวคนร้าย นายภูมิธรรมเป็นแค่คนคนหนึ่ง เป็นบริวารที่มีประโยชน์ทับซ้อนกับนางสาวยิ่งลักษณ์ ผู้กำกับนโยบาย “จำนำข้าว” ที่หลบหนีคำพิพากษาจำคุกไป ในเวลาที่มีข่าวว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันกำลังหาทางนำตัวนางสาวยิ่งลักษร์กลับประเทศ โดยไม่ต้องติดคุกเหมือนพี่ชาย
5.ข้าวคาโกดัง อคส. มีหน้าที่ตรวจสอบ และนำออกมาประมูล การสร้างมูลค่าในการประมูล ต้องตรวจความชื้น ตรวจสารตกค้างจากการรมยา ตรวจเชื้อรา ฯลฯ ที่มีกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ตรวจได้ ไม่จำเป็นต้องใช้รัฐมนตรีไปหุงข้าวกิน เป็นเครื่องมือที่ประหลาด ตลก และน่าสมเพช ในท่วงท่าการกินที่แสนกระอักกระอ่วน ตักกับข้าว กลบข้าวที่จะต้องกิน จนแทบจะกินแต่กับ
6.สิ่งที่นายภูมิธรรมทำ จึงต้องสงสัยว่า พยายามฟอกขาวข้อครหาเรื่อง “ข้าวเน่า” ในโครงการรับจำนำข้าวที่เป็น “แผลติดตัว” นางสาวยิ่งลักษณ์ตลอดมา
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “คนไทยอย่าเล่นกับไฟคนเพื่อไทยอย่าเล่นกับข้าว” ดังนี้...
“ผมคิดว่านายภูมิธรรม คงคิดไม่ถึงว่าการออกมากินข้าว 10 ปี จะมีปฏิกิริยาโต้กลับรุนแรงหลายมิติโดยเฉพาะสังคมออนไลน์ 1.ในมิติข้อเท็จจริง ที่ต้องการเร่งระบายข้าว ก็มีหลักฐานชัดเจนว่า ได้มีการระบายข้าวชุดนี้มาตลอด แต่ผู้ชนะไม่มารับข้าวทั้งสามครั้ง คุณน่าจะคิดได้นะว่าเพราะอะไร ที่สำคัญการระบายครั้งที่ 4
ที่คุณเป็นรัฐมนตรีดูแล ก็มีไอ้โม่งสั่งให้หยุดประมูล ก่อนยื่นซองคุณสมบัติเพียงวันเดียว เพียงเพื่อเก็บข้าวนี้ให้คุณเล่นละคร เพราะข้าวชุดนี้เหลือชุดสุดท้ายแล้ว
2.ในมิติชาวโซเชียล แม้คุณจะกินข้าวโชว์สื่อ แต่ชาวโซเชียล ก็ยังจับได้ทุกช็อตว่า คุณเน้นกินแต่กับไม่กินข้าว
3.ในมุมของสุขภาพประชาชน ก็มีผู้รู้นำข้อมูลมาชี้ให้เห็นถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสารพิษตกค้าง รวมทั้งอะฟลาท็อกซิน ในข้าว 10 ปี ที่ไม่เหมาะแก่การบริโภคทั้งคนและสัตว์
4.ในแง่ของตลาดข้าว สิ่งที่คุณทำ ก็กำลังทำลายความเชื่อมั่นตลาดข้าว ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพราะถ้าประชาชนทราบว่า บริษัทไหนประมูลข้าว 10 ปีได้
ข้าวถุงบริษัทนั้นจะขายไม่ได้ หรือแม้จะส่งออก ไปแอฟริกาก็จะมีปัญหา เท่ากับว่าคุณกำลังดูถูก คนแอฟริกัน อย่าลืมว่าคู่แข่งตลาดข้าวประเทศไทยมีมาก
5.สุดท้ายคือมิติทางการเมือง ที่ต้องการเอาข้าวชุดสุดท้ายที่เหลือ มาฟอกขาวโครงการจำนำข้าวรวมทั้งฟอกขาว ยิ่งลักษณ์ กลับกลาย การทุจริตจำนำข้าวยิ่งถูกตีแผ่
สรุปแล้วข้าว 10 ปีกินได้ ภูมิธรรมและเพื่อไทย “เจ๊ง” ครับ สู้ชาวโซเชียลไม่ได้ อยากบอกไว้เลยว่า “คนไทยอย่าเล่นกับไฟ คนเพื่อไทยอย่าเล่นกับข้าว”
นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กว่า #ข้าว 10 ปีกินได้หรือ #พบเงื่อนงำข้าวค้างโกดัง #ปาหี่การเมืองเรื่องคดีจำนำข้าว?ความว่า
“ข้าวค้างสต็อค 10 ปี จากโครงการรับจำนำสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ยิ่งตรวจสอบยิ่งพบเงื่อนงำหลายประเด็น ทั้งเรื่องความเป็นมาเกี่ยวกับข้าวค้างโกดังล็อตนี้ ที่บริษัทประมูลข้าวผิดสัญญาไม่ชำระเงินผลประโยชน์ของผู้ที่มีส่วนได้เสีย ความเกี่ยวพันทางการเมือง หรือผลทางคดีความ?”
จากรายงานความเป็นมาข้อเท็จจริงที่ผมได้รับจากแหล่งข่าวกระทรวงพาณิชย์ ลงวันที่ 26 มีนาคม 2567 นั้น ทำให้มีข้อสังเกตและคำถามไปยังท่านรัฐมนตรีและผู้เกี่ยวข้อง เพิ่มเติมดังนี้
1)นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกและรมต.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เมื่อ 15 มี.ค. 2567 ว่า ได้รับการร้องเรียนว่า มีข้าวค้างเก็บใน 2 คลัง จำนวนมากถึง 120,000 กระสอบ เพราะมีปัญหาคลังถูกปิดและทำให้โกดังเสียโอกาส
: คำถามคือ
1.1 ใครเป็นผู้ร้อง? ในทางการข่าวระบุว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของโกดังคลังเก็บข้าวและผู้นำท้องถิ่นที่มีความใกล้ชิดกับบางพรรคการเมือง มีประโยชน์ได้เสียในเรื่องนี้ใช่หรือไม่
1.2 รัฐมนตรีพาณิชย์ทราบมาก่อนหรือไม่ว่า “ผู้ร้องน่าจะเป็นผู้ประมูลข้าวได้เอง แต่ผิดสัญญาไม่รับมอบข้าวทั้งหมดและไม่ชำระเงินแก่รัฐ จนองค์การคลังสินค้า (อคส.) ต้องยกเลิกสัญญา และยังเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากเงินค่าเช่าโกดัง ค่ารับฝาก และค่าบำรุงรักษาจำนวนมากต่อมาอีกถึง 9 ปี ทั้งที่กระทำผิดสัญญากับ อคส.
1.3 มีการตรวจสอบว่า มีการทุจริตในเบิกจ่ายเงิน ใดๆ หรือไม่ มีความคืบหน้าในการฟ้องร้องดำเนินคดีหรือเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัททั้งสองที่เป็นผู้ทำผิดสัญญาประมูลและไม่ชำระเงิน หรือไม่ อย่างไร
2) คลังพูนผลเทรดดิ้ง หลัง 4 จังหวัดสุรินทร์ที่มีข้าวค้างโกดัง 3,356 ตัน นั้น
• ผู้ซื้อข้าวในการประมูลครั้งที่ 5/2558 คือ บริษัทพูนผลเทรดดิ้ง เจ้าของคลังสินค้าพูนผลเทรดดิ้งหลัง 4 ได้รับมอบข้าวไปแล้ว 1,967 ตัน ต่อมาผู้ซื้อผิดสัญญาไม่ชำระค่าข้าว องค์การคลังสินค้า (อคส.) บอกเลิกสัญญา คงเหลือข้าว 3,356 ตัน
• ส่วนผู้ประมูลซื้อข้าวรายอื่นก่อนหน้า คือ บริษัทข้าวซีพี เมื่อ 2557 ได้รับมอบข้าว 4,181 ตันไปครบถ้วนและชำระเงินเรียบร้อยไม่ผิดสัญญา
: คำถามคือ
2.1 รัฐมนตรีทราบหรือไม่ว่า บริษัทพูลผลเทรดดิ้งซึ่งน่าจะเป็นเจ้าของโกดังคลังพูนผลเทรดดิ้ง หลัง 4 คือผู้ที่ประมูลข้าวได้ตั้งแต่ 2558 เป็นผู้ผิดสัญญารับมอบข้าวไปแล้วบางส่วน แต่ผิดสัญญาไม่ชำระค่าเงินข้าวองค์การคลังสินค้า จึงต้องยกเลิกสัญญา และข้าวที่ค้างในโกดังคลังสินค้าพูนผลฯ จำนวน 3,356 ตันนี้ คือข้าวที่ผู้ประมูลผิดสัญญาไม่รับมอบไปเอง แต่ยังเก็บไว้ในโกดังต่อมาจนทุกวันนี้
2.2 ค่าฝากรักษาข้าวและค่ารมยาฆ่าแมลง fumigation ตลอดทุกเดือนมูลค่ามหาศาลนี้ ใครเป็นผู้จ่ายเงินแก่เจ้าของโกดังคลังข้าวซึ่งเป็นผู้ผิดสัญญา การจ่ายเงินดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
2.3 มีการฟ้องร้องดำเนินคดีในความเสียหายจากบริษัทพูนผลเทรดดิ้ง ผู้ผิดสัญญาที่ไม่ชำระเงินและไม่รับมอบข้าวที่ประมูลไปแล้ว ตั้งแต่ 2558 หรือไม่
ผลคดีเป็นอย่างไร
3) คลังสินค้ากิตติชัย จังหวัดสุรินทร์ ที่มีข้าวค้างโกดัง 11,656 ตัน นั้น
• ผู้ซื้อข้าวในการประมูลครั้งที่ 5/2558 คือบริษัท โรงสี ส.ชัยเจริญ รับมอบข้าวไป 9,343 ตัน แล้ว ผู้ซื้อผิดสัญญาไม่ชำระเงิน องค์การคลังสินค้า (อคส.) จึงยกเลิกสัญญา คงเหลือข้าว 11,656 ตัน
• ส่วนผู้ประมูลซื้อข้าวรายอื่นหลังจากนั้น คือ บริษัทยโสธรอินเตอร์เทรดไรซ์ เมื่อ 2560 ได้รับมอบข้าว 5,095 ตัน ไปครบถ้วนและชำระเงินเรียบร้อยไม่ผิดสัญญา
: คำถามคือ
3.1 รัฐมนตรีทราบหรือไม่ว่า ข้าวที่ตกค้างในคลังสินค้า กิตติชัย 11,656 ตันนั้น บริษัทโรงสีส.ชัยเจริญ ที่เคยเป็นผู้ซื้อข้าวนี้จากการประมูลและผิดสัญญาไม่ชำระเงินนั้นเจ้าของ คือ นายโรจนินทร์ หิรัญโชคอนันต์ เจ้าของ 3 โรงสีใหญ่ ในจังหวัดสุรินทร์ บุรีรัมย์ และศรีสะเกษ โดยที่นายโรจนินทร์ปัจจุบันเป็นนายกเทศมนตรีตำบลกังแอน อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เป็นผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่ที่สื่อมวลชนหลายสำนักถูกแนะนำว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องข้าว และออกมาสัมภาษณ์ช่วยรัฐมนตรี ยืนยันรับรองว่า ข้าว 10 ปี ในโกดังที่ท่านรัฐมนตรีและสื่อมวลชนเอามาทดลองหุงนั้น เป็นข้าวคุณภาพสารอาหารคงเดิมกินได้ กินแล้วไม่ตาย คือ เจ้าของบริษัทโรงสี ส.ชัยเจริญ เป็นผู้ประมูลข้าวลอตนี้ได้ในปี 2558รับมอบข้าวไปแล้ว 9,343 ตัน แต่ผู้ซื้อผิดสัญญาไม่ชำระเงิน อคส. ยกเลิกสัญญา ทำให้เหลือข้าวคงค้างสต๊อกไว้ในโกดังคลังนี้ทิ้งไว้ 11,656 ตัน
3.2 ใครจ่ายเงินค่าฝากรักษาข้าวและค่ารมยาฆ่าแมลง fumigation ทุกๆ 2 เดือน มูลค่ามหาศาลนี้ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
3.3 เรื่องนี้มีการฟ้องร้องดำเนินคดีในความเสียหายจากบริษัท โรงสี ส.ชัยเจริญ ผู้ผิดสัญญาที่ไม่ชำระเงินและไม่รับมอบข้าวที่ประมูลไปแล้ว ตั้งแต่ 2558 หรือไม่ผลคดีเป็นอย่างไร และเพื่อให้เกิดความมั่นใจกับประชาชนผู้บริโภค เพราะจะมีการนำข้าวค้าง 10 ปีดังกล่าวออกมาประมูลขาย ที่อาจส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคและตลาดค้าข้าวต่างประเทศ คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภาจะดำเนินการติดตามตรวจสอบในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องต่อไป อาทิ
• ข้อเสนอแนะให้นำข้าวไปตรวจสอบห้องแล็บทางวิทยาศาสตร์ เพื่อพิสูจน์ว่าไม่มีสารพิษตกค้างจากการรมยาฆ่าแมลงมานาน 10 ปี หรือการเสื่อมคุณภาพสารอาหารและการตรวจหาสารก่อมะเร็งที่เกิดจาก aflatoxin และอื่นๆ ก่อนที่จะนำไปประมูลขายให้ประชาชนนำไปบริโภคในประเทศหรือส่งออกขายไปต่างประเทศ
• ติดตามตรวจสอบการบริหารจัดการไม่ให้เกิดการทุจริตซ้ำในโครงการ หรือความพยายามสร้างหลักฐานใหม่ ที่อาจสงสัยว่า จะนำไปสู่เปลี่ยนแปลงในกระบวนการยุติธรรมที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาเด็ดขาดไปแล้ว ถึง 2 ชั้นศาลฎีกา เป็นที่ยุติแล้ว โดยจะนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯ เพื่อมีมติให้ติดตามตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ตามหน้าที่และอำนาจต่อไปครับ
ด้าน นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) โพสต์เฟซบุ๊กถึงข้าวค้างโกดัง 10 ปี ในหัวข้อ “ถ้ายังดื้อดึงจะเน่าทั้งรัฐบาล” ระบุว่า...
2 วันที่ผ่านมา ที่ได้ออกมาท้วงติงกรณีข้าวค้างโกดัง 10 ปีนั้น หากรัฐบาลได้รับฟังแล้วควรตรึกตรองมีอยู่ไม่กี่ประเด็น
1. ห่วงเรื่องสุขภาพ อนามัยของประชาชน
2. อยากให้มีการตรวจคุณภาพข้าว โดยผู้เชี่ยวชาญหรือทดสอบง่ายๆ ซาวน้ำอย่างที่ทำแล้วตรวจว่าน้ำที่มีทั้งมอด สีสนิมมีสารปนเปื้อนที่มีอันตรายต่อสุขภาพประชาชนหรือไม่
3.ควรมีคณะกรรมการคนกลางมาร่วมตรวจคุณภาพข้าว เพราะถ้าพวกเดียวตรวจเหมือนละครปาหี่
4.ห่วงความเสียหายในตลาดข้าวหากข้าวไม่มีคุณภาพหลุดออกไป
5.ควรแจ้งประชาชนในรายละเอียดว่า ขายให้ใคร นำไปขายที่ไหน
6.อย่าไปดูถูกบางประเทศว่าเขาสามารถบริโภคข้าวไม่มีคุณภาพได้
“อย่างที่เคยให้สัมภาษณ์ เรื่องนี้มีธงนำคือพยายามสร้างความชอบธรรมให้คดีจำนำข้าว โดยไม่สนใจชีวิต สุขภาพของประชาชน สุดท้ายถ้ายังดื้อดึงจะเน่าทั้งรัฐบาล” นายราเมศกล่าว
ต้องติดตามกันต่อไป ว่า “ละครเล่นใหญ่เกินเบอร์เรื่องนี้” จะถึงตอนอวสานตอนไหน และจบลงในสภาพใด ทั้งสภาพข้าว และสภาพคน!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี