จู่ๆ เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดฝันก็ปรากฏขึ้นจากการเปิดเผยข่าวของ VOA หรือสถานีวิทยุเสียงแห่งอเมริกา ซึ่งเป็นสื่อมวลชนที่สำคัญและมีชื่อเสียงของอเมริกาเผยแพร่ไปทั่วโลกว่าคุณทักษิณหรือบิ๊กแม้วได้เจรจาประสานงานกับชนกลุ่มน้อยต่างๆ และขั้วอำนาจต่างๆ ในพม่ามาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2567 ซึ่งต้องถือว่าเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญที่สุดของประเทศ
เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติที่มีหน่วยงานความมั่นคงของประเทศมากมายดูแลรับผิดชอบอยู่ มีรัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบสูงสุด เป็นเรื่องความมั่นคงที่กระทบต่อภูมิภาคและสถานการณ์โลก และเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับชาติมหาอำนาจสองขั้วที่กำลังมีความขัดแย้งอย่างรุนแรงอยู่ในปัจจุบันนี้
ทั้งสถานการณ์ในพม่าก็ยกระดับความขัดแย้งรุนแรงมากขึ้น มีการสนับสนุนจากภายนอกมากขึ้น มีการใช้อาวุธรุ่นใหม่ที่มีความร้ายแรงเพิ่มมากขึ้น กระทั่งมีการกล่าวหาว่าชาติมหาอำนาจบางขั้วได้แทรกแซงเรื่องนี้ผ่านประเทศไทย และสร้างความไม่พอใจให้รัฐบาลพม่าอย่างรุนแรงอยู่ในขณะนี้ และเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นทำให้จีนซึ่งเป็นมหาอำนาจใหญ่ในภูมิภาคนี้มีความกังวลขั้นสูง ถึงกับประกาศว่าบางประเทศในอาเซียนจะต้องระมัดระวังไม่ทำให้อาเซียนเป็นยูเครน 2
และบางประเทศที่ว่านี้ในบริบทนั้นผู้สนใจทางการเมืองระหว่างประเทศก็พอเข้าใจว่าโฉบเฉี่ยวมาที่ประเทศไทยมากกว่าประเทศอื่น นอกจากนั้นเพื่อป้องกันระวังภัย ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงถึงกับประกาศว่าถ้าเมื่อใดก็ตามที่มีทหารต่างชาติเข้าไปในพม่า เมื่อนั้นกองทัพปลดแอกประชาชนจีนก็พร้อมเข้าช่วยรัฐบาลพม่า และไม่ได้พูดปากเปล่า ได้มีการจัดตั้งฐานทัพแห่งใหม่ขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากสถาปนาประเทศจีนเมื่อเกือบร้อยปีมาแล้ว
เป็นฐานทัพขนาดใหญ่ที่มีกำลังพลถึง 500,000 คน และมีความพร้อมที่จะเคลื่อนกำลังถึงพม่าได้ภายใน 2 วันครึ่ง หรือถ้าฉุกเฉินก็ภายใน 2 ชั่วโมงครึ่ง ในขณะที่พม่าเองก็มีกำลังทหารถึง 400,000 คน มีอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมากทั้งรถถัง เครื่องบิน และเรือดำน้ำ
อาเซียนและหลายประเทศพยายามไกล่เกลี่ยเรื่องพม่ามานานแล้ว และกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ในพม่าก็พยายามเจรจากับรัฐบาลพม่าตลอดมา แต่ยังหาข้อยุติไม่ได้
นอกจากนั้น พม่าก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับภูมิยุทธศาสตร์ตามยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ของสหรัฐ ที่กำหนดให้พื้นที่มหาสมุทรอินเดียและพม่าเป็นพื้นที่ภายใต้การดูแลจัดการของแกนนำทางแสนยานุภาพที่ได้จัดตั้งขึ้นคือกลุ่ม QUAD ที่ประกอบด้วยสหรัฐ อังกฤษ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และแคนาดา
ทุกประเทศในกลุ่ม QUAD ถือว่าจีนเป็นภัยคุกคามที่ต้องกำจัดขัดขวางและทำลายในทุกมิติแม้กระทั่งต้องทำสงคราม และกำหนดให้กลุ่ม QUAD รับภารกิจในการดำรงแสนยานุภาพทางการทหารเพื่อจัดการกับภูมิภาคมหาสมุทรอินเดียและพม่าด้วย
ในขณะเดียวกัน พม่าก็เป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับจีน และโลกปัจจุบันก็เกิดกลุ่มอำนาจใหม่ขึ้นที่เป็นฝ่ายตรงกันข้ามกับอำนาจเก่าหรือนาโต้ ประกอบด้วยจีน รัสเซีย อิหร่าน เกาหลีเหนือ โดยมีกลไกเศรษฐกิจคือกลุ่ม BRICS เป็นกองกำลังทางเศรษฐกิจสนับสนุน ดังนั้นความขัดแย้งนี้จึงไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่เป็นเรื่องระดับโลกที่จะบุ่มบ่ามรุ่มร่ามยุ่งเกี่ยวแบบไร้เดียงสาไม่ได้
สถานการณ์รุนแรงขึ้นทุกขณะ กลุ่ม QUAD เคยประกาศการซ้อมรบในมหาสมุทรอินเดียเมื่อปีก่อน แต่ไม่ทันได้ฝึกซ้อมก็ต้องยกเลิกไป เพราะจีน รัสเซีย อิหร่าน ได้ประกาศซ้อมรบในมหาสมุทรอินเดียตัดหน้ากลุ่ม QUAD โดยระดมเรือรบผิวน้ำและเรือดำน้ำจำนวนมากมาร่วมซ้อมรบ
ข้อสังเกตคืออิหร่านซึ่งไม่เคยส่งแสนยานุภาพทางนาวีออกนอกอ่าวเปอร์เซียมาก่อนเลยกลับส่งเรือรบและเรือดำน้ำจำนวนมากมาร่วมซ้อมรบด้วย ในขณะที่มีเรือรบและเรือดำน้ำของจีนและรัสเซียจำนวนมากเข้าร่วมซ้อมรบจนเต็มไปทั้งมหาสมุทรอินเดีย จากนั้นก็ยังวางกำลังอยู่จนถึงทุกวันนี้
เหตุการณ์นั้นทำให้โลกเข้าใจว่า ขั้วอำนาจใหม่ไม่ยอมให้ต่างชาติเข้าไปครอบงำพม่าอีก เพราะมองขาดว่าการซ้อมรบของกลุ่ม QUAD อาจเป็นการฉวยโอกาสยกพลขึ้นบกเข้ายึดรัฐยะไข่ของพม่าที่อยู่ติดกับมหาสมุทรอินเดียเพื่อให้เป็นฐานของรัฐบาลออง ซาน ซู จี ดังนั้นจึงมีการตัดหน้าเพื่อป้องกันเหตุการณ์นี้ ถึงขนาดซ้อมรบเสร็จแล้วก็ยังวางกำลังไว้เต็มพื้นที่ จนกระทั่งกลุ่ม QUAD ไม่สามารถซ้อมรบได้อีกจนกระทั่งทุกวันนี้
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะพม่านั้นเป็นภูมิยุทธศาสตร์สำคัญที่กระทบต่อความมั่นคงของจีน เพราะถ้ามีกำลังต่างชาติเข้ายึดครองพม่าก็จะกระทบต่อความมั่นคงของจีนในพื้นที่มณฑลยูนนาน เสฉวน และฉงชิ่ง ซึ่งเป็นหลังบ้านของจีน และด้านบนขึ้นไปก็เป็นพื้นที่สำคัญล่อแหลมคือซินเกียงและทิเบต ซึ่งจีนไม่มีวันที่จะยอมให้ชาติใดเข้าไปกระทำการที่กระทบต่อความมั่นคงโดยเด็ดขาด
เรื่องเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าปัญหาทั้งหลายในพม่านั้นมิได้มีผลกระทบต่อภายในพม่าอย่างเดียว แต่มีผลกระทบทางมหภาคหรือทางยุทธศาสตร์ ทั้งยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหมของจีนและยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ของสหรัฐ ที่สองขั้วมหาอำนาจของโลกกำลังขับเคี่ยวกันอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ในขณะนี้
สถานการณ์ที่อ่อนไหวและซับซ้อนดังกล่าวนั้น หน่วยงานความมั่นคงมากหลายของประเทศไทยกำลังเร่งศึกษาค้นคว้าติดตามและปรับปฏิบัติการทั้งหลายให้สอดคล้องกันอย่างใกล้ชิด ซึ่งความละเอียดอ่อนเหล่านี้ บิ๊กแม้วที่ไปอยู่ต่างประเทศมา 18 ปี จะกระจ่างแจ้งสักเพียงใด จึงกล้าหาญชาญชัยที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้โดยไม่มีใครรู้เห็นเกี่ยวข้อง
ดังนั้นการที่บิ๊กแม้วเข้าไปเจรจาในเรื่องนี้จึงเหมือนเล่นกับไฟ ที่อาจจะไหม้มือ ไหม้ตีน ไหม้หน้า หรือส่วนใดของร่างกายที่ไปกระทบกับไฟได้ทุกเมื่อ
แม้ว่าหนทางที่จะเกิดความสำเร็จเป็นที่พอใจแก่ทุกฝ่ายอาจมีอยู่ แต่ก็แคบและเป็นไปได้ยาก ในขณะที่ปัญหาความขัดแย้งที่จะกระทบและจะขยายตัวออกไปมีมากกว่า ดังนั้นเมื่อบิ๊กแม้วไปเคลื่อนไหวเรื่องนี้จึงย่อมกระทบกับประเทศไทยโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้
ที่สำคัญ บิ๊กแม้วอาศัยฐานะอะไรไปจัดการเรื่องนี้ เพราะนายกรัฐมนตรีหรือรัฐบาลก็มีอยู่ หน่วยงานความมั่นคงทั้งหลายก็มีอยู่ แต่กลับไม่มีใครรู้เห็นเกี่ยวข้องเลย
แม้จะรู้กันว่าบิ๊กแม้วเป็นเจ้าของพรรคการเมือง มีอิทธิพลสูงสุดในพรรคการเมือง แต่การกระทำใดที่มีลักษณะข้ามหัว ไม่เห็นหัวรัฐบาล ไม่เห็นหัวนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีต่างประเทศ รวมทั้งหน่วยงานความมั่นคงทั้งหมดของประเทศไทยแล้ว ไม่เพียงแต่เป็นความเสี่ยงความเสียหายต่อบิ๊กแม้วเองเท่านั้น แต่ประเทศไทยและรัฐบาลไทยก็จะได้รับผลกระทบและเสียหายไปด้วย
ดังนั้นบรรดาผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายจะทำตัวเป็นสากกะเบือไม่รู้ร้อนรู้หนาว หรือจะป้องกันแก้ไขไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ก็จะต้องว่ากล่าวกันให้ชัดเจน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี