รัฐบาลพระยามโนฯ 2 บริหารราชการแผ่นดินมาได้ประมาณ 3 เดือน ก็เจอกระทู้ถามเรื่องนโยบายทางเศรษฐกิจ ในการประชุมสภาครั้งที่ 55 เมื่อวันที่ 10 มีนาคมพ.ศ. 2475 ผู้ที่ลุกขึ้นยืนอ้างกระทู้ถามคือนายจรูญ สืบแสง สมาชิกคณะราษฎร ผู้มีคารมคมกริบ
“… ในเรื่องทางเศรษฐกิจนั้น นายบรรจง ศรีจรูญ ได้เคยถามคณะรัฐมนตรีมาครั้งหนึ่ง เมื่อประมาณหกเดือนมาแล้ว และตัวข้าพเจ้าเองก็เคยพูดว่าการที่เราจะดำเนินนโยบายในทางเศรษฐกิจและในทางโปลิติคนั้น มีอยู่สองทางคือทางหนึ่งเราจะดำเนินให้การเศรษฐกิจมากในทางโปรลิติค กล่าวคือทำในทางโปลิติค แต่ให้มีเศรษฐกิจเป็นส่วนมากกว่าโปลิติคหรือทางการเมือง อีกทางหนึ่งคือทำในทางการเมืองมากกว่าในทางเศรษฐกิจ……ได้คอยฟังอยู่ทุกวันก็ไม่ปรากฏว่าได้กระทำไปแล้ว จึงได้ขอให้เตรียมคำตอบไว้ เมื่อวันประชุมครั้งก่อนและ ก็ปรากฏว่าเพิ่งจะจัดให้มีกรรมการประชุมในเรื่องนี้ ซึ่งกำหนดจัดประชุมในวันอาทิตย์นี้ แสดงให้เห็นว่าไม่ได้เอาใจใส่ในทางเศรษฐกิจดังคำปฏิญาณ ว่าจะบำรุงสุขความสมบูรณ์ของราษฎรไม่ให้ราษฎรอดอยาก ให้มีงานทำ ฉะนั้นจึงใคร่ถามว่ารัฐบาลจะรับรองได้ไหมว่าจะรีบทำในเรื่องนี้ให้ทันเวลา ที่จะดำเนินการในปีหน้าถ้าและไม่รับรองที่จะทำแล้วจะได้ขอให้มีโหวตออฟ confidence เรียงตัวบุคคลไป”
เมื่อถูกสมาชิกสภาฯรุ่นเด็กกว่ามาอภิปรายขู่ถึงขนาดจะให้ลงมติไล่รัฐบาลเช่นนี้ นายกรัฐมนตรี พระยามโนฯ จึงได้ลุกขึ้นตอบอย่างไม่เกรงกลัวคำขู่ พร้อมที่จะออกไป
“เรื่องเศรษฐกิจนั้นไม่ใช่ว่าเราจะไม่ได้คิดจะทำ เรามี Scheme อยู่แล้ว แต่ว่าเวลานี้กำลังพิจารณาอยู่ จนถึงได้ตั้งกรรมการขึ้นพิจารณา มีพระยาราชวังสันเป็นประธาน ที่เราได้ทำไปนี้ เราก็นึกว่าเป็นไปอย่างดีที่สุดและเร็วที่สุดที่จะทำได้ แต่ถ้าการที่ทำไปเช่นนี้ไม่เป็นที่พอใจแก่สภา เราก็ไม่ได้ขอว่าให้สภานี้ได้ช่วยโปรดเอาพวกรัฐบาลนี้ไว้ ที่จะแสดงหรือลงมติความไม่ไว้วางใจ เราก็ยินดีที่จะไปเสมอ ในเมื่อมีผู้อื่นที่ดีกว่า และจะทำได้ เพราะฉะนั้นเราไม่มีความรังเกียจอย่างใดที่สภาจะลงมติความไม่ไว้วางใจต่อไป”
นายจรูญ สืบแสง ยังลุกขึ้นเล่นงานต่อ อ้างราษฎร และคำมั่นสัญญาของคณะราษฎร
“เท่าที่นายกรัฐมนตรีได้ตอบมาก็แปลว่าได้ตอบมาแทนคณะรัฐมนตรีทั้งหมด คณะนำดีย่อมมีความรับผิดชอบร่วมกันเท่าที่ได้ทราบมาว่า นโยบายในทางเศรษฐกิจนี้ไม่ลงรอยกันเพราะต่างคนต่างเห็นชอบไปคนละทางและบางคนก็มี Prejudice ใน หรือไม่อย่างนั้นก็มี Prejudice ใน ทางนโยบาย เช่น นโยบายของหลวงประดิษฐ์มีบางคนเข้าใจไปว่าเป็นนโยบายทาง Communist หรือ Socialist แต่เราต้องคิดว่านโยบายจะเป็นไปในทางใดก็ตาม ถ้าหากเป็นไปในทางที่จะให้ราษฎรได้รับประโยชน์แล้ว ก็ควรจะเสียสละได้แม้ชีวิต และเท่าที่เป็นอยู่เช่นนี้แล้ว เราไม่ได้ทำประโยชน์อันใดเป็นปึกแผ่นอาจจะนำซึ่งความแค้นเคืองของราษฎร เมื่อเช่นนี้ก็เป็นเหตุให้ความรับผิดชอบตกแก่คณะราษฎรผู้เริ่มเปลี่ยนแปลงการปกครองได้ เพราะได้ให้คำมั่นสัญญาไว้”
ถึงตอนนี้ พระยาทรงฯจึงได้ลุกขึ้นมาช่วยชี้แจงสั้นๆ โดยไม่ใช้อารมณ์ ว่า
“นโยบายของหลวงประดิษฐ์ฯในทางเศรษฐกิจนั้น เพิ่งเขียนเสร็จเมื่อ 7-8 วันนี้ถ้าหากว่าเสร็จก่อนนี้เราก็จะได้มีโอกาสพิจารณาก่อนนี้”
ในวันนั้น เรื่องนี้ได้มีการอภิปรายต่อมาอีกสองสามคน โดยยังไม่มีมติอะไร และก่อนปิดประชุม หลวงประดิษฐ์มนูธรรมได้กล่าวว่า
“เรื่องนโยบายเศรษฐกิจนี้ เราได้ตกลงว่าจะพูดกันในวันอาทิตย์ เพราะฉะนั้นขอให้ได้ประชุมกันเสียก่อน ส่วนโครงการของนายมังกรนั้นได้รับไว้จริง”
การพิจารณาในสภาฯเรื่องเศรษฐกิจจึงมีค้างไว้เพียงเท่านี้ ส่วนที่มีการถกเถียงโต้แย้งกันมากนั้นเป็นเรื่องนอกสภาฯ ในที่ประชุม
คณะรัฐมนตรี โดยแบ่งฝ่ายกันชัดเจน และโต้แย้งกันมาก เมื่อหลังการประชุมในวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2475 แต่เรื่องเศรษฐกิจก็ไม่ได้เข้าสภาฯอีกเลย
นรนิติ เศรษฐบุตร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี