ฟุตบอลคิงส์คัพ เป็นการแข่งขันฟุตบอลที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุดของไทย
เป็นฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานจาก พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 เริ่มขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ.2511
ปีนี้ จะจัดแข่งขันเป็นครั้งที่ 50
ถือเป็นปีมหามงคล เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ หรือ
72 พรรษา ในปีนี้อีกด้วย
ขณะนี้ กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาว่า จะจัดแข่งขันที่จังหวัดใด หลังจากที่เสนอตัวเข้ามา 3 จังหวัดด้วยกัน
1.สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ประกาศยืนยันแล้วว่า
ฟุตบอลคิงส์คัพหนนี้ มีทีมตอบรับเข้าร่วมแข่งขันเรียบร้อยแล้ว ได้แก่
ทีมชาติซีเรีย อันดับ 93 ของโลก
ทีมชาติทาจิกิสถาน อันดับ 102 ของโลก
ทีมชาติฟิลิปปินส์ อันดับ 147 ของโลก
และทีมชาติไทย
จะเป็นเกมนานาชาติ International ‘A’ Match ตามปฏิทิน ฟีฟ่า เดย์ ระหว่างวันที่ 7-15 ตุลาคม 2567
เพราะฉะนั้น ทีมชาติที่ตอบรับ ก็ย่อมจะนำนักเตะชุดดีที่สุดเข้าร่วมแข่งขัน เพราะมีผลต่อการจัดอันดับฟีฟ่าด้วย
2.การจัดแข่งขันคิงส์คัพหนนี้ จะจัดที่ต่างจังหวัด
เบื้องต้น ขอสนับสนุน และชื่นชมการจัดแข่งขันที่ต่างจังหวัดหนนี้
เพราะจะเปิดโอกาสให้แฟนบอลทีมชาติไทยได้เข้าชมและเชียร์ทีมชาติบ้าง
และจะช่วยสร้างบรรยากาศการแข่งขันในระดับนานาชาติที่ต่างจังหวัด
จะเป็นผลดีทั้งด้านกีฬา และเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว มีเงินหมุนเวียนในจังหวัดนั้นๆ ด้วย
3.จัดแข่งที่จังหวัดไหน?
การเปิดรับข้อเสนอเป็นเจ้าภาพ สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ปรากฏว่า มี 3 จังหวัด ที่ยื่นความจำนงเสนอตัวเข้ามาอย่างเป็นทางการ ภายใต้เงื่อนไข ที่ สมาคมฯ แจ้งไว้ก่อนหน้านี้
คือ จะต้องมีความพร้อมพื้นฐานตามเกณฑ์ต่างๆ ของแมทช์นานาชาติ ตามข้อกำหนดของฝ่ายจัดการแข่งขัน
สามจังหวัด ได้แก่
จังหวัดเชียงราย : สนามเชียงราย สเตเดียม
จังหวัดสงขลา : สนามกีฬาติณสูลานนท์
จังหวัดเชียงใหม่ : สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี
ขั้นตอนต่อไป ฝ่ายจัดการแข่งขันสมาคมฯ จะดำเนินการประสานแจ้งรายละเอียดต่างๆ และตรวจสอบความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันตามข้อกำหนด
จะแจ้งผลการคัดเลือกให้ทราบต่อไปภายในช่วงเดือน กรกฎาคม 2567
โดยคณะกรรมการที่ สมาคมฯ เตรียมตั้งขึ้นมา จะพิจารณาอย่างดีที่สุด
ทั้งในมิติของฟุตบอล (คุณภาพการแข่งขัน), มิติทางเศรษฐกิจ, มิติส่งเสริมการท่องเที่ยว และมิติของกระแสฟุตบอลภายในจังหวัด
4.ทั้งสามจังหวัด ต่างต้องการจะเป็นเจ้าภาพ
ไม่ว่าใครจะได้เป็นเจ้าภาพ ก็ขอแสดงความยินดี และหวังว่าการจัดการแข่งขันจะราบรื่น ประสบความสำเร็จ
แต่ถ้าส่องกล้องมองแต่ละทางเลือก ประกอบกับประเด็นพิจารณาของคณะกรรมการ 4 มิติ ได้แก่ มิติของฟุตบอล (คุณภาพการแข่งขัน), มิติทางเศรษฐกิจ, มิติส่งเสริมการท่องเที่ยว และ มิติของกระแสฟุตบอลภายในจังหวัด
(1) จังหวัดเชียงใหม่ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ความจุ 25,000 ที่นั่ง
สนามมาตรฐาน แต่เพิ่งจัดแข่งขันทีมชาติไทยมา
การท่องเที่ยวเชียงใหม่มีจุดขายอยู่แล้ว เป็นเมืองหลัก
(2) จังหวัดสงขลา สนามกีฬาติณสูลานนท์ ความจุ 35,000 ที่นั่ง
มีความจุมากที่สุดในสามตัวเลือก
เป็นสนามมาตรฐาน อยู่ติดทะเล เพิ่งปรับปรุง เตรียมเป็นเจ้าภาพการแข่งขันซีเกมส์ปีหน้า
ด้านการท่องเที่ยว เป็นเมืองรอง ถ้ามีการแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติ ก็จะช่วยหนุนเสริมได้อย่างดี กระแสแฟนบอลในสงขลาและภาคใต้ คลั่งไคล้ฟุตบอลอย่างชัดเจน
(3) จังหวัดเชียงราย สนามเชียงราย สเตเดียม ความจุ 11,350 ที่นั่ง
เป็นสนามมาตรฐาน สวยงาม ใช้แข่งระดับสโมสรในลีกสูงสุดอยู่แล้ว กระแสแฟนบอลมีฐานจากสโมสรอยู่แล้ว
ข้อเสีย คือ สนามมีความจุน้อยไปนิด สำหรับเกมทีมชาติ
ด้านการท่องเที่ยว ถ้ามีการแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติ ก็จะช่วยหนุนเสริมได้ดี
5.ความเคลื่อนไหวของสงขลา ตื่นตัวต่อการเป็นเจ้าภาพหนนี้มาก
ในแฟนเพจ Songkhla FC ระบุว่า
“ความคิดเห็นเป็นเอกฉันท์ คนใต้พร้อมแล้ว
...จังหวัดสงขลา ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รวมทั้งภาคประชาชน พร้อมร่วมมือกันเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันในครั้งนี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการกีฬาภายในจังหวัด และเพื่อปลุกกระแสฟุตบอลในภาคใต้ให้กลับมาบูมอีกครั้ง โดยแฟนบอลภาคใต้จำนวนมาก ยกพลถล่มคอมเม้นสื่อต่างๆ ว่าอยากให้เอามาจัดภาคใต้บ้าง เพื่อกระจายความนิยม และเพื่อให้กระแสทีมชาติไทยกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งหนึ่ง”
นอกจากนี้ ยังหยิบยก “10 เหตุผลที่ “สนามติณฯ” ควรจัดคิงส์คัพ” ระบุว่า
“1.คนภาคใต้บ้าบอลไม่แพ้แฟนบอลภาคอื่น
2.สนามติณฯ สามารถจุผู้ชมได้เยอะ (ราว 35,000-40,000 คน)
3.สนามติณฯ ตั้งอยู่บริเวณแหล่งท่องเที่ยว อาทิ หาดสมิหลา
4.สนามแห่งนี้ควรถูกทดสอบก่อนจัดซีเกมส์
5.ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในจังหวัดสงขลา
6.จังหวัดสงขลา มีโรงแรมระดับ 4-5 ดาว อาทิ Signature บุรีศรีภู
7.จังหวัดสงขลามีสนามซ้อมที่เพียงพอ อาทิ มทร. ราชภัฏ มอ.
8.ช่วยกระตุ้นด้านกีฬา เพื่อสอดคล้องนโยบาย “สงขลาเมืองกีฬา”
9.จังหวัดสงขลาอยู่ใกล้ประเทศมาเลเซีย **เชิญมาเลเซียมาเลย
10.ทีมชาติไทยไม่เคยมาแข่งสนามนี้นานมากๆ ตั้งแต่ เอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่ 13”
6.สุดท้าย... เมื่อพิจารณาแล้ว ขอสนับสนุนให้เลือก “สงขลา” เป็นเจ้าภาพหนนี้
เพราะเชียงใหม่ เพิ่งจัดแข่งขันทีมชาติไทย
เชียงราย สนามเล็กไปนิด (จุคนได้ไม่ถึงครึ่งของสงขลา)
ส่วนสงขลาทุกอย่างมีความพร้อม และไม่ได้จัดแข่งระดับทีมชาติที่สงขลา ภาคใต้ นานหลายปีแล้ว
เชื่อว่า จะมีแฟนบอลไทย จากสงขลาและจังหวัดใกล้เคียง เดินทางไปชมและเชียร์กันล้นทะลักความจุของสนาม
และสามารถจัดการสนับสนุนการท่องเที่ยวในพื้นที่ได้ด้วย
ส่วนที่ห่วงเรื่องฝนตกในพื้นที่ภาคใต้ เดือนตุลาคม
ล่าสุด กรมอุตุฯ เปิดเผยว่า ประเทศไทยเตรียมเข้าสู่สภาวะลานีญา จะส่งผลให้ครึ่งปีหลังของประเทศไทย บริเวณประเทศไทยตอนบนในเดือนกรกฎาคม สิงหาคม และตุลาคม จะมีฝนมากกว่าปกติบางพื้นที่ ส่วนเดือนอื่นๆ จะใกล้เคียงค่าปกติ หมายความว่า ในช่วง ต.ค.ปีนี้ จังหวัดทางภาคเหนือก็มีความเสี่ยงเรื่องฝนตกหนักเช่นกัน
รอบนี้ ขอเชียร์สงขลา แต่ยังขอให้กำลังใจเชียงรายและเชียงใหม่ โอกาสต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี