งาน “อว.FAIR” ที่เพิ่งเสร็จสิ้นไป ท่ามกลางเสียงชื่นชมล้นหลาม
คือ ภาพสะท้อนที่ “มาถูกทาง” สำหรับการขับเคลื่อนประเทศที่มุ่งจะใช้ความรู้ การศึกษา วิทยาศาสตร์ งานวิจัย และนวัตกรรม ในการยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
1. สำหรับงาน “อว.FAIR” ครั้งนี้ ได้รับเสียงชื่นชมมาก เพราะไม่น่าเบื่อไม่ซ้ำซาก และล้ำสมัย
แต่สามารถนำเสนองานวิทยาศาสตร์ วิจัย นวัตกรรม ได้อย่างจับต้องได้ เข้าถึงคนทุกวัย ทุกสาขาอาชีพ
มีเนื้อหาครบเครื่อง ครบรส ทั้งวิชาการ งานวิจัย สินค้านวัตกรรม ไปจนถึงความบันเทิง เครื่องเล่น กระทั่งได้ลุ้นโชคเป็นจักรยานต์ไฟฟ้า
ที่เห็นคนไปถ่ายรูปกันมากๆ เช่น สถานีอวกาศจำลอง ไปถ่ายรูปด้วย GENERATIVE AI ชมดินจากดวงจันทร์จากยานอวกาศ“ฉางเอ๋อ 5” เครื่องเล่นVR สุดล้ำจากบริษัทผู้พัฒนาเกมออนไลน์รายใหญ่ของจีน การเฉลยข้อสอบ TCAS และการแนะแนวอาชีพในอนาคต บูธแสดงผลงานจากผู้ประกอบการและสตาร์ทอัพ สินค้าที่พัฒนาจากวิทยาศาสตร์งานวิจัย เทคโนโลยี นวัตกรรม และสินค้าด้าน Soft Power ฯลฯ
ใครไปงานนี้ จะได้เห็นเลลยว่า ประเทศไทยมีองค์ความรู้ เทคโนโลยี และไอเดียธุรกิจนวัตกรรมที่น่าสนใจมากมาย สร้างแรงบันดาลใจได้มาก
รวบรวมสหวิทยาการทั้งด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรม หลักสูตรยกระดับการศึกษา และ Soft Power เต็มไปหมด
มี Startup และผู้ประกอบการรุ่นใหม่ นำเสนอ Business Model ที่น่าสนใจ
มีงานเสวนาจากนักวิจัย ผู้รู้ ในหลากหลายหัวข้อ ทำให้เห้นว่า วิทย์ฯ อยู่ใกล้ชีวิตคนเรามากจริงๆ
ขอชื่นคนจัดงานปีนี้ เรียกว่า เปิดศักราชใหม่ของกระทรวง อว.อย่างแท้จริง
แม่งาน คือ คุณศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) นั่นเอง
2. อันที่จริง งาน อว.แฟร์ ครั้งนี้ เป็นภาพสะท้อนชัดเจนว่า นี่คือศักราชใหม่ของกระทรวง อว.
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สถาปนามา 5 ขวบปีพอดี
รัฐมนตรีศุภมาส กล่าวว่า กระทรวง อว. มีหน้าที่สำคัญในการผลิตกำลังคนในสาขาวิชาต่างๆ พร้อมได้เตรียมหลักสูตรต่างๆ เพื่อที่จะรองรับการผลิตแรงงานทักษะสูงในอนาคตอันใกล้นี้ รวมทั้งปลดล็อกหลักเกณฑ์ที่ทำให้การอุดมศึกษาไทยก้าวไปได้ช้า
ปัจจุบัน เราสามารถทำให้เด็กจบมหาวิทยาลัยได้ก่อน 2 ปี
เรามีหลักสูตรแซนด์บ็อกซ์มากมายที่จะรองรับอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
เราทำให้ non-degree มีความสำคัญไม่แพ้ degree
นักศึกษาไม่จำเป็นจะต้องรอจบ 4 ปี แล้วเริ่มทำงาน แต่สามารถทำงานควบคู่ไปกับการเรียนได้แล้ว
นโยบายของทางรัฐบาล คือ ต้องการให้กระทรวง อว. เร่งผลิตกำลังคน ตอบโจทย์ 8 เสาหลักของนโยบาย Ignite Thailand
ย้อนกลับไปเมื่องาน IGNITE THAILAND : Future Workforce for Future Industry คุณศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม แถลงแนวทาง “การสร้างกำลังคนรองรับกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคต” ระบุชัดเจนว่า
กระทรวง อว. มีแผนงานในการสร้างและพัฒนากำลังคนที่ครอบคลุมในทุกระดับ ตั้งแต่กำลังคนที่อยู่ในภาคอุตสาหกรรม นักวิจัย รวมถึงการผลิตบัณฑิตในระดับปริญญาตรี โท เอก
ในระยะ 5 ปีข้างหน้า ตั้งเป้าผลิตกำลังคนด้านเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงไว้ที่ 80,000 คน ด้าน EV 150,000 คน และด้าน AI 50,000 คน
ปัจจุบัน ได้เริ่มดำเนินการผลิตกำลังคนรองรับกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคตไปแล้ว 6 โครงการ ซึ่งมีผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจ
โดยมี 3 โครงการที่เป็น Quick Win เห็นผลในระยะสั้น ได้แก่
“1.การพัฒนาและเพิ่มทักษะ (Upskill/Reskill) เช่น โครงการ STEM PLUS หลักสูตรฝึกอบรมระยะสั้น สำหรับกำลังคนที่อยู่ในอุตสาหกรรม โดยมีแรงจูงใจให้บริษัทเอกชนที่ส่งบุคลากรมาเรียน สามารถนำค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมไปลดหย่อนภาษีได้ 250% ปัจจุบันมีหลักสูตรด้านอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง 150 หลักสูตร ด้าน EV 124หลักสูตร ด้าน AI 313 หลักสูตร ตั้งเป้าผลิตกำลังด้านเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง 12,500 คนต่อปี ด้าน EV 24,000 คนต่อปี ด้าน AI 8,000 คนต่อปี
2.โครงการ Coop+ หรือ สหกิจศึกษาพลัส ที่นำนักศึกษาในสาขาที่เกี่ยวข้องกับเซมิคอนดักเตอร์มาพัฒนาทักษะเพิ่มเติมและฝึกงานกับภาคอุตสาหกรรม หลังจบการศึกษาแล้วยังสามารถทำงานกับบริษัทได้ทันที โดยตั้งเป้าผลิตกำลังคนด้านเซมิคอนดักเตอร์ 1,500 คนต่อปี เริ่มนำร่องไปแล้วกับ 8 บริษัทชั้นนำ ขณะที่ด้าน EVและ AI ก็จะใช้รูปแบบเดียวกัน โดยตั้งเป้าด้าน EV 500 คนต่อปี ด้าน AI 500 คนต่อปี
3.โครงการสหกิจศึกษาในต่างประเทศ โดยการส่งนักศึกษาไปฝึกงานในมหาวิทยาลัยหรืออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับ 3 ด้านนี้ในต่างประเทศ”
ส่วนโครงการที่ 4 ถึง 6 เป็นแผนระยะกลางและยาว ที่จะเห็นผลภายใน 2-4 ปี
โดยโครงการที่ 4 คือ การจัดทำหลักสูตรแซนด์บ็อกซ์ เซมิคอนดักเตอร์ ทั้งระดับปริญญาตรีและโท โดย 15 มหาวิทยาลัย คาดว่าจะผลิตกำลังคนได้ 1,300 คนต่อปี ด้าน EV จะเปิดสอนได้ในปีหน้า และด้าน AI ได้เปิดสอนแล้ว 2 หลักสูตรใน 6 มหาวิทยาลัยที่ ตั้งเป้าผลิตกำลังคนให้ได้ 1,000 คนต่อปี
โครงการที่ 5 การจัดทำหลักสูตรเซมิคอนดักเตอร์ EV และ AI ร่วมกับมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศ ระดับปริญญาตรีและโท เป็นหลักสูตร International Program ตั้งเป้าผลิตกำลังคนไม่น้อยกว่า 200 ตนต่อปี
และ โครงการที่ 6 การสนับสนุนทุนการศึกษาระดับปริญญาเอก ล่าสุดได้ร่วมมือกับอิมพีเรียลคอลเลจลอนดอน สหราชอาณาจักร ในการส่งนักเรียนทุนไปเรียนต่อในระดับปริญญาเอกด้านเซมิคอนดักเตอร์ และจะดำเนินการในลักษณะเดียวกันในด้าน EV และด้าน AI
“ขณะเดียวกันยังมีแผนการยกระดับห้องปฏิบัติการในมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัย ให้เป็นศูนย์ฝึกอบรม (Training Centers) เพื่อรองรับการพัฒนากำลังคนด้านเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง EV และ AI ทั้งในกรุงเทพฯ และภูมิภาค
โดยตั้งเป้าว่าภายใน 5 ปี จะมีจำนวน 10 แห่ง ด้าน EV จำนวน 15 แห่ง และด้าน AI จำนวน 9 แห่ง
กระทรวง อว. จะนำ 6 แนวทางนี้ไปขยายผลให้ครอบคลุม 8 อุตสาหกรรมใน IGNITE THAILAND โดยได้เริ่มดำเนินการแล้ว เช่น การจัดทำหลักสูตรแซนด์บ็อกซ์ ปัจจุบันมี 14 หลักสูตร เช่น ด้านการบิน เปิดสอนแล้ว 2 หลักสูตร ด้านสุขภาพและการแพทย์ มี 4 หลักสูตร ที่เปิดสอนแล้ว เป็นต้น
ที่สำคัญกระทรวง อว. ยังมีแผน จัดสรรทุนการศึกษาตั้งแต่ระดับปริญญาตรีในการผลิตคนใน 8 กลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวตามนโยบายนายกรัฐมนตรี ทั้งที่เป็นทุนภายใต้การกำกับของกระทรวง อว. หรือร่วมกับหน่วยงานอื่น เช่น กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) โดยได้มีการหารือการจัดสรรทุนของ กยศ. สำหรับนักศึกษาใน 8 กลุ่มอุตสาหกรรมนี้แล้ว” - รัฐมนตรีศุภมาส กล่าว
3. จะเห็นได้ว่า ที่น่าชื่นชม เพราะไม่ใช่แค่จัดงานอีเว้นท์ แต่ในเนื้องานที่ขับเคลื่อน ก็มีรูปธรรมจริง จับต้องได้
ทำให้กระทรวง อว.มีบทบาทสำคัญกว่าในอดีต
โดยไม่ใช่เพียงกำกับดูแลสถานศึกษา มหาวิทยาลัย
แต่มีบทบาทขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ผ่านการผลิตคน สนับสนุนองค์ความรู้ วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม
เริ่มจากกระตุ้นให้คนในสังคมสนใจงานวิทยาศาสตร์ที่ไม่ใช่เรื่องไกลตัว
สามารถยกระดับคุณภาพชีวิต เพิ่มรายได้ โดยยกระดับราคาสินค้าและบริการที่ขายได้จริงๆ และเพิ่มทักษะการทำงานที่เพิ่มรายได้ได้จริงๆ
ทั้งในภาคเกษตร อุตสาหกรรม ท่องเที่ยว ฯลฯ
นี่คือการเปิดศักราชใหม่ของกระทรวง อว.
ขอให้เดินหน้าต่อไปในทิศทางนี้อย่างต่อเนื่อง จะเป็นประโยชน์กับประเทศชาติอย่างยิ่ง
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี