การตั้งรัฐบาลชุดนี้ที่เริ่มมาตั้งแต่หลังวันที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ คือ“แพทองธาร ชินวัตร”ได้รับโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง..มีเพียงแค่สองคนเท่านั้น ที่รับงานทั้งหมด คือ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี..ส่วนนายกรัฐมนตรีเป็นเพียงแค่“หุ่น”ที่ให้นายทักษิณ ชินวัตร บิดาเป็นผู้“เชิด”

เมื่อมองในภาพรวม..รัฐบาลที่มี“แพทองธาร ชินวัตร”เป็นนายกรัฐมนตรีชุดนี้..เริ่มต้นก็มีแต่ลางร้าย-ไม่เป็นมงคล..นอกจากพรรคพลังประชารัฐที่จะเข้าร่วมรัฐบาลมีปัญหาขัดแย้งแตกแยกภายในพรรคเหมือน“สุนัขกัดกัน”แล้ว

ตัวนายกรัฐมนตรีเอง..นอกจากอาจจะมีปัญหาเรื่องบิดา คือนายทักษิณ ชินวัตร..ที่เชื่อว่าเมื่อรัฐบาลเริ่มปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการหลังแถลงนโยบายต่อสมาชิกรัฐสภา..ซึ่งอย่างเร็วคงไม่เกินกลางเดือนกันยายนที่จะถึงนี้..ต้องมีคนร้องเอาผิดเรื่อง“ครอบงำพรรค”ตามมาตรา 28 และมาตรา 29 ของกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองแน่นอน

เพราะนายทักษิณ ชินวัตร เคลื่อนไหวแสดงตนว่าเป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทย..ตั้งแต่ทันทีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี..เมื่อช่วงเย็นวันที่ 14 สิงหาคม 2567..โดยเรียกหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคร่วมรัฐบาล อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ..เข้าร่วมประชุมหารือเรื่องนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่จะมาแทนนายเศรษฐา รวมถึงการจัดตั้งรัฐบาล ที่บ้าน“จันทร์ส่องหน้า”ซึ่งใช้เป็นที่คุมขังนายทักษิณที่อยู่ระหว่างพักโทษ

และโดยข้อเท็จจริงตามข่าวที่ปรากฏ..ขณะที่มีการประชุมหารือในเรือนจำชั่วคราวแห่งนี้นั้น..ไม่มี“แพทองธาร ชินวัตร”หัวหน้าพรรคเพื่อไทยร่วมอยู่ด้วย..เพราะแพทองธารอยู่ระหว่างเดินทางกลับจากนครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน..มาถึงเมืองไทยก็เมื่อบรรดาแกนนำของพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคได้เดินทางออกจากบ้านจันทร์ส่องหล้าไปแล้ว

ถ้าหากมีการยื่นร้องเรื่องการ“ครอบงำพรรค”พรรคเพื่อไทย รวมทั้งพรรคร่วมรัฐบาลด้วย..แล้วอ้างว่านายทักษิณ ชินวัตร ที่ขณะนั้นยังเป็นนักโทษ ไม่เกี่ยวข้อง..คำถามก็มีต่อว่า แล้วบรรดาแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่ไประชุมหารือในวันนั้น ..ประชุมกับผู้ใดของพรรคเพื่อไทย

เนื่องจากระหว่างที่มีการประชุมหารือกันอยู่นั้น..“แพทองธาร ชินวัตร”หัวหน้าพรรคเพื่อไทยยังอยู่บนเครื่องบิน..โดยต้องบินกลับอย่างกระทันหันก่อนกำหนด..จากการไปศึกษาดูงานในหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร หรือ วปอ. (มินิ-วปอ.) ที่นครเซี่ยงไฮ้..ระหว่างวันที่  12-15 สิงหาคม 2567

ใม่เพียงแต่เท่านั้น ในเวลาต่อมา..ภายหลังจากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง“แพทองธาร ชินวัตร”เป็นนายกรัฐมนตรี..ซึ่งมีพิธีรับพระบรมราชโองการ ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทยแห่งใหม่-อาคาร“วอยซ์ สเปซ”ถนนวิภาวดีรังสิต เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2567...นายทักษิณ ชินวัตร ก็ทำตัวเหมือนหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและนายกรัฐมนตรีคนใหม่..โดยบดบังรัศมีลูกสาวของตนเองไว้หมด

หรือแม้แต่เมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามเรื่องที่ทำตัวเหมือนเป็นหัวพรรคเพื่อไทยและนายกรัฐมนตรีตัวจริง..ว่าจะถูกร้องฐาน“ครอบงำ”พรรคเพื่อไทย..นายทักษิณ ชินวัตร ยังได้ตอบทีเล่นทีจริงแบบไม่เกรงว่าคำพูดจะกลับมามัดคอตนเองว่า..“ไม่มีครอบงำหรอกครับ มีแต่ครอบครอง..ก็เป็นลูกสาวผมนี่..สบายๆ อยากจะร้องก็ร้องให้ดัง”

อีกทั้ง ทุกเรื่องทุกปัญหาที่เกี่ยวกับนโยนบายและการทำงานของรัฐชุดใหม่เมื่อผู้สื่อข่าวถามนายทักษิณ ชินวัตร ที่ไปปรากฏตัว ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย”อาคารวอยซ์ สเปซ”ทุกวัน..ในช่วงที่มีการประชุมจัดตั้งรัฐบาล..นายทักษิณตอบคำถามเหมือนตนเป็น“ผู้กำหนด”และเป็นนายกรัฐมนตรีเอง..พอได้สติหลังจากพูดเพลินจนลืมตัว..ก็จะออกตัวว่าการตัดสินใจเป็นของนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี

แม้กระทั่งว่าเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่..นายทักษิณ ชินวัตร ก็พูดเหมือนเป็นหัวหน้ารัฐบาลและหัวหน้าพรรคเพื่อไทยว่า..“ต้องมีเสียงให้มีเสถียรภาพ..เพราะปัญหาประเทศมันเยอะมากในข้างหน้า ต้องเปลี่ยนเชิงโครงสร้างโดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ..และในโครงสร้างก็ต้องอาศัยการแก้ไขกฎหมาย..อาศัยการสนับสนุนจากสภาฯ..เพราะฉะนั้น เราต้องมั่นใจว่า รัฐบาลมีเสียงพอ ทำให้เกิดความเชื่อมั่นของประเทศ”

ล่าสุดเมื่อวานวันที่ 22 สิงหาคม..นายทักษิณ ชินวัตร ก็เพิ่งไปพูดในงาน “Dinner Talk : Vision for Thailand 2024”..ซึ่งเครือเนชั่นเป็นผู้จัด  ที่พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน..เกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและอนาคตประเทศไทย..ว่าจะขับเคลื่อนไปอย่างไรและในทิศทางไหน

ที่กล่าวมานั้น  เฉพาะเรื่องของนายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดา..ที่หมิ่นเหม่เหลือเกินว่ารัฐบาลชุดนี้จะไปไม่รอด..ขณะที่เรื่องของลูกสาว คือ“แพทองธาร ชินวัตร”ในฐานะนายกรัฐมนตรี ก็มีปัญหาเรื่อง“ผิดมาตรฐานทางจริยธรรม”รออยู่”

ทั้งเรื่องข้อสอบรั่วสมัยสอบเอนทรานซ์เข้าคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ในปี 2547 ช่วงรัฐบาลไทยรักไทยที่มี“ทักษิณ ชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรี, เรื่องทุนจีนสีเทาซื้อบ้านหรู“โครงการแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด”ในซอยลาซา..ซึ่งบริษัท“เอสซี แอสเซ็ท”ของตระกูลชินวัตรที่“แพทองธาร ชินวัตร”ถือหุ้นใหญ่เป็นผู้พัฒนาโครงการ  และเรื่องที่ดินธรณีสงฆ์..โดยแพทองธารถือหุ้นใหญ่“บริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ”

และเวลานี้กำลังโดนขุดขึ้นมารอร่วมขบวนกฐินสามัคคีอีกเรื่องหนึ่ง..คือมีการขุดคุ้ยว่า“แพทองธาร ชินวัต”เกี่ยวข้องกับการที่“พรรคไทยรักษาชาติ” (ทษช.) ที่“แตกแบงก์พัน”มาจากพรรคเพื่อไทยต้องถูกยุบไปในช่วงการเลือกตั้ง สส.ปี 2562..ซึ่งมีผลมาจากการเสนอชื่อ“ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาฯ”เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

คดีนี้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2562 ว่า..การกระทำของพรรคไทยรักษาชาติ..เป็นการเซาะกร่อน..บ่อนทำลาย..ให้เกิดความชำรุดทรุดโทรมเสื่อมทราม..เข้าข่ายลักษณะของการกระทำที่อาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข..จึงมีคำสั่งด้วยมติเอกฉันท์ 9 : 0 ให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติ..พร้อมทั้งสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 10 ปี

ดูแล้วหนักหนาสาหัสจริงๆ..สำหรับเส้นทางเดินสู่ตึกไทยคู่ฟ้าของ“แพทองธาร ชินวัตร”บนเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย !

รุ่งเรือง ปรีชากุล