วันอังคาร ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2568
การฟอกขาว (bleaching) ในเชิงวิทยาศาสตร์ หมายถึงการขั้นตอนของการทำลายสี หรือการทำให้วัตถุที่ถูกนำไปฟอกขาวมีสีเดิมลดลง จางลง เพื่อให้วัตถุนั้นขาวมากขึ้น โดยใช้สารฟอกขาว อันเป็นตัวการสำคัญที่ช่วยทำให้วัตถุนั้นมีความขาวสว่างมากขึ้นกว่าเดิม การฟอกขาวเป็นปฏิกิริยาทางเคมี
สารฟอกขาว (bleaching agents) ในทางเคมี แบ่งเป็นสองชนิด คือกลุ่ม oxidizing agents และ reducing agents (ขออนุญาตไม่ลงรายละเอียดในด้านเคมีมากไปกว่านี้ เพราะเกรงจะทำให้ประเด็นที่จะเขียนในวันนี้ผิดเพี้ยนไป)
แต่เมื่อพูดถึงการฟอกขาวทางการเมืองแล้ว สิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้กระทำความผิด ผู้มีมลทินตราบาป และมีความสกปรกโสโครกอื่นๆ อันเนื่องมาจากพฤติกรรมการเมืองที่ชั่วช้าสามานย์ที่เขาผู้นั้นได้จงใจกระทำขึ้น สิ่งที่สามารถช่วยทำให้คนโสโครกพ้นจากความสกปรกโสโครกได้ประการหนึ่งคือการสร้างภาพ เพื่อเบี่ยงประเด็น แล้วดึงความสนใจของผู้คนไปในทิศทางอื่น ซึ่งจะทำให้คนโสโครกไม่ถูกจับจ้องและมองในสิ่งที่เขาได้ก่อความสกปรกโสโครกนานัปการไว้
เครื่องมือฟอกขาวทางการเมืองที่สำคัญคือ กฎหมายที่ไม่ยุติธรรม อำนาจรัฐในเชิงอธรรม อำนาจเงินตรา และการใช้รูปแบบการสื่อสารต่างๆ เพื่อจงใจเบี่ยงประเด็น
ในเมืองไทยนั้น มีการฟอกขาวให้คนโสโครกในแวดวงการเมืองบ่อยมาก บ่อยเสียจนกลายเป็นเรื่องที่ดูเสมือนว่าปกติธรรมดาไปแล้วเพราะเมื่อคนการเมืองคนไหนที่โสโครกมากๆก็จะใช้กลอุบายฟอกขาวโดยใช้สื่อมวลชนเป็น bleaching agents ผสมกับการใช้อำนาจรัฐ อำนาจเงิน และอำนาจของกฎหมาย
เพราะฉะนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมนักโทษที่ต้องคดีอาญาแผ่นดินจึงสามารถลอยหน้าได้บนเวทีที่ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ โดยสื่อมวลชนจำพวกที่ทำหน้าที่ฟอกขาวให้คนสกปรกโสโครก
แล้วก็ไม่ต้องประหลาดใจที่สาธารณชนได้พบว่าในการลอยหน้าบนเวทีโดยนักโทษ สาธารณชนจะได้พบเห็นเหล่าบรรดาพ่อค้านักธุรกิจจำพวกรวยเพราะอาศัยอำนาจรัฐเป็นฐานและเป็น springboard ไปรุมล้อม ไปแห่แหนคนโสโครก ราวกับว่าไปเข้าเฝ้าเจ้าผู้ครองนคร
มูลเหตุสำคัญที่พ่อค้านายทุนยักษ์ใหญ่กลุ่มหนึ่งต้องแบกหน้าพาร่างไปเฝ้าแหนคนโสโครก ณ เวทีสร้างเรื่องโกหกระดับชาติ ก็เพราะว่านายทุนเหล่านั้นล้วนทำธุรกิจจนเติบใหญ่ได้ก็เพราะอาศัยอำนาจรัฐมาโดยตลอด นายทุนบางรายทำตัวเสมือนว่าเป็นนักบุญ แต่แท้จริงแล้วพฤติกรรมยิ่งกว่าซาตาน เพราะทั้งโกงกิน ทั้งทรยศ ทั้งปล้นทรัพยากรของชาติ ด้วยการอาศัยอิงแอบอำนาจรัฐมาทุกยุคทุกสมัย ดังนั้น จึงพบว่านายทุนใหญ่กลุ่มที่ว่านั้นสามารถนำตัวเข้าไปแอบอิงกับใครก็ตามที่มีอำนาจรัฐ ไม่ว่าจะได้อำนาจรัฐมาโดยกรรมวิธี หรือกลอุบาย หรือเพทุบายใดก็ตาม เราจึงเห็นกันทุกเมื่อเชื่อวันว่า ไม่ว่ารัฐบาลจะมาจากการเลือกตั้ง (สกปรก) หรือมาจากการทำรัฐประหาร (สุดโสโครก) นายทุนใหญ่ก็จะเข้าไปคลุกวงในแอบอิงอำนาจรัฐได้ทุกยุคทุกสมัย
ย้อนกลับไปที่กระบวนการฟอกขาวให้คนโสโครกโดยสื่อมวลชน ในประเด็นนี้ต้องบอกว่าสื่อฯ ที่ไม่ยึดมั่นในหลักจรรยาบรรณวิชาชีพ จะชอบทำหน้าที่เป็นผู้ชำระล้างสิ่งสกปรกให้กับคนโสโครก โดยแลกกับเงินค่าจ้าง และผลประโยชน์ต่างๆ ที่สื่อฯ จะได้รับจากคนโสโครก โดยเฉพาะคนโสโครกที่สื่อฯ จงใจเข้าไปทำหน้าที่ฟอกขาวให้
ถามซ้ำว่า ทำไมสื่อฯ จึงต้องทำหน้าที่ฟอกขาวให้คนโสโครก ตอบคำถามนี้ได้หลายประการ คือ เพราะว่าสื่อฯ นั้นอยู่ใต้อิทธิพลของคนโสโครก หรือเพราะว่าคนโสโครกให้เงินจำนวนมหาศาลกับสื่อฯรายนั้น หรือเป็นเพราะว่าสื่อฯ ก็มีความสกปรกโสโครกเต็มไปด้วยรอยด่างดำ รอยมลทินไม่แตกต่างไปจากคนโสโครกที่สื่อฯ จงใจเข้าไปทำหน้าที่ฟอกขาวให้
แน่นอนว่าในยุคนี้ เป็นยุคที่สื่อฯ จำนวนไม่น้อยหิวกระหายเงิน จึงต้องพยายามตะเกียกตะกายหาเงินไปหล่อเลี้ยงกระเพาะเจ้าของสื่อฯ ให้จงได้ ดังนั้น เมื่อเจ้าของสื่อฯ หิวกระหายเงินมากจนลืมจรรยาบรรณของนักสื่อสารมวลชน ก็จึงเป็นเหตุให้คนโสโครกใช้เงินฟาดหัวเพื่อซื้อสื่อฯ ไปเป็นเครื่องมือฟอกขาวให้ตนเองได้
หลายคนตั้งคำถามว่า ทำไมสื่อฯ จึงเชิญนักโทษไปพูดประเด็นนโยบายสาธารณะของประเทศบนเวที แต่ก็มีคำถามถามกลับว่า หรือว่าจริงๆ แล้วนักโทษจ่ายเงินให้สื่อฯ เพื่อให้เปิดเวทีให้นักโทษขึ้นไปพูด
คำถามต่อไปคือ สื่อฯ ไม่รู้หรือว่าคนที่ไปพูดบนเวทีนั้นเป็นนักโทษ หรือเป็นอดีตนักโทษ หรือเป็นนักโทษที่ได้รับการพักโทษ หรือเป็นผู้ที่จงใจสร้างความแตกแยกให้กับประเทศมาก่อน หรือว่าสื่อฯรู้แต่ก็ยังจงใจเชิญนักโทษไปพูด เพราะเมื่อประเมินผลรายได้ที่สื่อฯ จะได้จากการก่อการเรื่องนี้แล้ว มันคุ้มค่ายิ่งกว่าคุ้ม เพราะได้เงินจำนวนมหาศาลอย่างแน่นอน
คำถามตามมาคือ เจ้าของสื่อฯ นายทุนสื่อฯ เป็นลิ่วล้อบริหาร เป็นขี้ข้าขี้ครอกของนักโทษใช่หรือไม่ จึงต้องใช้ฐานันดรความเป็นสื่อฯ ไปรับใช้ให้บริการนักโทษ
สื่อฯ ที่เชิญนักโทษไปพูดบนเวทีไม่มีสติปัญญามากพอที่จะกลั่นกรองพิจารณาหรือว่าเรื่องที่นักโทษขึ้นไปพล่ามเพ้อบนเวทีนั้นมันเป็นเรื่องเพ้อเจ้อเพ้อฝัน เลื่อนลอย และเป็นเรื่องที่คนมีสติปัญญาต่างรู้ตรงกันเหมือนกันว่าล้วนเป็นเรื่องขี้โม้ เป็นเรื่องมดเท็จ ไม่มีความจริงแม้แต่น้อย เป็นเรื่องที่ใครๆก็พูดได้ แต่ปัญหาคือพูดแล้วทำได้จริงหรือไม่ แล้วสื่อฯ ไม่รู้หรือว่าสิ่งที่นักโทษพูดนั้น หลายเรื่องไม่สามารถเป็นจริงได้ และหลายเรื่องเป็นเพียงการคุยโวโอ้อวดเท่านั้น
สื่อฯ มีหน้าที่เปิดเวทีให้คนสกปรกโสโครก หรือนักโทษขึ้นไปสร้างเรื่องโฆษณาชวนเชื่อ กระนั้นหรือ สื่อฯ ไม่ตระหนักสำนึกในหน้าที่ผู้ให้ความจริงกับสังคมบ้างเลยหรือ แล้วสื่อฯ ไม่คิดจะซักถาม โต้แย้ง หรือนำเอาเรื่องราวที่ผิดพลาดอย่างที่ไม่น่าให้อภัยของนักโทษที่ได้กระทำลงไปแล้ว ซึ่งถือว่าความผิดได้สำเร็จไปแล้ว เรื่องสำคัญแบบนี้ สื่อฯ ไม่คิดจะซักถามจากนักโทษบ้างหรือ
การที่สื่อฯ จงใจเลือกเอาคนทำผิด เลือกนักโทษ เลือกคนสกปรกโสโครกไปกล่าวเรื่องโกหกซ้ำแล้วซ้ำอีกบนเวที ก็เท่ากับว่าสื่อฯ ไม่ได้ทำหน้าที่ที่สื่อฯ ต้องทำเพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวม แต่มันคือการจงในประจานตัวสื่อฯ เองว่า เป็นเครื่องฟอกขาว เป็นสารฟอกขาวให้นักโทษ ให้คนสกปรก
สื่อฯ ที่ทำหน้าที่ฟอกขาวให้คนสกปรก ไม่ใช่สื่อฯ ที่มีจริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพสื่อฯ อย่างแน่นอน แต่มันเป็นเพียงลิ่วล้อ เป็นขี้ครอกขี้ข้าของคนสกปรก ซึ่งสะท้อนให้สาธารณชนเห็นชัดว่า สื่อฯ นั้นก็สกปรกไม่ผิดไปจากคนสกปรกที่สื่อฯ เชิญไปกล่าวเรื่องโกหกบนเวที

พุทธสมาคมเพียวเยี้ยงไท้ศรีราชา อัญเชิญองค์กิ้วอ้วงฮุกโจ้วที่ชายทะเลเกาะลอย ในเทศกาลกินเจ
ถือศีล-กินผักพังงา ร่วมยก'เสาโกเต้ง'สูงที่สุดในโลก ที่ศาลเจ้าแม่ม่าจ้อโป๋
ช่างตัดผมสาวเดือดปรี๊ด!! แก๊งนทท.ญี่ปุ่นรุมเปิดกระโปรงขณะรอตัดผม เจอจัดให้ชุดใหญ่ (มีคลิป)
สาวอุดรฯถูกหลอกไปทำงานปอยเปต ญาติวอนช่วยเหลือยังไม่รู้ชะตากรรม
ชาวนาเมืองช้างโอด! แม่น้ำมูลเอ่อท่วม ต้องลอยคอเกี่ยวข้าว

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี