ความน่าเชื่อถือของรัฐบาลคือคุณสมบัติสำคัญประการหนึ่งที่ช่วยให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ แต่สำหรับรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร แล้ว ความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก สาเหตุเพราะรัฐบาลคือตัวทำลายความน่าเชื่อถือของตนเองตลอดเวลา
การมีรัฐบาลที่มีนายกรัฐมนตรีไร้ประสบการณ์การเมือง และไร้ความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดินคือความเลวร้ายต่ำทรามของประเทศ ประเทศไหนที่มีนายกรัฐมนตรีไร้ประสิทธิภาพ ไร้ความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดิน นับเป็นความเลวร้ายที่ยากจะบรรยายได้
ถามว่าทำไมเมืองไทยยุคปัจจุบันจึงมีนายกรัฐมนตรีไร้ความสามารถ ตอบว่าเพราะนักการเมืองไทยส่วนใหญ่ของประเทศไทยไร้ความสามารถผสมกับอำนาจของ deep politics ที่เข้าไปข้องเกี่ยวกับการเมือง จึงทำให้เมืองไทยมีนายกรัฐมนตรีอ่อนด้อยไร้คุณภาพดังปรากฏ
มีคำถามต่อไปว่าบ้านเมืองไทยของเราจะเป็นอย่างไร ในเมื่อเรามีนายกรัฐมนตรีไร้ความสามารถ ไร้ทักษะการบริหารประเทศ ตอบได้สั้นๆ ว่าน่าเป็นห่วงอนาคตของบ้านเมืองมาก น่าเป็นห่วงอย่างที่สุด และงานนี้ประชาชนจะต้องประสบกับปัญหาต่างๆ นานาสารพัดชนิดตามมาโดยไม่ต้องสงสัย ทั้งปัญหาสังคม ปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาการเมือง เรียกได้ว่าปัญหาทุกอย่างจะประเดประดังเข้ามาพร้อมๆ กัน
ล่าสุดเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหลังจากพิชัย ชุณหวชิร นักธุรกิจที่ไม่เคยมีประสบการณ์การเมืองโดยตรง (แม้จะถูกดึงเข้าไปเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาก่อน) แต่ดันเข้าไปรับงานใหญ่ของประเทศในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แล้วก็ปรากฏว่าสถานภาพด้านการคลังของไทยก็ยังคงประสบปัญหาเรื่อยมา
คำพูดของพิชัยเรื่องเพิ่มอัตรา Value Added Tax (VAT) เรื่องลดภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเงินได้ส่วนบุคคล เป็นเรื่องที่ทำให้สังคมพร้อมใจกันขว้างก้อนหินเข้าใส่รัฐบาลอย่างไม่ยั้งมือ จนในที่สุดแพทองธารต้องออกมาเล่นละครบอกว่าสั่งยุติการเพิ่ม VAT แล้ว ซึ่งต้องบอกว่าเป็นเรื่องตลกการเมืองที่เต็มไปด้วยความไร้สติสิ้นปัญญาโดยแท้
ถามว่าคำพูดเรื่องขึ้นอัตรา VAT มาจากความคิดของพิชัยจริงๆ หรือ ตอบว่าไม่น่าจะจริง แต่น่าจะมาจากความคิดของทักษิณ ชินวัตร เจ้าของพรรคเพื่อไทยมากกว่า ส่วนพิชัยนั้นก็เป็นแค่ร่างทรงของทักษิณเท่านั้น
คอการเมืองจับได้ว่าเมื่อทักษิณพูดในเรื่องใดก็ตาม หลังจากนั้นไม่นานรัฐบาลในส่วนของพรรคเพื่อไทยก็จะพูดตามนั้นทุกเรื่อง ซึ่งทำให้คอการเมืองจับได้ว่าความต้องการของทักษิณถูกส่งไปยังรัฐมนตรีสังกัดพรรคเพื่อไทย
กลับไป focus เรื่องที่พิชัยพูดเรื่องขึ้น VAT 15 เปอร์เซ็นต์ ถามว่าพิชัยพูดเรื่องนี้เพื่อโยนหินถามทาง หรือพูดเพราะต้องการสนองความต้องการของใครหรือเปล่า เรื่องนี้คนที่ตอบได้ดีที่สุดคือพิชัยแต่คำถามต่อมาคือ หากปรับขึ้น VAT 15 เปอร์เซ็นต์ จะทำได้หรือไม่ ตอบว่ายังไม่ได้ เพราะกฎหมายไทยกำหนดให้เก็บ VAT สูงสุดได้ที่ 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
เพราะฉะนั้น จึงตอบได้อีกว่าการที่พิชัยพูดเรื่อง VAT 15 เปอร์เซ็นต์ ก็น่าจะมาจากความคิดของคนบางคนที่มีอำนาจเหนือพรรคเพื่อไทย ถามว่าทำไมพิชัยต้องพูดเรื่องปรับขึ้น VAT ตอบว่าเพราะรัฐบาลต้องการได้เงินเพิ่มขึ้น เนื่องจากรัฐบาลหว่านแจกเงินตลอดเวลา การปรับขึ้น VAT เป็นการหาเงินให้รัฐบาลได้ง่ายที่สุด เพราะหากปรับขึ้น VAT เพียง 1 เปอร์เซ็นต์ ก็จะทำให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 7-8 หมื่นล้านบาทดังนั้นการเพิ่ม VAT แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็จะทำให้รัฐบาลมีรายได้มหาศาลในพริบตา
ถามว่ารัฐบาลเพื่อไทยไม่รู้หรือว่าการเพิ่ม VAT แล้วจะทำให้ถูกประชาชนต่อต้านและคัดค้าน เมื่อรู้แล้ว ทำไมยังปล่อยให้พิชัยไปโยนหินถามทาง จนสุดท้าย
หินที่โยนไปนั้น ก็ถูกขว้างใส่หัวของรัฐบาล
รัฐบาลใช้จ่ายเงินมากเหลือเกิน ใช้จ่ายเงินตลอดเวลา ซึ่งเป็นการใช้จ่ายเงินที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ในการสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจไทยแต่เป็นการใช้เงินเพิ่มซื้อคะแนนนิยมการเมืองมากกว่า เช่น digital wallet 1 หมื่นบาท ที่เพื่อไทยอ้างว่าจะแจกจ่ายให้คนทุกคนที่อายุเกิน 16 ปีขึ้นไป แต่ทว่าคำโกหกนั้นก็ไม่สามารถบังเกิดขึ้นได้ เนื่องจากรัฐบาลไม่มีเงินเพียงพอ และยังเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมายอีกด้วย ดังนั้น รัฐบาลจึงไม่กล้าแจกเงินตามคำโฆษณาชวนเชื่อ แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงพยายามหลอกล่อคนที่คิดไม่ทันในเรื่องเงิน digital wallet ตลอดเวลา ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าทำไม่ได้
เมื่อรัฐบาลหว่านแจกเงินมาก ก็ต้องหาเงินเพื่อหว่านแจกต่อไปให้ได้ เพราะมิฉะนั้น ก็จะไม่สามารถรักษาคะแนนนิยมการเมืองต่อไปได้ เพราะการขึ้น VAT ทีละหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ คือการสร้างปัญหาค่าครองชีพให้ประชาชนทุกคนพร้อมๆ กัน แต่คนที่จะเดือดร้อนมากที่สุดคือคนจน เพราะเงินจะหายไปจากการซื้อสินค้าทันที 100 เปอร์เซนต์ เมื่อเทียบกับการเสีย VATอัตราเดิม
พิชัยต้องรู้ดีว่าคนไทยทั้งประเทศเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพียงประมาณ 4 ล้านคนเท่านั้น นั่นหมายความว่าจะรีดภาษีจากคนกลุ่มนี้ให้มากกว่าเดิมก็คงจะเป็นเรื่องยากมาก ดังนั้น ก็จึงเล่นเกมด้วยการรีดภาษีจาก VAT แต่พิชัยคงลืมนึกไปว่าประเทศนี้มีคนจนมากกว่าคนรวย ดังนั้นการเพิ่ม VAT จึงกลายเป็นฝันร้ายของพิชัย และของรัฐบาลไปพร้อมๆ กัน
พิชัยและรัฐบาลไม่เคยพูดให้ชัดว่าจะเอาเงินที่ได้จากการปรับขึ้น VAT ไปใช้ทำอะไร เพื่อกิจการใด ทั้งๆ ที่คนไทยทั้งประเทศรู้ดีว่าการจัดเก็บภาษีอื่นๆ ในไทยมีปัญหามาโดยตลอด
ขอย้ำว่าโครงสร้างภาษีเงินได้ ภาษีนิติบุคคลของไทยมีปัญหา และยังมีเรื่องฐานภาษีอีกด้วย ถามอีกครั้งว่าทุกวันนี้กรมสรรพากรเก็บภาษีนิติบุคคลได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยหรือยัง เก็บภาษีจากกลุ่มนักธุรกิจการเมืองที่หนีภาษีได้ครบหรือยัง
หากรัฐบาลอยากได้เงินเพื่อนำไปใช้จ่ายมากๆ ทำไมรัฐบาลไม่ตามไปรีดภาษีจากกลุ่มนักธุรกิจการเมือง หรือกลุ่มนักธุรกิจที่อิงแอบกับอำนาจการเมืองให้ได้ภาษีครบถ้วนร้อยเปอร์เซ็นต์ ทำไมปล่อยให้นักธุรกิจการเมืองหลบเลี่ยงภาษีได้โดยง่ายดาย
ถามอีกทีว่าทำไมรัฐบาลไม่ตามเก็บภาษีจากนักลงทุนในตลาดหุ้นที่ได้กำไรหุ้นวันๆ หนึ่งหลายร้อย หลายพันล้านบาท ทำไมรัฐบาลปล่อยให้เศรษฐี มหาเศรษฐีหลบเลี่ยงการจ่ายภาษีที่ดิน ภาษีมรดก ทำไมรัฐบาลปล่อยให้เศรษฐีที่ดินปลูกกล้วย มะนาว บนที่ดินในใจกลางกรุงเทพฯ แล้วยอมรับข้ออ้างว่าเศรษฐีใช้ประโยชน์บนที่ดินใจกลางกรุงเทพฯ แล้ว คำอ้างแบบนี้มันปัญญาอ่อนมาก แต่ทว่ารัฐบาลปัญญาอ่อนยิ่งกว่า เพราะดันยอมให้เศรษฐีหลบเลี่ยงการจ่ายภาษีที่ดินในใจกลางกรุงเทพฯ รัฐบาลจะอ้างว่าไม่รู้ว่ามีคนรวย มหาเศรษฐีจำนวนไม่น้อยของไทยได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีอยู่จนทุกวันนี้ และมหาเศรษฐีเหล่านั้นก็อยู่ในตระกูลของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีหลายคนด้วย
ถามว่าธุรกิจต่างๆ ของทักษิณ ชินวัตร จ่ายภาษีครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่ ถามว่าเมื่อครั้งทักษิณ ชินวัตร ขายหุ้นแบบซิกแซกให้กับคนในบ้านตัวเอง ทักษิณจ่ายภาษีครบถ้วนหรือไม่ เรื่องแบบนี้พิชัยน่าจะตอบได้ดีที่สุด เพราะรู้จักครอบครัวของทักษิณมานานมากแล้ว
สรุปประเด็นสำหรับวันนี้คือ รัฐบาลชุดนี้กำลังวิ่งพล่านหาเงินเพื่อนำไปใช้ในการหว่านแจกตามนโยบายประชานิยมที่เพื่อไทยตั้งขึ้นมาเพื่อหวังได้คะแนนนิยมการเมือง เพราะหวังจะชนะการเลือกตั้งด้วยการหว่านแจกเงินโดยอ้างนโยบายประชานิยม เมื่อหว่านเงินมาก ก็ต้องหาเงินไปหว่านให้จงได้ การหาเงินที่ง่ายที่สุดของผู้มีอำนาจรัฐคือการขึ้นภาษีกับคนที่ไร้ทางต่อสู้ต่อรอง ซึ่งมันคือหนทางง่ายๆ ที่ไม่ต้องใช้สติปัญญาของรัฐบาลที่หาความน่าเชื่อถือได้ยาก หรือไร้ความน่าเชื่อถือ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี